ประจำเดือน สามารถเรียกได้หลายชื่อ เช่น โลหิตระดู,ระดู,รอบเดือน, หรือที่คนส่วนใหญ่เรียกทับศัพท์ว่า “เมนส์” (Menstruation) เด็กผู้หญิงส่วนใหญ่จะเริ่มมีประจำเดือนครั้งแรกเมื่ออายุ 13-14 ปี แต่บางคนมาเร็วคืออายุ 10 ปี หรือมาช้าเมื่ออายุ 16-17 ปี ยังถือว่าปกติ แต่ถ้าหากมาเร็วหรือช้ากว่านี้ถือว่าฮอร์โมนเพศหญิงอาจมีความผิดปกติควรไปพบคุณหมอทันที
เวลาที่มีประจำเดือนหลายคนคงจะรู้สึกไม่สบายตัว บางคนปวดท้อง บางคนหงุดหงิด พาลจนคนรอบข้างไม่อยากเข้าใกล้ แต่ทราบไหมว่า เลือดเสียที่ผู้หญิงต้องขับออกมาทุกเดือนบอกอะไรได้บ้าง
ทางศาสตร์จีนกล่าวไว้ว่า แค่สีของเลือดเพียงอย่างเดียวก็บอกอะไรเราได้หลายอย่าง
สีแดงเข้ม เหนียวข้น เป็นคนที่ร้อนใน มักจะหงุดหงิดง่าย และมีอาการท้องผูกร่วมด้วย
สีแดงซีด เป็นคนที่มีปัญหาเรื่องเลือด มักจะไม่มีแรง หน้าซีด เล็บซีด ปากซีด เวียนศีรษะ หลงลืมง่าย และมักนอนไม่หลับ
สีแดงคล้ำ คือเลือดที่คั่งอยู่ในโพรงมดลูก เวลามีประจำเดือนมักจะมีลิ่มเลือดออกมาด้วย ทางศาสตร์จีนบอกว่าคนเป็นคนขี้หนาว และมักจะเครียดบ่อย
ส่วนคุณผู้หญิงที่ปวดประจำเดือนเป็นประจำ เพราะเลือดไหวเวียนไม่สะดวก เกิดจากหลายสาเหตุ เช่นความเครียด หรือความเย็นก็มีส่วนมาก หากคุณเป็นคนชอบกินน้ำเย็น น้ำแข็ง หรือแม้กระทั่งสาวออฟฟิศนุ่งกระโปรงสั้นเปิดเข่าทำงานในห้องที่มีเครื่องปรับอากาศอุณหภูมิต่ำ ๆ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยที่ทำให้เลือดไหวเวียนไม่สะดวกทั้งสิ้น
ดังนั้นหากไม่อยากปวดประจำเดือน หรืออยากให้ประจำเดือนมาปกติ มีวิธีปฏิบัติง่าย ๆ ดังนี้
1. อย่าเครียด ทำจิตใจให้สบาย รู้จักปล่อยวางเสียบ้าง แค่นี้ก็ไม่เครียดแล้ว
2. ช่วงเวลาที่มีประจำเดือน ไม่ควรใส่กระโปรงหรือกางเกงสั้นเหนือเข่า ไม่กินของเย็น สรุปคือทำให้ร่างกายอบอุ่นอยู่เสมอ
3. งดอาหารรสจัด ทอด นม เนย ชีส มันสูง หรือผลไม้ที่ทำให้ร้อนใน เช่น ทุเรียน ลำไย ลิ้นจี่
4. ถ้าบางคนปวดจนรู้สึกทนไม่ไหว สามารถกินยาแก้ปวดได้ ไม่เป็นอันตราย
5. พวกเลือดน้อย ต้องกินอาหารบำรุงเลือดร่วมด้วย เน้นให้มีธาตุเหล็กสูง เช่น ตับ ถั่วฝักยาว ใบกระเพรา เห็ดฟาง เป็นต้น
6. พวกที่มีเลือดคั่ง ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ปวดท้อง อาจจิบไวน์หรือแอลกอฮอล์เล็กน้อยก่อนนอน
แนะอีกอย่าง สำหรับคุณผู้หญิงที่กลัวอ้วนจนต้องไดเอท ระวังให้ดี จะทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ หรือว่ามาน้อย เพราะหากเราไม่กินของครบ 5 หมู่ แล้วร่างกายจะสร้างสารอาหารบำรุงเลือดได้อย่างไร
ส่วนผู้หญิงวัยทองที่อายุ 45-55 ปี ถือเป็นวัยหมดประจำเดือน ไม่ต้องวิตกกังวลไป ถือเป็นความเปลี่ยนแปลงอย่างหนึ่งตามธรรมชาติของร่างกาย เพียงแต่ต้องเตรียมตัวรับการเปลี่ยนแปลงให้ดี โดยเริ่มจากการกินและใช้ชีวิตประจำวันง่าย ๆ เช่น
กินอาหารที่ย่อยง่าย รับประทานโปรตีนชนิดไขมันน้อย
ควรดื่มนมเสริมแคลเซียมเป็นประจำ งดเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีนและแอลกอฮอล์
ควรบริหารกล้ามเนื้อช่องคลอดเป็นประจำ เพื่อป้องกันภาวะช่องคลอดหย่อน และทำให้การตอบสนองเวลามีเพศสัมพันธ์ดีขึ้น
เพียงเท่านี้ คุณก็จะมีคุณภาพชีวิตที่ดีในวัยคุณภาพได้ง่าย ๆ.
ข้อมูลจาก เดลินิวส์