ชื่อเรื่อง รายงานการใช้และการพัฒนาบทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง โอวาท 3 หลักธรรมคำสอน
สำคัญของพระพุทธศาสนา กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและ
วัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
ผู้รายงาน นางศิริลักษณ์ หาชื่น
กรม/ส่วนราชการ โรงเรียนโคกนาดี ตำบลโนนนาจาน อำเภอนาคู จังหวัดกาฬสินธุ์
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากาฬสินธุ์ เขต 3 ปีที่พิมพ์ 2552
บทคัดย่อ
บทเรียนสำเร็จรูปถือเป็นเทคโนโลยีทางการศึกษาที่สามารถแก้ปัญหาจากการเรียนการสอน ที่ยึดตนเองเป็นศูนย์กลางของครู ปัญหาการขาดการใช้สื่อ นวัตกรรมของครู และปัญหาการเบื่อหน่ายการเรียนของผู้เรียนกับกิจกรรมการเรียนซ้ำซาก การใช้บทเรียนสำเร็จรูปเป็นกิจกรรมที่สนับสนุน การจัดการเรียนรู้ที่ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง เพราะเป็นการส่งเสริมให้ผู้เรียนได้พัฒนาตนเองตามศักยภาพและเป็นการศึกษาหาความรู้ด้วยตนเองอย่างแท้จริง ผู้รายงานได้สร้างและพัฒนาบทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง โอวาท 3 หลักธรรมคำสอนสำคัญของพระพุทธศาสนา กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ขึ้นโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อ 1.) พัฒนาบทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง โอวาท 3 หลักธรรมคำสอนสำคัญของพระพุทธศาสนา ที่มีประสิทธิภาพ ตามเกณฑ์ 80/80 2.) หาดัชนีประสิทธิผลของบทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง โอวาท 3 หลักธรรมคำสอนสำคัญของพระพุทธศาสนา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 3.) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง โอวาท 3 หลักธรรมคำสอนสำคัญของพระพุทธศาสนา และ 4.) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่เรียนรู้โดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง โอวาท 3 หลักธรรมคำสอนสำคัญของพระพุทธศาสนา กลุ่มตัวอย่างได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนโคกนาดี จำนวน 18 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ บทเรียนสำเร็จรูป จำนวน 7 เล่ม แบบทดสอบก่อนเรียน-หลังเรียน จำนวน 7 ฉบับ ฉบับละ 10 ข้อ มีค่าความยาก (P) อยู่ระหว่าง 0.34-0.80 ค่าอำนาจจำแนก (B) อยู่ระหว่าง 0.20-0.88 มีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับ อยู่ระหว่าง 0.80-0.88 แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อ แบบวัดความพึงพอใจ จำนวน 20 ข้อ มีค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง 0.24-0.78 และมีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.90 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ t-test (Dependent Samples)
ผลการศึกษาพบว่า
1. การพัฒนาบทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง โอวาท 3 หลักธรรมคำสอนสำคัญของ
พระพุทธศาสนา กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม มีประสิทธิภาพสูงกว่า
เกณฑ์มาตรฐาน 80/80 ทั้ง 7 เล่ม ดังนี้ เล่ม 1 มาฆบูชาโอวาทปาฎิโมกข์ มีประสิทธิภาพเท่ากับ 89.44/88.89 เล่ม 2 เบญจศีลหลักธรรมควบคุมกายวาจา มีประสิทธิภาพเท่ากับ 89.72/90.56 เล่ม 3 ทุจริต 3 หลักธรรมที่ควรละเว้น มีประสิทธิภาพเท่ากับ 92.78/93.89 เล่ม 4 เบญจธรรมนำปฏิบัติ มีประสิทธิภาพเท่ากับ 91.11/92.78 เล่ม 5 พรหมวิหาร 4 หลักธรรมน้ำใจ มีประสิทธิภาพเท่ากับ 91.67/92.22 เล่ม 6 สุจริต 3 ทำความดี มีประสิทธิภาพเท่ากับ 90.83/91.67 เล่ม 7 การบริหารจิตและเจริญปัญญา มีประสิทธิภาพเท่ากับ 92.22/92.78
2. ดัชนีประสิทธิผลของบทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง โอวาท 3 หลักธรรมคำสอนสำคัญของพระพุทธศาสนา กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีค่าเท่ากับ 0.7733 ซึ่งแสดงว่านักเรียนที่เรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูป มีความก้าวหน้าทางการเรียนรู้เพิ่มขึ้นร้อยละ 77.33
3. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่เรียนรู้โดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง โอวาท 3 หลักธรรมคำสอนสำคัญของพระพุทธศาสนา กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม มีคะแนนจากการทดสอบหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีความพึงพอใจต่อการเรียนรู้โดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง โอวาท 3 หลักธรรมคำสอนสำคัญของพระพุทธศาสนา กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม โดยรวมและเป็นรายด้านทุกด้าน อยู่ในระดับมากที่สุด
โดยสรุป การสร้างและพัฒนาบทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง โอวาท 3 หลักธรรมคำสอนสำคัญของพระพุทธศาสนา ที่ผู้รายงานสร้างขึ้น สามารถช่วยให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ สนุกสนานกับภาพการ์ตูน ผลการเรียนบรรลุวัตถุประสงค์เหมือนได้เรียนกับครูผู้สอนโดยตรง บทเรียนสำเร็จรูปสามารถสร้างแรงจูงใจทำให้นักเรียนเกิดความกระตือรือร้น อยากเรียน สนุกสนานและมีความสุขในการเรียน ส่งผลให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้นตามลำดับ ต่อไป