หลวงพ่อดีเป็นพระที่เคร่งในพระธรรมวินัยรูปหนึ่ง และยังเป็นพระที่มีจิตใจเมตตากรุณาต่อผู้ที่กำลังตกทุกข์ได้ยากวันหนึ่งหลวงพ่อดีออกบิณฑบาตได้พบกับทารกที่มีผู้นำมาทิ้งไว้บริเวณหน้าวัด เมื่อพิจารณาดูแล้วเป็นเพศชาย ดังนั้นหลวงพ่อดีจึงได้อุปการะเด็กคนนั้นไว้ และได้ตั้งชื่อว่าเด็กชายจุกโดยหลวงพ่อดีได้อุปการะเลี้ยงดูอย่างดีพร้อมให้การอบรมสั่งสอนเด็กชายจุกอย่างดี จวบจนเด็กชาขจุกมีอายุได้ 7 ขวบ เด็กชายจึกได้มาปรึกษากับหลวงพ่อ
เด็กชายจุก : หลวงพ่อครับตอนนี้ผมมีอายุได้ 7 ขวบแล้วผมคิดอยากจะบรรพชาเป็นสามเณรเพื่อศึกษาธรรมะ หลวงพ่อจะว่าอย่างไร
หลวงพ่อดี : เออดี เอ็งจะได้ศึกษาเล่าเรียน และช่วยกันสืบทอดพระพุทธศาสนาต่อไป
หลังจากานั้นหลวงพ่อดีก็อนุญาตให้เด็กชายจุกบวช และได้ศึกษาเล่าเรียนพระพุทธศาสนาจวบจนกระทั่งสามเณรจุกมีอายุครบที่จะอุปสมบทเป็นพระภิกษุ สามเณรจุกจึงได้มาปรึกษากับหลวงพ่อดีอีกครั้ง
สามเณรจุก : หลวงพ่อครับ ขณะนี้กระผมก็มีอายุครบพอที่จะอุปสมบทเป็นพระภิกษุได้แล้วผมจะมาปรึกษาหลวงพ่อว่าถ้าผมจะอุปสมบทเป็นพระภิกษุ หลวงพ่อจะว่าอย่างไร
หวลงพ่อดี : เออดี จะได้มีคนมาช่วยกันเผยแพร่พระธรรมคำสั่วสอนของพระพุทธศาสนาให้สืบทอดต่อไป
หลังจากที่ได้รับอนุญาตจากหลวงพ่อดีแล้วสามเฌรจุกก็ได้อุปสามบทเป็นพระภิกษุ และได้เผยพร่พระธรรมคำสั่งสอนของพระศาสดาตลอดมา ต่อมาไม่นานพระภิกษุจุกเนื่องจากเป็นพระที่มีหน้าตาดี และมีปัญญาที่เฉลียงฉลาดจึงเป็นที่หมายปองของหญิงสาวในหมู่บ้านหลายคน และหนึ่งในนั้นก็มีสายชบาซึ่งเป็นหญิงสาวที่มีรูปร่างหน้าตาดี และมีความสนิทสนมชอบพอกับพระภิกษุจุกด้วยดี และได้ปรึกษากับพระภิกษุจุกว่าจะสึกออกมาเป็นฆราวาสเพื่อมาใช้ชีวิตดอย่ด้วยกัน พระภิกษุจุกจึงได้เดินทางมาปรึกษาหลวงพอ่ดี
พระภิกษุจุก : หลวงพ่อครับตอนนี้ผมได้รูจัก และชอบพอกับหญิงสาวคนหนึ่งชื่อชบา ถ้าหากว่าผมจะขอลากศิกขาจากพระเพื่อมาใช้ชีวิตคู่กับสาวชบา หลวงพ่อจะว่าอย่างไร
หลวงพ่อดี : เออดี เอ็ง จะได้รู้จักชีวิตทางโลกได้ดียิ่งขึ้น
หลังจากนั้นพระภิกษุจุกก็ได้ราสิกขาเป็นฆราวาสและใช้ชีวิตครองเรือนร่วมกับสาวชบาตามความประสงค์จนกระทั่งมีลูกด้วยดัน 1 คน เนื่องจากทิดจุบวชเรียนมาตั้งแต่เป็นสามเณรทำให้ไม่มีความรู้ทางโลก และไม่มีการมีงานทำ และทิดจุกได้ไปครบกับพวกนักเลงหัวไม้ และมีวันหนึ่งเพื่อนของทิดจุกได้มาชวนไปปล้นบ้านเศรษฐีคนหนึ่งเข้าทิดจุกจึงได้มาปรึกษากับหลวงพ่อดี
ทิดจุก : หลวงพ่อครับตอนนนี้ผมมีฐานะยากจยมากและมีเพื่อนผมคนหนึ่งเขามาชวนไปปล้นบ้านเศรษฐีคนหนึ่ง หลวงพ่อจะว่าอย่างไร
หลวงพ่อดี : เออดี เอ็งจะได้รู้จักชีวิตในคุกในตะรางดีขึ้น
หลังจากนั้นทิดจุกและเพื่อก็ได้ร่วมกับเพื่อนเข้าปล้นบ้านเศรษฐีและปรากฏว่าทิดจุกถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับได้และถูกลงโดทษได้การติดคุก 10 ปี เมื่อทิดจุกติดคุกปรากฏว่าภรรยาก็มีสามีใหม่พร้อมหอบลูกไปอยู่กับสามีใหม่ด้วยเมื่อทุดจุกที่อย่ในคุกทราบข่าว ก็มีความเครียดแค้นหลวงพ่อดีเป็นอย่างยิ่งที่เป็นผ้ที่มีส่วนทำให้ครอบครัวของทิดจุกล่มสลายในฐานะที่หลวงพ่อดีไม่ยอมห้ามปราม ดังนั้นถ้าออกไปจากคุกได้เมื่อไรจะต้องไปฆ่าหลวงพ่อดีให้ได้ 10 ปีต่อมาเป็นวันที่ทิดจุกได้รับอิสรภาพออกมาจากคุกเป็นวันแรกด้วยความแค้นที่ยังไม่หาย 10 ปีที่รอคอยจะต้องฆ่าหลวงพ่อให้ได้ที่ยุยงส่งเสริมให้ทิดจุกไปปล้น และถูกจับติดคุกจนครอบครัวต้องล้มสลายเมื่อออกจากคุกได้ทิดจุกก็ได้ไปซื้อมีด และลับมีดให้คมๆ เพื่อหวังจะนำไปฆ่าหลวงพ่อดี วันรุ่งขึ้นทิดาจุกก็รีบเดินทางมาที่วัดโดยมีความคิดว่าอย่างไรเสียก็จะต้องฆ่าหลวงพ่อให้ได้ เมื่อมาถึงวัดทิดจุกก็ได้มองเห็นหลวงพ่อดีกำลังนั้นสมาธิอยู่ทิดจุกจึงตะโกนด้วยความโกรธว่า
ทิดจุก : หลวงพ่อ หลวงพ่อเป็นพระภาษาอะไรทำไมตอนที่ผมไปปล้นเศรษฐีหลวงพ่อไม่ห้ามผมทำไมจึงบอกว่าการปล้นดี นี้เห็นไหมครอบครัวของผมต้องล่มสลายเป็นเพราะหลวงพ่อคนเดียวเท่านั้นวันนี้ผมจะมาเอาชีวิตหลวงพ่อหลวงพ่อจะว่าอย่างไร
หลวงพ่อดี : เออดี อาตมาก็อายุมากแล้วจะได้สิ้นเวรสิ้นกรรมเสียที
ด้วยความแค้นทิดจุกจึงเดินเข้าไปใกล้พร้อมกับเงื่อมีดในมือจะฟันที่คอหลวงพ่อดี พลันสำนึกชั่วดีของทิดจุกก็นึกได้ว่าหากไม่มีหลวงพ่ออุปการะเลี้ยงดูเราแล้วเราก็คงจะเสียชีวิตตั้งแต่เป็นทารก และเมื่อรองนึกดูดี ๆ แล้วที่หลวงพ่อพูดออกมาทุกครั้งก็เป็นปริศนาธรรมที่เราเองไม่ได้นึกคิดเอง
เมื่อคิดได้ดังนั้นทิดจุกจึงลดมีดที่ตั้งใจจะฟันหลวงพ่อลงแล้วกล่าวกับหลวงพ่อว่า
ทิดจุก : หลวงพ่อครับนี้ถ้าไม่มีหลวงพ่อผมคบไม่มีชีวิตอย่จนถึงวันนี้ และคำพูดของหลวงพ่อก็เป็นปริศนาธรรมเพียงแต่กระผมไม่ทันได้คิดเองเนื่องจากกระผมงี่เง่าไม่เข้ามจในคำสั่งสอนของหลวงพ่อดังนั้นผมจะไม่ฆ่าหลวงพ่อแล้ว และหลวงพ่อจะอย่าอย่างไร
หลวงพ่อดี : เออดี...........................................................................................กูจะได้อยู่ต่อ
จบจ๊ะ (หากผิดพลาดก็ขออภัย)