Advertisement
❝ ❞
...โครงการบูรณาการ ภาษากับดนตรี มอบสิ่งดีให้ชีวิต ด้วยจิตอาสา เพื่อชุมชนเข้มแข็งลดละพฤติกรรมเสี่ยง อยู่อย่างพอเพียง .....โดยนักเรียนชั้น, .ม.5 จำนวน 9 คน จึงใช้ชี่อกลุ่ม 9999 หมายถึง เก้าคน ...เก้าความดี ...ก้าวไปข้างหน้า.... และ เก้า สุดท้ายถือว่าสูงสุด คือ พ่อของ แผ่นดิน ....เราตั้งชื่อกันไว้ตั้งแต่ เดือน กรกฎาคม แล้ว ....ดูได้ที่ blog ครูติ๋ว ... ว่าจะไม่เขียนแล้วแต่อดตื่นเต้นไม่ได้ ว่ามาตรง กับวันมงคล พอดี .....แล้วค่อยมาเล่าต่อนะตะว่าเราทำอะไรอีกบ้าง
ขอบคุณค่ะ
ENGLISH For EVERYDAY USE 1) ....ครูติ๋ว
เพลงแม่... โลโซ
Wanchana
By :Samurai Maxin
" เรียนภาษาอังกฤษ ด้วยข้อคิดคำคม" โดยความอนุเคราะห์จาก
คุณหญิง Chatchani Chatikavanij . . . < Click >
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ชุมพร (ข้อมูลโดย สุขกมล วงศ์สวรรค์ ... Pee)
ขอบคุณค่ Thanks
Collecting money
2. สอนร้องเพลง Collecting money มีเนื้อร้องดังนี้
We are gathering today
To come and play with soul and heart
The girls value one baht (Repeat)
The boys are smart fifty satang s
ยุทธการพอเพียง .....(Pong) - www.porpeanglife.com/ -
To love is to risk not being loved in return.
To hope is to risk pain.
To try is to risk failure, but risk must be taken,
Because the greatest hazard in life is to risk nothing.
การที่ได้รักคือการเสี่ยงว่าจะไม่ได้รับความรักเป็นการตอบแทน
การตั้งความหวัง คือการเสี่ยงกับความเจ็บปวด
การพยายามคือการเสี่ยงกับความล้มเหลว
แต่ยังไงก็ต้องเสี่ยง เพราะสิ่งที่อันตราาย ที่สุดในชีวิต ก็คือ การไม่เสี่ยงอะไรเลย
No man or woman is worth your tears and the only
one who is, will never make you cry .
ไม่มีชายหรือหญิงคนไหนมีค่าพอที่คุณจะต้อง
เสียน้ำตาให้ ส่วนคนที่มีค่าพอนั้น
เขาย่อมที่จะไม่มีวันทำให้คุณร้องไห้อย่างเด็ดขาด
- เด็กๆ สมัยนี้ ถูกสอนใสอนให้ใช้เทคนิคการเรียนรู้
ด้วยการใช้วิธี “Mind Map”
ซึ่งก็คือการสื่อสารความคิดออกมาเป็นรูปภาพ
แม่ๆ อย่างเราก็ต้องคอยใฝ่หาความรู้
.. ตามหลังลูกไปด้วย
การใช้เทคนิค Mind Map
จะช่วยให้การทำความเข้าใจกับการอ่าน
การเรียนทำได้ง่ายขึ้นโดยการจับใจความสำคัญของสิ่งที่อ่านไปแล้ว
การเรียบเรียงความคิดสามารถแสดงออกมาเป็นรูปภาพให้เห็นได้
เมื่อเขียนหรือแสดงออกมาด้วยรูปภาพหรือสัญลักษณ์ต่างๆ
แล้วสามารถช่วยให้เด็ก (หรือผู้ใหญ่เองก็ตาม) จดจำในเรื่องนั้นๆ ได้
ได้ข้อแนะนำจาก www jcu.edu.au
จึงเอามาขยายความไว้ ให้เข้าใจง่ายขึ้น ดังนี้ค่ะ
เริ่มต้นด้วย
1. การ SKIM
ซึ่งก็คือการอ่านบทความนั้นๆ ตั้งแต่ คำนำ บทสรุป และหัวข้อย่อย
รวมไปถึงภาพประกอบ หรือ ตารางต่างๆ แล้วจับใจความสำคัญ
ต่อมาก็คือการอ่าน 2. READ
โดยการอ่านทุกอย่างอย่างละเอียดถี่ถ้วน
รวมทั้งการอ่านทบทวน ในส่วนที่ไม่แน่ใจ หรือไม่เข้าใจ
แล้วจุดสำคัญ ก็มาถึง คือ ขั้นที่ 3. Mind Map
ซึ่งก็คือ การทำแผนภูมิความคิด
โดยรวบรวมจากความทรงจำ
ต่อมาก็คือ ข้อ 4. STUDY
ศึกษาสิ่งที่บันทึกจากตัวหนังสือมาเป็นรูปภาพ
ที่มีสัญญลักษณ์ที่ทำขึ้นมานั้นให้เข้าใจอย่างถ่องแท้
และสามารถอธิบายแผนภูมิที่ทำไว้ได้โดยไม่มีช่องโหว่
คนที่คิดเรื่อง Mind Map ขึ้นมาคือชาวอังกฤษ ชื่อ โทนี บูซาน
โทนี เป็นคนที่สนใจศึกษาถึงเรื่องการทำงานของสมองมนุษย์
เมื่อ 30 ปีก่อนนักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกันพบว่า
สมองของมนุษย์ 2 ซีก และถนัดในการทำงานต่างกัน
ซีกซ้ายจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับทฤษฎีต่าง ๆ เหตุผล ตัวเลข/ตัวอักษร
สัญลักษณ์ ตรรกะ ลำดับ การวิเคราะห์
ส่วนซีกขวาคือเรื่อง จังหวะ จินตนาการ
ภาพ มิติ สี ภาพรวม การสังเคราะห์
แต่กระบวนบวนการเรียนการสอนในปัจจุบัน
ฝึกให้เราใช้สมองซีกซ้ายเพียงข้างเดียว
คือจำแต่ตัวหนังสือ อ่านแต่ตัวหนังสือ
เราจึงไม่ได้ใช้สมองทั้งสองส่วนอย่างเต็มที่
เมื่อจบการศึกษามาทำงาน
.. เราก็ยังคงถนัดแต่การใช้สมองซีกซ้ายอยู่ตามเดิม
โทนีสังเกตว่า คนที่เรียนเก่ง ๆ
จะมีวิธีการจดบันทึกที่ไม่เหมือนคนทั่วไป
คือ แทนที่จะเริ่มเขียนจากมุมซ้ายของกระดาษเป็นแถว ๆ ไป
จนจบบรรทัดแล้วขึ้นบรรทัดใหม่
แต่คนเหล่านี้จะเลือกการใช้คำหรือประเด็นหลัก ๆ
หรือภาพแทนประโยคยาว ๆ
เขาจึงพัฒนาแนวความคิดนี้ขึ้นมา
Mind Map
ก็คือ การใช้สมองทั้งสองส่วนมาทำงานร่วมกัน
ใช้ภาพและสีสันต่าง ๆ เป็นจุดสนใจ ทำให้เราจำได้ง่ายขึ้น
และทำให้เรื่องน่าเบื่อกลายเป็นเรื่องสนุก
จึงเป็นผลให้สมองทำงานได้ดีขึ้น
และปัจจุบันการใช้ Mind Map นี้
ก็เป็นที่นิยมไปทั่วโลก
มีคนใช้วิธีการนี้ทั้งในด้านการเรียนและการทำงาน
เป็นจำนวนกว่า 250 ล้านคน
ขอให้มีความสุข และสนุกกับการเรียนรู้ค่ะ
หัวใจฉันนั้นมั่นและพันผูก . . . . กับคนปลูกต้นไมตรีอันดีให้
มิตรภาพความรักและห่วงใย . . . จะส่งไปจากใจฉันสู่.. ใจเธอ
มิตรภาพความรักและห่วงใย . . . . จะส่งไปจากใจเราสู่.. กันและกัน
ประพันธ์โดย นายมิวนิก
วันที่ 8 ก.ย. 2552
Advertisement
เปิดอ่าน 7,138 ครั้ง เปิดอ่าน 7,140 ครั้ง เปิดอ่าน 7,144 ครั้ง เปิดอ่าน 7,148 ครั้ง เปิดอ่าน 7,145 ครั้ง เปิดอ่าน 7,144 ครั้ง เปิดอ่าน 7,138 ครั้ง เปิดอ่าน 8,568 ครั้ง เปิดอ่าน 7,143 ครั้ง เปิดอ่าน 7,143 ครั้ง เปิดอ่าน 7,140 ครั้ง เปิดอ่าน 7,145 ครั้ง เปิดอ่าน 7,137 ครั้ง เปิดอ่าน 7,141 ครั้ง เปิดอ่าน 7,261 ครั้ง เปิดอ่าน 7,158 ครั้ง
เปิดอ่าน 7,158 ☕ คลิกอ่านเลย
เปิดอ่าน 7,146 ☕ คลิกอ่านเลย
เปิดอ่าน 7,166 ☕ คลิกอ่านเลย
เปิดอ่าน 7,139 ☕ คลิกอ่านเลย
เปิดอ่าน 7,159 ☕ คลิกอ่านเลย
เปิดอ่าน 7,138 ☕ คลิกอ่านเลย
เปิดอ่าน 7,140 ☕ คลิกอ่านเลย
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡
เปิดอ่าน 12,514 ครั้ง
เปิดอ่าน 17,308 ครั้ง
เปิดอ่าน 1,935 ครั้ง
เปิดอ่าน 133,812 ครั้ง
เปิดอ่าน 14,672 ครั้ง