Advertisement
|
9 กันยายน พ.ศ. 2371
วันเกิด ลีโอ ตอลสตอย (Count Leo Nikolayevich Tolstoy) หนึ่งในนักเขียนนิยายผู้ยิ่งใหญ่ของโลกชาวรัสเซีย เกิดในครอบครัวชนชั้นสูงซึ่งเป็นตระกูลขุนนางเก่าที่เมืองยัสนายา ปอลยานา (Yasnaya Polyana) ทางตอนกลางของรัสเซีย บิดาเป็นายทหาร มารดาคือเจ้าหญิง วอลคอนสกี (Princess Volkonsky) เสียชีวิตตอนเขาสองชวบ ส่วนบิดาเสียชีวิตตอนเขา 9 ขวบ จากนั้นเขาก็อยู่ในความดูแลของป้า ตอลสตอยเรียนกฎหมายและภาษาตะวันออกที่มหาวิทยาลัยคาซาน (Kazan University) และลาออกในเวลาต่อมา ละคราบชนชั้นสูงทิ้งแล้วทดลองใช้ชีวิตเป็นชาวนาที่บ้านเกิด และเริ่มทำงานวรรณกรรมโดยเริ่มจากแปลงผลงานของ ลอว์เรนซ์ สเติร์น (Laurence Sterne) เรื่อง "A Sentimental Journey Through France and Italy” ให้เป็นภาษารัสเซีย จากนั้นก็เริ่มเขียนเรื่องสั้นและนิยาย ในปี 2394 เรื่องสั้นเรื่องแรกก็ได้รับการตีพิมพ์คือ "A History of Yesterday” จากนั้นก็สมัครเข้าเป็นทหารในกองทหารปืนใหญ่ ถูกส่งไปประจำอยู่ที่เมืองคอสแซคส์ (Cossacks) ได้ร่วมรบในหลายสมรภูมิ ระหว่างนั้นเขาก็เขียนนิยายเรื่องแรกจบคือ "Childhood” ในปี 2395 ส่งไปตีพิมพ์ในนิตยสาร “Sovremennik” แม้จะถูกบรรณาธิการปรับต้นฉบับไปบ้าง แต่นิยายเรื่องนี้ก็ได้แจ้งเกิดให้ตอลสตอย ได้มีที่ยืนในวงวรรณกรรมรัสเซียในทันที จากนั้นก็ใช้ประสบการณ์ระหว่างปประจำกาลที่เมือง Sevastopol เขียนนิยายเชิงประวัติศาสตร์เรื่อง "Sevastopol Sketches” หลังจากปลดประจำการเขาใช้เวลาระหว่างปี 2399-2345 ท่องเที่ยวไปทั่วยุโรป จนได้พบว่าคนชั้นกลางชาวยุโรปนั้นกำลังหลงไหลวัตถุนิยมและเห็นแก่ตัวอย่างยิ่ง ทำให้เขาได้พล็อตเรื่องสั้นและนิยายอีกหลายเรื่อง อาทิ "The Cossacks” แม้เขาจะเกิดในตระกูลชนชั้นสูงแต่เขากลับชอบใช้ชีวิตเรียบง่าย เป็นปัญญาชนที่ปฏิเสธค่านิยมที่แข่งกันพัฒนาความก้าวหน้าแบบตะวันตก หลังจากได้รับมรดกเป็นที่ดินผืนใหญ่ เขาก็พยายามช่วยเหลือยกระดับชีวิตชาวนาให้ดีขึ้น โดย ก่อตั้งโรงเรียนทางเลือกเพื่อสอนเด็ก ๆ ชาวนาที่เมืองยาสนายาในปี 2402 นับว่าก้าวหน้ามากในสมัยนั้น ก่อนที่ เอ. เอส นีล (A. S. Neill) จะตั้งโรงเรียน "ซัมเมอร์ฮิลล์” (Summerhill School ก่อตั้งในปี 2464) เสียอีก ในปี 2408 เขาก็ตีพิมพ์ผลงานชิ้นมาสเตอร์พีซคือ "War and Peace” มหากาพย์สงครามรัสเซียช่วงก่อนและหลังการรุกรานของนโปเลียน และในปี 2420 มาสเตอร์พีซอีกเล่มคือ "Anna Karenina” นิยายสะท้อนเบื้องลึกของภาวะจิตใจของหญิงสาวที่ไม่มีความสุขในชีวิตสมรส ในช่วงบั้นปลายชีวิตตอลสตอยประสบภาวะวิกฤติทางจิตวิญาณ คือเกิดความขัดแย้งระหว่างเหตุผลและกิเลสตามธรรมชาติอย่างรุนแรง เขาจึงหันมาสนใจศาสนา ผลงานในช่วงท้าย ๆ จึงสะท้อนความเชื่อในศาสนา เช่น "The Death of Ivan Ilyich” และ “The Kingdom of God Is Within You” ซึ่งสะท้อนแนวคิดการตอบโต้โดยไม่ใช้ความรุนแรงหรือ “อหิงสา” ซึ่งมีอิทธิพลต่อนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนคนสสำคัญอย่าง คานธี (Gandhi) และ มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ (Martin Luther King, Jr.) ตอลสตอยเสียชีวิตเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2453 ขณะอายุ 82 ปี
9 กันยายน พ.ศ. 2513
สอ เสถบุตร หรือ สอ เศรษฐบุตร ผู้เขียน-แปล "ดิกชันนารีอังกฤษ-ไทย ฉ. สอ เสถบุตร” เสียชีวิต สอ เสถบุตรเกิดเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2440 จบการศึกษาจาก รร. สวนกุหลาบวิทยาทลัย จากนั้นได้ทุนเล่าเรียนหลวงไปเรียนธรณีวิทยาและวิศวกรรมศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ ที่ประเทศอังกฤษ และกลับมาเมืองไทยก็ได้รับการโปรดเกล้าฯ จาก พระบาทสมเด็จกพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ให้เป็นปลัดกรมองคมนตรี สังกัดกรมราชเลขาธิการในราชสำนัก แต่ถูกจับในคดีกบฏวรเดช ในปี 2476 ถูกศาลตัดสินจำคุกตลอดชีวิต ที่เรือนจำบางขวาง ก่อนจะย้ายไปที่เกาะตะรุเตาและเกาะเต่า รวมเวลาอยู่ในคุก 11 ปี ระหว่างนั้นแทนที่จะหมดหวังซึมเศร้ากับชีวิต เขาใช้เวลาเขียนพจนานุกรรมอังกฤษ-ไทย ซึ่งต่อมากลายเป็นดิกชันนารีขายดีที่สุดที่มีอายุยืนยาวนานกว่าหกสิบปี และยังได้รับความนิยมสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน สอ เสถบุตรถึงแก่กรรมด้วยโรคหัวใจวายที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ รวมอายุได้ 67 ปี
9 กันยายน พ.ศ. 2528
เกิดเหตุการณ์ "กบฎ 9 กันยายน” หรือ “กบฏทหารนอกราชการ” ในสมัยรัฐบาล พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ โดยฝ่ายผู้ก่อการนำโดย พันเอกมนูญ รูปขจร, พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันท์, พลเอกเสริม ณ นคร, พลเอกยศ เทพหัสดิน ณ อยุธยา พร้อมกับทหารและพลเรือนอีกบางส่วน โดยได้รับความสนับสนุนทางการเงินจาก นายเอกยุทธ อัญชันบุตร ผู้ก่อการพยายามเข้ามายึดอำนาจในช่วงที่ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์เดินทางไปราชการที่ประเทศอินโดนีเซีย ส่วนพลเอกอาทิตย์ กำลังเอก ผู้บัญชาการทหารบกกำลังอยู่ในระหว่างปฏิบัติภารกิจในทวีปยุโรป แต่ฝ่ายรัฐบาลประกอบด้วย พลเอกเทียนชัย สิริสัมพันธ์ รักษาการตำแหน่ง ผบ.ทบ. พลโทชวลิต ยงใจยุทธ รองเสนาธิการทหารบก พลโทพิจิตร กุลละวณิชย์ และฝ่ายรัฐบาลคือ พลเอกประจวบ สุนทรางกูร รองนายกรัฐมนตรี ได้ตั้งกองอำนวยการฝ่ายต่อต้านขึ้นที่ กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร. 11 รอ.) บางเขน และนำกองกำลังจาก พัน. 1 ร.2 รอ. เข้ามาต่อต้านและออกแถลงการณ์ตอบโต้ในนามของพลเอกอาทิตย์ กำลังเอก ทั้งสองฝ่ายปะทะกันรุนแรง และมีการเจรจากันในที่สุด ทั้งสองฝ่ายตกลงกันได้และถอนกำลังกลับที่ตั้งในเวลาต่อมา เมื่อการกบฎล้มเหลว พันเอกมนูญ รูปขจรและนาวาอากาศโทมนัส รูปขจร ได้ลี้ภัยไปสิงคโปร์และเดินทางไปพำนักที่ประเทศเยอรมนีตะวันตก ส่วนคณะที่เหลือให้การว่าถูกบังคับจากคณะผู้ก่อการกบฏ มีผู้ถูกดำเนินคดี 39 คน หลบหนี 10 คน
9กันยายน พ.ศ. 2538
พล.ต. ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช นักปราชญ์ นักเขียน นักการเมือง และศิลปินแห่งชาติ ปูชนียบุคคลท่านหนึ่งของไทย ถึงแก่อสัญกรรม ม.ร.ว. คึกฤทธิ์เป็นน้องชายของ ม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมช (อดีตนายกในปี 2488-2519) เกิดในเรือกลางแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ อ. อินทร์บุรี จ. สิงห์บุรี เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2454 เป็นโอรสของพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าคำรบ กับหม่อมแดง (บุนนาค) เรียนมัธยมที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย จากนั้นไปเรียนต่อวิชาปรัชญา เศรษฐศาสตร์ และการเมือง จากวิทยาลัยควีนส์ (The Queen's College) มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด กลับมารับราชการที่กรมสรรพากร และกระทรวงการคลัง ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เข้าเป็นทหาร ต่อมาได้รับพระราชทานเลื่อนยศเป็นพลตรีในปี 2531 เริ่มเล่นการเมืองตั้งแต่ปี 2488 โดยก่อตั้ง พรรคก้าวหน้า ต่อมาได้ยุบรวมกับ พรรคประชาธิปัตย์ และก่อตั้ง พรรคกิจสังคม ในปี 2517 ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 13 ของไทยเมื่อปี 2518 นอกจากบทบาทางการเมืองท่านยังมีบทบาทสำคัญในด้านหนังสือพิมพ์และวรรณกรรมด้วย โดยก่อตั้งหนังสือพิมพ์ สยามรัฐ ในปี 2493 นอกจากนี้ยังมีผลงานทั้ง นวนิยาย เรื่องสั้น บทความ เรื่องแปล สารคดี ผลงานที่สำคัญได้แก่ สี่แผ่นดิน ไผ่แดง กาเหว่าที่บางเพลง ฯลฯ ท่านได้รับยกย่องเป็น ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ในปี 2528
9 กันยายน พ.ศ. 2519
เหมา เจ๋อตง (Mao Zedong) หรือ “ประธานเหมา” อดีตประธานพรรคคอมมิวนิสต์จีนและผู้สถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน ถึงแก่อสัญกรรม ประธานเหมาเกิดเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2436 ในครอบครัวชาวนาที่มณฑลหูหนาน ระหว่างที่เรียนมัธยมปลายเหมาถูกเกณฑ์หหารในช่วง "ปฏิวัติจีน” (Chinese Revolution ปี 2454) ล้มล้างราชวงชิง (Qing Dynasty) จากนั้น เจียง ไค เช็ค (Chiang Kai-shek) ก็เปลี่ยนประเทศเป็นประชาธิปไตยและสถาปนา สาธารณรัฐจีน (Republic of China-ROC) เมื่อเหมาเรียนจบมัธยมก็เดินทางไปปักกิ่งทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ห้องสมุดของมหาวิทยาลัยปักกิ่ง ระหว่างนั้นก็ลงทะเบียนเรียนนอกเวลาไปด้วย ในช่วงนี้เองที่เขาได้อ่านหนังสือจนศรัทธาในลัทธิคอมมิวนิสต์ และร่วมก่อตั้ง พรรคคอมมิวนิสต์จีน (Chinese Communist Party : CCP) ในปี 2464 ในเดือนตุลาคม 2473 ภรรยาและลูกของเขาถูกจับโดยทหารฝ่ายก๊กมินตั๋ง และถูกทรมานและถูกประหารชีวิต และฝ่ายก๊กมินตั๋งก็พยายามปราบปรามคอมมิวนิสต์มาตลอด จนกระทั่งเกิด สงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่ 2 (Second Sino-Japanese War ระหว่างปี 2480-2488) เหมาเจ๋อตงต้องยอมจับมือกับเจียง ไค เช็คเพื่อร่วมรบกับญี่ปุ่น หลังสิ้นสงครามพรรคก๊กมินตั๋งก็พ่ายแพ้พรรคคอมมิวนิสต์จึงหนีไปตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นที่เกาะไต้หวัน เหมา เจ๋อตงจึงได้ประกาศเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นคอมมิวนิสต์และสถาปนา สาธารณรัฐประชาชนจีน (The Republic of China) เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2492 ที่จตุรัสเทียนอันเหมิน ในปี 2497 เหมา เจ๋อ ตุงได้รับเลือกเป็นประธานพรรคคอมมิวนิสต์ ผู้คนทั่วไปต่างเรียกกันในชื่อ “ประธานเหมา” ในปี 2509 เหมาเจ๋อตุงได้รวมประเทศจีนเป็นปึกแผ่นอีกครั้ง โดยริเริ่มการ "ปฏิวัติวัฒนธรรม” (Cultural Revolution) เพื่อลบล้างร่องรอยของระบอบทุนนิยมและศักดินาเดิม พร้อมทั้งกระตุ้นเกษตรกรรมให้เติบโต เหมาถึงแก่กรรม ณ กรุงปักกิ่ง รวมอายุได้ 82 ปี ประธานเหมาได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญระดับโลกแห่งศตวรรษที่ 20
9 กันยายน พ.ศ. 2548
รายการ "เมืองไทยรายสัปดาห์” ออกอากาศทางช่อง 9 (โมเดิร์นไนน์ทีวี) เป็นครั้งสุดท้าย หลังจาก สนธิ ลิ้มทองกุล ผู้จัดรายการได้อ่านบทความเรื่อง "ลูกแกะหลงทาง" ซึ่งกล่าวพาดพิงถึง พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร เป็นเหตุที่ทาง บมจ. อ.ส.ม.ท. ใช้เป็นเหตุผลอ้างในการสั่งระงับรายการในสัปดาห์ต่อมา หลังจากนั้นรายการนี้ก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น "เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร" และ "เมืองไทยรายสัปดาห์ คอนเสิร์ตการเมือง" ถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV ช่อง NEWS 1 ทางวิทยุ F.M.97.75 และทางเว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์ ต่อมารายการเมืองไทยรายสัปดาห์ได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น "เมืองไทยรายสัปดาห์คอนเสิร์ตการเมือง” รายการนี้ถือเป็นตัวจุดชนวนให้ประชาชนรวมตัวกันเรียกร้องให้ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ลาออกจากตำแหน่ง และยุติบทบาททางการเมือง กระทั่งถูกยึดอำนาจจากการรัฐประหารในวันที่ 19 กันยายน 2549 ในที่สุด
|
|
Posted on อาทิตย์, กันยายน 09 @ 01:40:10 ICT by super
|
|
ขอบคุณค่ะ
วันที่ 8 ก.ย. 2552
Advertisement
เปิดอ่าน 7,141 ครั้ง เปิดอ่าน 7,140 ครั้ง เปิดอ่าน 7,142 ครั้ง เปิดอ่าน 7,137 ครั้ง เปิดอ่าน 7,160 ครั้ง เปิดอ่าน 7,142 ครั้ง เปิดอ่าน 7,136 ครั้ง เปิดอ่าน 7,156 ครั้ง เปิดอ่าน 7,487 ครั้ง เปิดอ่าน 7,139 ครั้ง เปิดอ่าน 7,138 ครั้ง เปิดอ่าน 7,145 ครั้ง เปิดอ่าน 7,177 ครั้ง เปิดอ่าน 7,142 ครั้ง เปิดอ่าน 7,145 ครั้ง เปิดอ่าน 7,152 ครั้ง
|
เปิดอ่าน 7,136 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,138 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,149 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,142 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,135 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,136 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,136 ☕ คลิกอ่านเลย |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡
เปิดอ่าน 914,084 ครั้ง |
เปิดอ่าน 44,580 ครั้ง |
เปิดอ่าน 17,217 ครั้ง |
เปิดอ่าน 11,535 ครั้ง |
เปิดอ่าน 30,333 ครั้ง |
|
|