Advertisement
|
นับว่าเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจ และน่าศึกษาเป็นอย่างยิ่ง ถึงการริเริ่มนำทองคำมาใช้ในยุคแรกๆ ของมนุษย์เรา ตาม หลักฐาน ที่ปรากฎอยู่บอกให้รู้ว่าการขุดพบทองคำขึ้นมาใช้ของมนุษย์นั้น มีมานานกว่า 6,000 ปีมาแล้ว ทั้งๆที่มนุษย์ต่างเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์และภาษา จะอาศัยกระจัดกระจายอยู่ในที่ต่างๆกันทั่วทุกมุมโลก และยังไม่มีการติดต่อสื่อสารถึงกันแต่อย่างใด
แต่มนุษย์ก็รู้จักแสวงหาทองคำมาใช้ด้วยจุดประสงค์ที่คล้ายกัน เช่น นำมาทำเป็นเครื่องประดับร่างกายเพื่อความสวยงาม และแสดงฐานะให้สูงค่าในสังคม หรือนำมาสร้างสิ่งแทนที่เชื่อกันว่าสูงค่าควร แก่การเคารพบูชาเทวะ และพระพุทธบูชา เป็นต้น
ตามหลักฐานที่มีอยู่พอจะยืนยันได้ว่า เริ่มแรกสุดของการค้นพบทองคำนั้น เริ่มต้นที่แถบเอเชียตะวันตก ในดินแดนเมโสโปเตเมีย อียิปต์ หรือดินแดนบริเวณ ใกล้เคียงแถบนั้น กล่าวคือมีการพบเครื่องเป่าลมที่ใช้เพื่อการหลอมละลายโลหะที่เป็นทองคำ ซึ่งในสมัยนั้นอียิปต์ถือได้ว่าเป็นชาติที่รู้จักนำเอาทองคำมาใช้ อย่างแพร่หลายที่สุด เช่นหลอมทองคำเป็นแท่ง เพื่อใช้เป็นสิ่งแทนในการชำระหนี้ และใช้สร้างเป็นสิ่งของเครื่องใช้สำหรับกษัตริย์
ชาวอียิปต์โบราณมีการนำเอาทองคำบริสุทธิ์ มาสร้างเป็นโลงใส่พระศพของกษัตริย์ และเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงด้วย โดยมีความเชื่อว่านอกจากกระบวนการรักษาศพไม่ให้เน่าเปื่อยด้วยการทำมัมมี่ ตามที่รู้จักกันดีนั้น ทองคำก็มี ส่วนช่วยให้ศพอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ได้อย่างดีอีกด้วย ซึ่งเป็น ความเชื่อของชาวอียิปต์โบราณที่แม้แต่วิทยาศาสตร์ในปัจจุบัน ก็ยังไม่ สามารถ พิสูจน์ให้เห็นจริงได้ว่าโลงทองคำนั้นช่วยในการรักษาสภาพศพ ได้หรือไม่อย่างไร แม้ว่าการกระทำมัมมี่นั้นกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ จะไม่อาจพิสูจน์ หรือทำได้ก็ตาม แต่ความเป็นจริงที่ค้นพบกันก็คือ การทำมัมมี่เป็นการรักษาศพไม่ให้เน่าเปื่อยได้จริง ศพมัมมี่ยังคงมีสภาพของ ความเป็นคนที่สมบูรณ์มาก คือมีทั้งเส้นเอ็น เส้นผม เล็บ และขน ยังคง สภาพอยู่ได้ แม้ว่าจะล่วงเลยมานับพันปีแล้วก็ตาม
ส่วนโลงทองคำจะมีส่วนในการช่วยรักษาสภาพศพให้อยู่สมบูรณ์ได้หรือไม่นั้น ยังไม่มีข้อพิสูจน์ที่สามารถยืนยันได้อย่างแน่ชัด แต่ก็เป็นที่น่าสังเกตว่าศพมัมมี่ ที่ค้นพบจะต้องบรรจุไว้ในโลงทองคำเท่านั้น ซึ่งเหตุผลนี้ชาวอียิปต์โบราณอาจรู้ถึงคุณสมบัติพิเศษของทองคำ เช่นเดียวกับที่รู้วิธีการรักษาศพด้วยการทำมัมมี่ ก็เป็นได้ แต่โดยที่ชาวอียิปต์ไม่ได้ทิ้งสูตรไว้ให้ตกทอดมาถึงยุคปัจจุบัน ทำให้ไม่มีใครสามารถล่วงรู้วิธีการนั้น เช่นเดียวกับที่ไม่มีใครรู้ได้ว่าทำไมต้องใช้โลง ทองคำใส่ศพมัมมี่และมีส่วนในการรักษาสภาพศพหรือไม่อย่างไร นอกจากชาวอียิปต์โบราณเท่านั้นที่รู้
หลังจากสิ้นสุดอารยธรรมแห่งยุคอียิปต์แล้ว ก็เป็นยุคของอาณาจักรโรมันที่มีบทบาทในเรื่องทองคำ สืบต่อมาจาก ยุคนั้นมีหลักฐานปรากฎให้รู้ว่าทั่วทุกมุมโลกมีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับทองคำเกิดขึ้นทั่วไป ทั้งในทวีปเอเชีย อเมริกา ยุโรป แม้แต่ทวีปแอฟริกาซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นดินแดนที่มีความเจริญล้าหลังสุด ก็ยังพบว่าชาวพื้นเมืองเผ่า ต่างๆ มีการนำทองคำมาใช้ทำเครื่องประดับร่างกายเป็นจำนวนมาก และตำนานความเชื่อที่พิสดารเกี่ยวกับทองคำ จึงเกิดขึ้นทั่วทุกมุมโลก
ชาวแอชเท็ค ชนชาติโบราณที่อาศัยอยู่ในแถบอเมริกาใต้ มีความเชื่อว่าทองคำ คือหยาดเหงื่อของสุริยเทพ ด้วยที่ ทองคำมีสีเหลืองที่สุกสว่างแวววาวดังแสงตะวัน ส่วนชาวจีนนั้น นอกจากจะนำทองคำมาทำเป็นเครื่องประดับที่ สูงค่าแล้ว ยังมีความเชื่อเป็นแรงบันดาลใจให้มีการกินทองคำอีกด้วยโดยเชื่อว่าจะให้ผลดีอย่างมากต่อสุขภาพ แต่จนทุกวันนี้ก็ยังไม่มีการรับรองยืนยันจากบรรดานักวิทยาศาสตร์ทั้งหลายว่า การกินทองคำจะให้ประโยชน์ต่อ สุขภาพหรือไม่
ความเชื่อในเรื่องเร้นลับเกี่ยวกับทองคำที่ไม่อาจพิสูจน์ได้นั้น ยังคงกิดขึ้นในที่ต่างๆ ของโลกอยู่เสมอแม้ในทุกวันนี้ ก็ตามเช่นในประเทศญี่ปุ่น ที่โรงแรมแห่งหนึ่งบนแหลมอิชุ เมื่อเจ้าของโรงแรมแห่งนี้เกิดความคิดเฉียบแหลมขึ้น มา จึงได้สร้างอ่างอาบน้ำรูปนกฟินิกซ์ทำด้วยทองคำแท้ทั้งอ่างรวมน้ำหนัก 313.5 ปอนด์
แล้วโฆษณาอ้างความ เชื่อที่ว่าใครก็ตามที่ได้อาบน้ำแช่น้ำในอ่างทองคำสักครั้งแล้วจะมีอายุยืนเพิ่มขึ้นอีก 1 ปี โดยที่เจ้าของโรงแรม หัวใสรายนี้ได้ตั้งราคาคิดค่าลงแช่ตัวในอ่างทองคำที่สร้างขึ้นนั้นในราคาประมาณ 200 บาทไทยต่อ 2 นาที จนถึงปัจจุบันนี้เป็นเวลานานกว่า 20 ปีแล้ว ที่เจ้าของโรงแรมทำเงินได้ไม่รู้เท่าไรต่อเท่าไร เพราะความเชื่อเกี่ยวกับ ทองคำของคนเรานั่นเอง
ความเชื่อที่เกี่ยวกับเรื่องทองคำนั้นบางครั้งได้กลายเป็นตำนานเรื่องเล่า ที่ตื่นเต้นท้าทายเราๆท่านๆ ได้อย่างดีทีเดียวอย่างพวกนวนิยาย หรือภาพยนตร์ที่มีเนื้อ เรื่องเกี่ยวกับการตามล่าหาทองคำ มักได้รับการตอบสนองอย่างดีจากผู้อ่านหรือแฟนภาพยนตร์ หรือบางครั้งถ้ามีข่าวที่ส่อเค้าทำท่าว่าเป็นเรื่องจริงก็จะมีผู้คนพา กันให้ความสนใจเป็นพิเศษจนบางครั้งถึงกับเรียกได้ว่าตื่นทองกันเลยทีเดียว
ตัวอย่างเช่นเรื่องที่เกิดขึ้นที่เมืองมันนี่พิท (Money Pit) บนเกาะโอคไอร์แลนด์ในปี พ.ศ. 1795 เมื่อมีเด็กชาย 3 คนมาเที่ยวที่เกาะแห่งนี้ และบังเอิญไปพบต้นโอคใหญ่ต้นหนึ่งมีเชือกผูกอยู่บนกิ่งไม้ที่หัก และที่โคนต้นยังมีร่องรอยหลุมพูนดิน เหมือนมีคนขุดแล้วกลบดินเอาไว้ ทำให้พวกเด็กๆ เกิดความอยากรู้อยากเห็น จึงช่วยกันขุดหลุมเพื่อจะดูให้หายสงสัย แต่ก็ ต้องขุดกันลึกมากร่วม 10 ฟุต ก็พบแผ่นไม้ฝังปิดอยู่อีก และหลังจากพยายามขุดกันอยู่อีกนานไม่พบอะไร เด็กทั้ง 3 จึงเลิก ล้มความพยายามและพากันกลับไป
แต่เหตุการณ์นั้นทำให้กลายเป็นเรื่องลือกันว่า หลุมนั้นเป็นที่ซ่อนขุมทองของพวกโจรสลัด เท่านั้นเองก็มีผู้คนแห่กันไปขุด ทั้งเป็นรายตัว และรวมตัวกันเป็นบริษัทจัดหาเครื่องมือมาขุดกันเป็นใหญ่ทีเดียว แต่เมื่อขุดลงไปได้ลึกประมาณ 400 ฟุต ก็เกิดน้ำทะเลพุ่งทะลุขึ้นมาอย่างแรง สร้างความเสียหายอย่างมากมายถึงกับมีการเสียชีวิตเกิดขึ้นด้วย หลายๆ คนอาจนึก สงสัยแล้วว่าพวกนั้นไปขุดกันทำไม
แต่ถ้าไม่มีมูลเหตุล่อใจก็คงไม่มีใครไปขุดกันแน่ เพราะบรรดาผู้ที่พากันไปขุดหลุมนั้น บางคณะโชคดีได้พบเหรียญทองคำจำนวนไม่น้อย เมื่อนำไปขายกลายเป็นของเก่าล้ำค่า ได้เงินจำนวนมากทีเดียว แถมบาง พวกก็พบเครื่องทองแบบอื่นอีกมาก อยู่กระจัดกระจายในระดับต่างๆ ของหลุมที่ขุดลงไป แสดงให้เป็นว่า หลุมที่เด็กทั้ง 3 คนไปพบนั้นไม่ธรรมดาเสียแล้ว และคงจะยังมีทองคำอีกมากที่ยังไม่พบ เพราะเมื่อมีผู้นำเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ไปตรวจ หาทองคำเครื่องมือก็แสดงให้รู้ได้อย่างแจ่มแจ้งว่า ที่บริเวณหลุมนั้ยังมีองคำอยู่ข้างใต้อีกเป็นจำนวนมาก
จนมีผู้สงสัยว่าใครหนอเป็นผู้นำเอาทองคำจำนวนมหาศาลมาฝังไว้ ณ ที่นั่นจึงมีผู้อาสาไปค้นประวัติความเป็นมาของเกาะโอคไอร์แลนด์อย่างละเอียด จนได้เรื่องว่าในอดีตเกาะแห่งนี้ เคยเป็นที่ซ่องสุมของโจรสลัดเป็นจำนวนมากมาก่อน โดยเฉพาะโจรสลัดเคราดำ ที่ชื่อ กัปตันวิลเลียม คิดด์ ผู้มาขึ้นเกาะแห่งนี้เป็นประจำ
หลังจากที่ได้ปล้นสะดมมาแล้ว ความสงสัยของผู้คนเริ่มกระจ่างขึ้นอีกเมื่อมีทนายความคนหนึ่งพบแผนที่เก่าแก่จากบรรดามรดกของลูกความคนหนึ่ง ผู้สืบเชื้อ สายมาจากกัปตันคิดด์ มันเป็นแผนที่แบบลายแทงเขียนขึ้นด้วยมือทั้งแผ่น แสดงภูมิประเทศที่เหมือนเกาะโอคไอร์แลนด์ไม่มีผิดและที่สำคัญมีลายเซ็นชือ "วิลเลียม คิดด์" กำกับอยู่ด้วยคงหายสงสัยกันได้เลยว่า เจ้าหลุมสมบตินั้นต้องเป็นของโจรสลัดที่ชื่อ วิลเลียม คิดด์ แน่ๆ ไม่งั้นคงไม่เขียนแผนที่ลายแทงขึ้น และ เซ็นชื่อกำกับด้วยตนเองเป็นแน่
แต่หลุมที่ขุดไว้ในสมัยศตวรรษที่ 17 แห่งนั้น เครื่องมือที่ทันสมัยในการขุดหาทองคำในศตวรรษที่ 20 ก็ยังพ่ายแพ้อย่างไม่น่าเชื่อ เพราะจนป่านนี้ก็ยังไม่มีใครเอาชนะน้ำทะเลที่พุ่งขึ้นมาขัดขวางการค้นหาทองคำได้แม้แต่รายเดียว
นี่ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งที่แสดงให้เป็นถึงความเชื่อในเรื่องทองคำ ที่ผู้คนต่างกล้าเสี่ยงแสวงหาเพื่อให้ได้พบมัน นอกจากทองคำจะมีคุณค่ามหาศาลที่สร้างความเชื่อต่างๆ ให้เกิดขึ้นกับความรู้สึกของมนุษย์เราแล้ว ทองคำยังมี คุณประโยชน์สำคัญ ที่ถูกค้นพบโดยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ว่า ทองคำมีลักษณะที่ไม่ผุกร่อน ไม่เป็นสนิม เพราะทองคำนั้นไม่มีออกซิเจนอยู่ในตัว ทันตแพทย์จึงสามารถใช้ทองคำอุดฟัน หรือทำเป็นวัสดุที่ใช้ช่วยการ ปฎิบัติการต่าง ๆ ในช่องปากได้
จนบางคนเอาทองคำมาเลี่ยมหุ้มฟัน เพื่อความสวยงาม หรือแสดงถึงฐานะก็มี และปัจจุบันทองคำยังมีความสำคัญต่อกระบวนการอิเลกทรอนิกส์อีกโดยการใช้เป็นตัวเชื่อมโลหะ เพื่อให้กระแสไฟฟ้าเดินผ่านได้อย่างดี จากที่มีการทดลองแล้วพบว่าทองคำมีคุณสมบึติที่ใช้เป็นสื่อกับอุปกรณ์ที่สำคัญบนยาน อวกาศหลายส่วนด้วย เช่นการเคลือบกระจกรอบหน้านักบิน เพื่อให้สะท้อนความร้อนจากแสงอาทิตย์ ก็ใช้ทองคำเป็นตัวเคลือบ
ทองคำจึงไม่ใช่สิ่งที่ให้ความเชื่อต่อมนุษย์เราเพียงอย่างเดียว หากแต่ยังให้ประโยชน์ที่สามารถพิสูจน์ได้แก่มวลมนุษย์อีกมากมายควบคู่ไป กับความเชื่อของมนุษย์ ที่มีต่อโลหะธาตุที่เรียกกันว่า ทองคำ
|
ข้อมูล www.patchra.net
|
วันที่ 7 ก.ย. 2552
🖼สำหรับคุณครูไว้ใส่เกียรติบัตรสวยและถูก🖼 กรอบป้ายอะคริลิคตั้งโต๊ะ A4 แนวนอน 30x21.5 cm อะคริลิคใส 1 หน้า ทรง L (A4L1P) ในราคา ฿129 คลิกเลย👇👇https://s.shopee.co.th/1qLFIZVf4t?share_channel_code=6
Advertisement
เปิดอ่าน 7,629 ครั้ง เปิดอ่าน 7,164 ครั้ง เปิดอ่าน 7,165 ครั้ง เปิดอ่าน 7,159 ครั้ง เปิดอ่าน 7,175 ครั้ง เปิดอ่าน 7,156 ครั้ง เปิดอ่าน 7,163 ครั้ง เปิดอ่าน 7,180 ครั้ง เปิดอ่าน 7,167 ครั้ง เปิดอ่าน 7,166 ครั้ง เปิดอ่าน 7,174 ครั้ง เปิดอ่าน 7,232 ครั้ง เปิดอ่าน 7,161 ครั้ง เปิดอ่าน 7,166 ครั้ง เปิดอ่าน 7,167 ครั้ง เปิดอ่าน 7,164 ครั้ง
|
เปิดอ่าน 7,168 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,162 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,350 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,346 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,175 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,186 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,254 ☕ คลิกอ่านเลย |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡
เปิดอ่าน 25,062 ครั้ง |
เปิดอ่าน 28,083 ครั้ง |
เปิดอ่าน 13,681 ครั้ง |
เปิดอ่าน 13,257 ครั้ง |
เปิดอ่าน 3,105 ครั้ง |
|
|