Advertisement
'ดร.กัญจีรา กาญจนเกตุ' กับ 'คำทำนายระทึกขวัญ !!'
ชื่อของ “ดร.กัญจีรา กาญจนเกตุ” เคยถูกกล่าวขวัญถึงอย่างมากหลังจากทำนายเกี่ยวกับ “ภัยพิบัติใหญ่” แล้วมีคนนำออกมาเผยแพร่ ซึ่งภายหลังบุคคลผู้นี้ก็ออกมายืนยันว่าเป็นคำทำนายของตนเองจริง แต่ข้อมูลที่เผยแพร่มีความผิดเพี้ยนไป อย่างไรก็ตาม จากเหตุการณ์หลายครั้งก็ทำให้มีหลายคนติดตามดูผลคำทำนายว่า...แม่น-ไม่แม่น ?? เธอผู้นี้เป็นใคร-อย่างไร ?? วันนี้ทีม “วิถีชีวิต” จะพาไปทำความรู้จัก.....
ดร.กัญจีรา กาญจนเกตุ เล่าว่า ในอดีตเป็นกลุ่มที่อยู่ในเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ ณ วันนี้มีอาชีพเป็น “นักวิทยาศาสตร์การแพทย์” เรียน จบจากต่างประเทศ จบปริญญาโทด้านชีวเคมีและพันธุกรรมจากออสเตร เลียและนิวซีแลนด์ ซึ่งปัจจุบันให้ความสนใจการนั่งสมาธิและการ “ค้นคว้าทางจิต” โดยเป็นประธานชมรมวิถีธรรม-วิถีไท ทั้งนี้ กับ “สัมผัสพิเศษ” หรือ “ซิกซ์เซนส์” ดร.กัญจีราบอกว่าเกิดกับตัวตั้งแต่เด็ก
ครั้งหนึ่งได้บอกคนรู้จักว่าอีกไม่กี่วันจะมีอุบัติเหตุมีฝรั่งตายหลายคน แล้วก็มีรถทหารจัสแม็กซ์คว่ำตายจริง ๆ และเมื่อตอนลงไปทำงานในพื้นที่ภาคใต้ก็เห็นภาพโจรก่อการร้ายจะซุ่มโจมตีก่อนล่วงหน้าจึงเล่าให้หัวหน้าฟัง ซึ่งก็เกิดขึ้นจริง หรือการปฏิวัติยุค รสช. ก็บอกผู้ใหญ่ไปไม่ถึง 1 สัปดาห์ก็เกิดขึ้น ทั้งยังเคยทำนายว่าคนไทยจะมีนายกรัฐมนตรีที่มีชื่อทิศใต้ซึ่งขณะนั้นไม่มีใครคาดคิด แต่ผลก็ออกมาตามนั้น และยังมีอีกหลายคำทำนายที่ตอนแรกฟังแล้วอาจจะดูไม่น่าเชื่อ แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็พิสูจน์แล้วว่าเป็นจริง อาทิ สงครามอิรัก วิกฤติค่าเงินบาท เหตุการณ์ถล่มตึกเวิลด์เทรด จนทำให้เจ้าตัวถูกเรียกว่าเป็น “นอสตราดามุสหญิง...เมืองไทย”
“คนมักถามว่ารู้ได้อย่างไร เราก็บอกว่าคำตอบมีอยู่แล้ว เพียงแต่จะเจอคำตอบเมื่อไหร่ เหมือนนักวิจัยเก็บข้อมูลไปเรื่อย ๆ แล้ววันหนึ่งก็มีคำตอบให้ บางคนมองว่างมงาย แต่เราคิดว่าเรื่องจิตสามารถอธิบายให้เป็นรูปธรรมในเชิงวิทยาศาสตร์ได้ จึงตั้งใจค้นคว้าเพื่อหาคำตอบ”
ในช่วงเริ่มต้นค้นคว้านั้น ดร.กัญจีรา บอกว่า เกิดเหตุประหลาดหลายครั้ง เช่นมีโอกาสเจอ “อ.ภาวาด บุนนาค” ซึ่งไม่เคยเจอตัวจริงกันเลย แต่พบกันในนิมิต 5 ครั้ง ได้กล่าวอะไรหลายอย่าง ทำให้เกิดความต้องการรู้ อยากศึกษาค้นคว้าพิสูจน์ แต่กว่าจะตามหาเจอท่านก็ถึงแก่กรรมไปแล้ว ก็ได้คุยกับคนสนิทของท่านว่าสิ่งที่ท่านบอกนั้นจริงหรือไม่ ปรากฏว่าจริง เรื่องการเปลี่ยนแปลงของบ้านเมือง ตรงนี้ยิ่งเป็นแรงบันดาลใจ
ช่วงปี 2531-2532 เริ่มจริงจัง ทุ่มเท นั่งสมาธิ สวดมนต์ จากนั้นก็ฝึกสมาธิบำบัดซึ่งเป็นศาสตร์หนึ่งที่เอาสมาธิมาผนวกกับการเคลื่อนไหวที่ได้ประโยชน์กับร่างกาย แล้วให้จิตเฝ้าระวังดูการเคลื่อนไหวของเรา
“ส่วนการทำนาย ทุกครั้งก็ไม่ได้พูดส่งเดช แต่มีหลักความเป็นไปได้ ส่วนใหญ่จะมองจะวิเคราะห์เป็นรายปี ถามว่าเคยพลาดไหม ตรงนี้แหละที่แปลก อย่างเหตุการณ์พายุนาร์กีสที่พม่า แผ่นดินไหวที่จีน ก็เคยเตือนไว้ตอนปี 2548-2549 ว่ามันจะเกิด มันก็เกิดขึ้นในปี 2551 จริง ๆ”
ปลายปี 2550 เตือนย้ำเรื่องพม่า จีน และต่อที่อินโดนีเซีย เกิดแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด และกระทบถึง ศรีลังกากับอินเดีย ต่อเนื่องมาที่ลาว ซึ่งถ้าลาวแผ่นดินไหวไทยก็ต้องเจอ แต่ไม่รู้ว่าวงจรนี้จะเกิดเมื่อใด ?
สำหรับคำทำนายที่เกี่ยวกับไทย ดร.กัญจีรา บอกว่า “สัญญาณอันตรายจะเกิดขึ้นด้วยคลื่นความถี่ ภาพภัยพิบัติล่าสุดที่เห็นคือ ภูเขาไฟในอินโดนีเซียปะทุและระเบิด เกิดคลื่นยักษ์ในอ่าวไทย ไม่ใช่สึนามิ แต่จะเป็นคลื่นที่ระลอกแล้วระลอกเล่าถาโถมเข้ามาพร้อม กับพายุที่มีความรุนแรงกว่าปกติ คนที่อยู่แถวริมทะเลจะได้รับผลกระทบ อาทิ เพชรบุรี สมุทร ปราการ”
ดร.กัญจีรา อธิบายด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ว่า จากภาพที่เห็นตั้งสมมุติฐานว่าบริเวณอ่าวไทย เลียบชายฝั่งเป็นดินใหม่ที่มีโคลน เมื่อมีการขยับตัวของแผ่นดินเกาะสุมาตราก็จะมี ลักษณะเหมือนโดมิโน เมื่อตรงนี้ขยับตรงโน้นก็ขยับต่อทีละนิดไปเรื่อย ๆ ในอ่าวไทยมีหลุมใหญ่จากการขุดเจาะก๊าซธรรมชาติ สูบน้ำมันมานาน 20-30 ปี ของเหลวถูกสูบขึ้นมา ความสมดุลของโลกก็สูญเสียไป ฉะนั้นแผ่นดินต้องเลื่อนลงไปทดแทน พื้นทรายทรุดตัวลงช้า ๆ สิ่งที่เข้าไปแทนที่คือ ทราย ฟองอากาศ พื้นดินจะขยับไปเรื่อย ๆ ซึ่งต้องมีผลกระทบ
“ภายใน 3-6 เดือนข้างหน้านี้ ไทยจะพบภัยพิบัติธรรมชาติรุนแรง จะเกิดน้ำท่วม น้ำป่าไหลหลาก แผ่นดินทรุด กรุงเทพฯ น้ำจะท่วมแผ่นดินไหวมีตึกสูงถล่ม ภาคใต้จะเกิดคลื่นพายุหนัก โดยภัยธรรม ชาติจะเกิดขึ้น 3 ช่วงคือ 1.วันที่ 26-27 ก.ค., 2.วันที่ 17-18 ส.ค., 3.ช่วงรอยต่อของวันที่ 23 ต.ค.-7 พ.ย. ซึ่งจะเหมือนเหตุการณ์ที่เคยเกิดที่กระทูน อ.พิปูน จ.นครศรีธรรม ราช แต่ครั้งนี้เกิดขึ้นที่ภาคเหนือ จะมีน้ำป่าไหลหลากรุนแรง ภูเขาเกิดแตก โดยเฉพาะที่ น่าน แพร่ และที่ อ.เถิน จ.ลำปาง เพราะมีการขุดเจาะภูเขาทำเหมืองกันมาก”
นักวิทยาศาสตร์ผู้สนใจค้นคว้าทางจิตบอกต่อไปว่า... ถนนบ้านเราสร้างตามใจนักการเมือง ไม่ใช่ผังเมือง ทำให้ถนนหลายสายเหมือนกับเขื่อนกั้นน้ำจากภาคเหนือสู่ภาคใต้ ทำให้มีน้ำท่วมขังหลายพื้นที่ และเคยดูไว้เมื่อปี 2549 ว่าปี 2551 นี้น้ำฝนจะมากกว่าปกติ เพราะร่องความกดอากาศเคลื่อนที่สู่ภาคเหนือ แล้วนำลมมรสุมมาตก ทำให้ปริมาณน้ำในภาคเหนือเกิดการสะสม พอมากเข้าก็ไหลลงใต้ มีน้ำทะเลหนุน ทำให้ภาคกลางที่เป็นพื้นที่ลุ่มหรือทำให้กรุงเทพฯ ต้องเจอน้ำท่วมใหญ่แน่นอน “ไม่ถึงขนาดกับมิดหัว ประมาณเอวถึงอก” แม้จะมีการสร้างเขื่อนเพื่อแก้ไข แต่ก็คงแก้ไม่ได้ เพราะไม่ทันแล้วกับวิกฤติต่าง ๆ ที่รุนแรงที่จะเกิดขึ้น
ดร.กัญจีรายังบอกด้วยว่า สิ่งที่เห็นไม่ใช่ญาณ ไม่ใช่นิมิต แต่เป็นคลื่นที่มีการเก็บข้อมูลไว้แล้วส่งเข้ามา โดยที่สามารถรับคลื่นตรงนั้นได้ ซึ่งตามหลักวิทยาศาสตร์ทุกคนมีพลังงาน “คลื่นแม่เหล็ก” ที่ออกมารอบตัว แต่ตนเองมีคลื่นละเอียดกว่าจึงสัมผัสเข้าถึงได้ดีกว่า และแปรผลออกมาเป็นภาพ และเมื่อคลื่นจิตในสมองสงบก็สามารถ จูนคลื่นในอากาศได้ ทำให้รับรู้หรือเห็นเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้ ทั้งที่เคยเกิดและยังไม่เกิดขึ้น
“วิกฤติต่าง ๆ ที่รุนแรงจะเกิดขึ้นใน 2 ปีนี้” เป็นอีกคำทำนายระทึกขวัญที่ “ดร.กัญจีรา กาญจนเกตุ” ระบุ และกำลังรอการพิสูจน์ความแม่น ของ “นอสตราดามุสหญิง...เมืองไทย” คนนี้ !!.
'ความจริง...ที่รอการพิสูจน์ ?'
ดร.กัญจีราบอกว่า ตามวงจรโลกทุก 500 ปีโลกจะสวิงกลับ เช่นเมื่อ 1,000 ปีที่แล้วจีนเจริญรุ่งเรืองมาก แล้วถดถอย ตะวันตกเจริญพัฒนาขึ้น และช่วงนี้ตะวันตกถดถอยลง ตะวันออกก็จะกลับมาเฟื่องฟูอีก จะสวิงไปมาแบบนี้ ซึ่งคิดตามหลักวิทยาศาสตร์อาจเป็นผลจากพลังงานแม่เหล็กโลกที่เคลื่อนที่ตลอดเวลา ที่สำคัญทุก 3,000 ปีโลกจะเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศวิทยาทุกครั้ง จะเกิดขึ้นเพราะวงจรของโลก จากคลื่นพลังงานที่หมุนรอบโลก หรือแม้แต่สสารที่อยู่ในโลกก็มีการเคลื่อนย้ายหมุนเวียน ซึ่งวงจรพลังงานที่เคลื่อนที่มีผลต่อสสาร เมื่อสสารข้างในเคลื่อนที่ มันก็มีผลต่อเปลือกโลก ผลกระทบก็จะเกิดกับมนุษย์และธรรมชาติที่อยู่บนพื้นพิภพ
ก่อนหน้านี้ ดร.กัญจีราจะเก็บตัว เพิ่งจะยอมเปิดให้สัมภาษณ์กับทีมวิถีชีวิต ซึ่ง ดร.กัญจีราบอกว่า ที่ให้สัมภาษณ์เพราะอยากเตือนสติคน อยากให้คนไทยตระหนักรู้ โดยช่วงนี้เป็นช่วงรอยต่อการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโลก ซึ่งได้เคยทำนายเตือนมาตั้งแต่ปี 2545 ว่าในช่วงปี 2551-2552 จะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
“ภัยที่เกิดขึ้นนอกจากรับรู้ด้วยโสตประสาทและตาที่สามแล้ว ยังได้ศึกษาข้อมูลวิทยาศาสตร์ แผนที่โลก ภูมิศาสตร์ ธรณีวิทยา เพราะสิ่งที่พูดต้องชัดเจนและตรวจสอบได้ ที่ออกมาพูดวันนี้เพื่อให้เกิดสติ ตระหนักรู้ ไม่ประมาทกับชีวิต พร้อมทั้งเตือนหน่วยงานที่รับผิดชอบให้เตรียมรับมือปัญหา เพื่อจะได้แก้ไขทัน คนเราวันหนึ่งต้องตาย เมื่อมีชีวิตอยู่อย่าหายใจทิ้งไปวัน ๆ เร่งสร้างกุศลบารมี และความดี สิ่งนี้เท่านั้นที่จะติดตัวเราไปได้ ไม่ได้ต้องการอวดอ้างตัวหรืออยากดัง ไม่ใช่หมอดู ไม่ใช่นักโหราศาสตร์ นักพยากรณ์ ทุกสิ่งทุกอย่างที่พูดคือความจริง ที่รอการพิสูจน์” ดร.กัญจีรากล่าว.
ที่มา เดลินิวส์ http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=169953&NewsType=1&Template=1
Advertisement
เปิดอ่าน 21,259 ครั้ง เปิดอ่าน 9,114 ครั้ง เปิดอ่าน 3,123 ครั้ง เปิดอ่าน 13,517 ครั้ง เปิดอ่าน 14,139 ครั้ง เปิดอ่าน 22,128 ครั้ง เปิดอ่าน 14,978 ครั้ง เปิดอ่าน 13,429 ครั้ง เปิดอ่าน 10,214 ครั้ง เปิดอ่าน 15,522 ครั้ง เปิดอ่าน 13,329 ครั้ง เปิดอ่าน 20,528 ครั้ง เปิดอ่าน 3,137 ครั้ง เปิดอ่าน 3,744 ครั้ง เปิดอ่าน 10,633 ครั้ง เปิดอ่าน 9,909 ครั้ง
|
เปิดอ่าน 14,291 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 15,122 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 11,661 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 22,596 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 14,949 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 2,263 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 5,838 ☕ คลิกอ่านเลย |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡
เปิดอ่าน 14,385 ครั้ง |
เปิดอ่าน 50,611 ครั้ง |
เปิดอ่าน 13,677 ครั้ง |
เปิดอ่าน 23,507 ครั้ง |
เปิดอ่าน 19,440 ครั้ง |
|
|