Advertisement
ความจริงเกี่ยวกับไขมัน
เหตุที่อาหารไขมันต่ำไม่ช่วยให้ผอมได้เร็วอย่างใจ อาจเป็นเพราะเราเข้าใจสิ่งที่เรียกว่า “ไขมัน” กันน้อยเกินไป เลยอยากให้คุณทำความเข้าใจเกี่ยวกับเพื่อนชื่อไขมันให้มากขึ้นอีกสักนิดดีไหม เพื่อก้าวต่อไปของการลดน้ำหนักจะได้ทั้งมีความ “สุข” กับการกิน(ไขมัน) และ “สวย” ยิ่งขึ้น
ความจริงข้อแรก: อาหารไขมันต่ำทำให้ต้องกินบ่อยขึ้น
เหตุผลง่ายๆ คือ เมื่อเปรียบเทียบกับผัก ผลไม้ ปลา หรือแม้กระทั่งกับน้ำตาลแล้ว ไขมันคือสิ่งที่กระเพาะอาหารต้องใช้เวลาย่อยนานที่สุด อาหารที่มีไขมันจึงทำให้เรารู้สึกอิ่มนาน ดังนั้นหลังรับประทานสลัดผัดกับน้ำสลัดแบบใส คุณจึงพบว่าความหิวมาเยือนในเวลาไม่ช้า
การกินแต่อาหารไขมันต่ำจึงไม่ทำให้เรารู้สึกอิ่มแบบถึงใจ แต่ยังคงหิวและมีแนวโน้มจะกินจุบจิบมากขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ร่างกายร้องขอไขมันอันเป็นแหล่งพลังงานของการมีชีวิตอยู่ต่อไปนั่นเอง
ความจริงข้อที่สอง: ไขมันต่ำ-แคลอรี่ไม่ต่ำ
เคยสงสัยหรือเปล่าว่าอาหารสำเร็จรูปต่างๆ ที่คุณเข้าใจว่ามีไขมันต่ำนั้น ให้พลังงานหรือแคลอรี่ต่ำด้วยหรือไม่ การมีส่วนผสมของไขมันอยู่ต่ำไม่ได้หมายความว่าจะให้พลังงานต่ำ โปรดทราบว่าผลิตภัณฑ์ไขมันต่ำไม่น้อยมีน้ำตาล สารเพิ่มความข้นเหนียว และสารปรุงแต่งอื่นๆ จำนวนมาก จึงทำให้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ให้พลังงานสูงกว่าอาหารที่มีไขมันตามธรรมชาติ
ความจริงข้อที่สาม: อาหารไขมันต่ำกระตุ้นให้ร่างกายสร้างไขมัน
จะเป็นไปได้อย่างไร หลายคนอ่านหัวข้อแล้วสงสัย ความจริงมีอยู่ว่าเมื่อร่างกายได้รับพลังงานจากอาหารน้อยลง จะทำให้กระบวนการเผาผลาญอาหารช้าลง ในช่วงแรกของการอดอาหารหรือลดน้ำหนักด้วยการอด ร่างกายจะเริ่มเก็บสะสมพลังงานที่มีในรูปของไขมันเพื่อให้อยู่รอดในช่วงที่อดต่อไปได้ ผลก็คือน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นหลังอดอาหาร กระบวนการนี้คือคำอธิบายว่าทำไมการอดอาหารอย่างเดียวจึงไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดในการลดน้ำหนัก
การลดน้ำหนักโดยไม่ออกกำลังกายช่วยเผาผลาญพลังงานส่วนเกิน แต่ใช้วิธีการกินอาหารไขมันต่ำหรือไม่มีไขมันเลยเพียงอย่างเดียว ยังทำให้ร่างกายได้รับพลังงานมหาศาลจากอาหารไขมันต่ำ ซึ่งปกติจะประกอบไปด้วยคาร์โบไฮเดรตที่ผ่านกระบวนการมากมายและมีแคลอรี่สูงมาก ซึ่งที่สุดแล้วก็จะถูกเปลี่ยนเป็นเนื้อเยื่อไขมันไปสะสมอยู่ตามร่างกาย แทนที่จะผอมก็กลายเป็นอ้วนซะงั้น
ความจริงข้อที่สี่: ไขมันก็ช่วยให้ผอมเพรียวได้
ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารต่างมั่นใจว่า สิ่งที่จะใช้ห้ำหั่นทำลายไขมันในร่างกายก็คือ “ไขมัน” บางประเภท เช่น การกินน้ำมันของเมล็ดต้น Chia(หรือลินิน) ควบคู่กับอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วนและอุดมด้วยใยอาหารนั้น จัดว่าเป็นวิธีที่ดีในการควบคุมน้ำหนักให้คงที่ ซึ่งเป็นการสร้างสุขภาพที่ดีไปพร้อมกัน
น้ำมันจากเมล็ดต้น Chia ถือเป็นไขมันที่ไม่เหมือนไขมัน เพราะมันทำงานเหมือนสารต้านไขมัน(anti-fat) โดยออกฤทธิ์ตรงข้ามกับไขมันอิ่มตัวที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย กล่าวคือขณะที่ไขมันอิ่มตัวกระตุ้นให้เกิดโรคอ้วน หัวใจ หลอดเลือดหัวใจตีบ หัวใจวาย หรือโรคอื่นๆ ที่ทำให้การทำงานของร่างกายเสื่อมถอยลง แต่ไขมันจากน้ำมัน Chia ออกฤทธิ์ต้านอาการเหล่านี้ โดยไปช่วยกระตุ้นกระบวนการเผาผลาญอาหาร ทำให้รู้สึกอิ่มนาน ช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดและระดับอินซูลินสมดุล จึงช่วยให้คุณลดน้ำหนักได้ผล นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มการดูดซึมออกซิเจนของเซลล์ ทำให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่าและสดชื่นอีกต่างหาก
การเติมน้ำมันชนิดนี้ในอาหารจึงเหมือนการหลอกร่างกายให้อิ่มสบายเพราะได้ไขมันแล้ว(แต่เป็นไขมันที่ไม่ทำให้อ้วน) ฟังดูออกจะคล้ายวิธีเดียวกับที่คุณคิดจะหลอกร่างกายด้วยการบริโภคอาหารไขมันต่ำ เพราะเชื่อว่าจะช่วยให้อิ่มท้องแต่ไม่ทำให้อ้วนเพราะมีไขมันต่ำ(แต่ให้พลังงานสูง) นะ
ความจริงข้อที่ห้า : ไขมันช่วยให้ผิวสวย
แม้จะไม่ต้องการมีไขมันสะสมเป็นชั้นหนา แต่ผิวของคุณก็ต้องการกรดไขมันจำเป็นเพื่อให้ยังคงสภาพและไม่เหี่ยวย่น ยิ่งอายุมากขึ้นก็ยิ่งต้องการมากขึ้น คนที่ไม่แตะไขมันเลยเพราะอยากจะผอมตลอดเวลา จึงเท่ากับเป็นการปิดโอกาสที่ผิวจะได้รับสารต้านอนุมูลอิสระที่ละลายในไขมัน เช่น วิตามิน A และ E ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นต่อการมีผิวสวยใส เล็บแข็งแรง และผมเป็นเงางาม
กรดไขมัน Omega-3 ที่พบในน้ำมันปลาและพืชยังช่วยรักษาโรคผมร่วง โดยกระตุ้นให้ผมงอกใหม่ได้ในเวลา 12 เดือน ปริมาณที่สมดุลของกรดไขมัน Omega-3 และ Omega-6 ยังช่วยกระตุ้นการดูดซึมวิตามินที่จำเป็นของ “คนสวย” ซึ่งได้แก่ วิตามิน A, D, E และ K รวมทั้งการส่งผ่านออกซิเจนไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย กรดไขมัน Alpha-linoleic ที่มีในน้ำมันเมล็ดต้น Chia และลินินยังช่วยให้ร่างกายกระตุ้นการผลิตฮอร์โมน Prostaglandins ชนิดที่ต่อต้านอาการอักเสบ ส่วนกรดไขมัน Gamma-linoleic ที่พบมากในน้ำมันอีฟนิ่งพริมโรสยังช่วยยับยั้งการออกฤทธิ์ของสาร Leukotriene B4 ซึ่งเป็นสารเคมีที่กระตุ้นอาการอักเสบของผิว
ความจริงข้อที่ 6: จงพิถีพิถันกับประเภทไขมัน ไม่ใช่ปริมาณไขมัน
สาวๆ ที่หลีกเลี่ยงการบริโภคไขมัน เพราะเชื่อว่ากินไขมันยิ่งมากก็จะยิ่งอ้วน รู้ไหมว่าสิ่งที่สำคัญกว่าการจำกัดปริมาณในการบริโภคก็คือ การเลือกบริโภคไขมัน “ชนิด” ที่เหมาะสม ลองดูตัวอย่างจากการกินอาหารสไตล์เมดิเตอเรเนียนของสาวกรีกก็ได้ อาหารเมดิเตอเรเนียนไม่จัดว่าเป็นอาหารไขมันต่ำ เพราะถึงจะไม่ค่อยใช้เนื้อสัตว์และไขมันจากสัตว์ แต่ใช้ธัญพืช ผักผลไม้ อาหารทะเล กระนั้นอาหารภูมิภาคนี้ก็ใช้น้ำมันมะกอก และน้ำมันวอลนัตเป็นหลัก ผู้หญิงกรีกได้รับพลังงานจากการบริโภคไขมันถึงร้อยละ 40 ต่อวัน ซึ่งเป็นสัดส่วนพอๆ กับสตรียุโรปอื่นๆ แต่กลับพบอัตราการเกิดมะเร็งเต้านมน้อยกว่าสาวๆ ในยุโรปเหนือและอเมริกา ซึ่งตื่นตัวและต้อนรับอาหารไขมันต่ำตามสมัยกันแบบสุดๆ
คำแนะนำในการกินไขมันให้ผอมและสวย
ในหนังสือ Healthy on the Inside, Beautiful on the Outside(ฉบับภาษาไทยชื่อ “สุขภาพดีจากภายใน สวยสดใสสู่ภายนอก”) ผู้เขียนคือ “โย วิคมันส์” ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเลือกกินไขมันและน้ำมันไว้หลายข้อ ที่น่าสนใจได้แก่
* หลักในการบริโภคไขมันที่ดีต่อสุขภาพคือ กินไม่มาก แต่กินวันละหลายครั้ง เพื่อให้ร่างกายรู้สึกว่าได้รับอาหารเพียงพอตลอดวัน เช่น กินเมล็ดฟักทองหรือถั่ว ซึ่งให้ไขมันดีเป็นของว่าง
* ไขมันที่ควรเลี่ยงเพราะไม่ให้ผลดีกับหัวใจ ร่างกาย และน้ำหนัก ได้แก่ กรดไขมันอิ่มตัวที่พบในเนื้อสัตว์ติดมัน นม น้ำมันบางชนิด เช่น น้ำมันปาล์ม น้ำมันมะพร้าว และกะทิ
* ในแต่ละวันพยายามกินอาหารที่อุดมไปด้วยกรดไขมัน Omega-3 เช่น วอลนัต น้ำมันลินสีด ผักใบเขียว และน้ำปลา(จากปลาทูน่า เทร้าต์ เฮอร์ริ่ง แมคเคอเรล และซาร์ดีน) ในปริมาณที่เหมาะสม ถ้าจะกินปลา พยายามเลือกกินปลาที่เติบโตตามธรรมชาติ
* คุณอาจรับประทานอาหารเสริมน้ำมันปลาบริสุทธิ์ 100% ซึ่งมีประสิทธิภาพในทางยาทุกวัน โดยเลือกชนิดที่มี EPA/DAH อย่างน้อย 650 มิลลิกรัม(เช่น Mor/EPA)
* หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ทุกอย่างที่มีกรดไขมัน transfat(ไขมันอิ่มตัวที่นำมาเติมไฮโดรเจนเพื่อให้ได้ไขมันที่เสถียรต่อความร้อน ไม่เป็นไข และไม่ทำปฏิกิริยากับออกซิเจน จึงไม่เหม็นหืน) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เนยและเนยเทียมแบบไขมันต่ำ รวมทั้งเนยเทียมที่โฆษณาว่าช่วยลดคอเลสเตอรอล เพราะเนยเทียมแบบนี้มีอนุมูลอิสระแฝงอยู่ มีกรดไขมันจำเป็นน้อย จึงส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว
* ถ้าอยากทาเนยบนขนมปัง ควรเลือกเนยที่ผลิตด้วยวิธีธรรมชาติและไม่เติมเกลือ โดยทาแต่น้อย
* น้ำมันจากเมล็ดต้น Chia และลินินที่ใหม่สด หาซื้อได้ตามร้านขายอาหารเพื่อสุขภาพ ซึ่งควรวางขายอยู่ในช่องอาหารสดที่แช่เย็นเท่านั้น น้ำมันชนิดนี้เก็บได้นานที่สุด 6-8 เดือน(ในตู้เย็น)
เมื่อได้รู้จักกับไขมันดีขึ้นแล้ว คุณคงจะเห็นว่าไขมันไม่ใช่ศัตรูความผอมเสมอไป หากเรารู้จักเลือกกินอาหารให้หลากหลาย เพื่อให้ได้รับไขมันในปริมาณที่พอเหมาะกับความต้องการของร่างกาย เราก็จะมีความต้องการบริโภคน้อยลงตามไปเอง นอกจากนี้สิ่งสำคัญที่ผู้บริโภคอย่างเราควรต้องมีคือ ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับส่วนประกอบและวิธีปรุงอาหาร ก่อนซื้อก็ควรอ่านฉลากเสมอว่าอาหารชนิดนั้นประกอบด้วยอะไร และควรรู้ด้วยว่าส่วนประกอบนั้นจะนำพาอะไรมาสู่ร่างกายของเราบ้าง
เมื่อรู้ให้เท่าทัน(ผู้ผลิตอาหาร) จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของคนที่เอาความผอมแบบ “ลมๆ แล้งๆ” มาล่อหลอกให้เราตายใจกันอีกต่อไป
ตอบคำถามก่อนเผลอกินพร่ำเพรื่อ
แน่ใจหรือว่าคุณจะกินเพราะหิว ไม่ใช่เพราะตามใจปาก อยากหรือเพื่อชดเชยอะไรบางอย่าง ตรวจสอบได้โดยการตอบคำถามต่อไปนี้
* คุณกินเวลาที่คุณไม่หิวใช่ไหม?
* คุณยังคงกินและกินต่อไปแม้อาหารจะมีรสชาติไม่ได้เรื่องใช่ไหม?
* คุณกินเวลาไม่มีอะไรจะทำใช่ไหม?
* คุณกินเวลาอารมณ์อ่อนไหว เหนื่อย หงุดหงิด หรือวิตกกังวลใช่ไหม?
* คุณสร้างกำลังใจให้ตัวเองโดยการกินใช่ไหม?
* หรือว่าคุณปลอบใจตัวเองโดยการกินใช่ไหม?
* คุณกินหลังจากมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งหรือสถานการณ์ตึงเครียด เพื่อหวังให้จิตใจสงบลงใช่ไหม?
* การกินคือวิธีโปรดในการสร้างความสุขตามลำพังของคุณใช่ไหม?
* คุณกินเพื่อให้รางวัลตัวเองใช่ไหม?
* คุณยังคงกินต่อไปแม้จะรู้สึกอิ่มแล้วใช่ไหม?
ถ้าคำตอบของคุณคือ “ใช่” แปลว่าคุณกำลังใช้การกินสนองความรู้สึก ไม่ใช่เพราะความจำเป็นต้องได้รับอาหารของร่างกาย ซึ่งถ้าหากคุณไม่สามารถเผชิญหน้ากับสาเหตุที่ทำให้กิน และไม่สามารถควบคุมพฤติกรรมกับสาเหตุที่ทำให้คุณกิน กิน และกินอย่างพร่ำเพรื่อ ไม่เป็นเวลา และเกินความจำเป็นได้ ไม่ว่าจะเลือกกินอาหารไขมันต่ำแค่ไหน โลว์คาร์บอย่างไร ก็คงไม่อาจช่วยให้คุณผอมลงได้
ที่มา วิชาการดอทคอม
วันที่ 15 ส.ค. 2552
Advertisement
เปิดอ่าน 7,205 ครั้ง เปิดอ่าน 7,139 ครั้ง เปิดอ่าน 7,139 ครั้ง เปิดอ่าน 7,135 ครั้ง เปิดอ่าน 7,136 ครั้ง เปิดอ่าน 7,144 ครั้ง เปิดอ่าน 7,142 ครั้ง เปิดอ่าน 7,146 ครั้ง เปิดอ่าน 7,143 ครั้ง เปิดอ่าน 7,140 ครั้ง เปิดอ่าน 7,148 ครั้ง เปิดอ่าน 7,146 ครั้ง เปิดอ่าน 7,145 ครั้ง เปิดอ่าน 7,137 ครั้ง เปิดอ่าน 7,151 ครั้ง เปิดอ่าน 7,138 ครั้ง
|
เปิดอ่าน 7,140 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,137 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,156 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,142 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,136 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,142 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,140 ☕ คลิกอ่านเลย |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡
เปิดอ่าน 11,592 ครั้ง |
เปิดอ่าน 51,904 ครั้ง |
เปิดอ่าน 19,458 ครั้ง |
เปิดอ่าน 15,669 ครั้ง |
เปิดอ่าน 54,093 ครั้ง |
|
|