ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมเรื่องราวจากสมาชิก  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

ตับอักเสบชนิด บี


เรื่องราวจากสมาชิก เปิดอ่าน : 7,153 ครั้ง
Advertisement

                          ตับอักเสบชนิด บี

Advertisement

 

       
                          ตับอักเสบชนิด บี

น.อ. ณัฎฐากร วิริยานุภาพ
กองอายุรกรรม ร.พ.ภูมิพลอดุลยเดช พอ.บนอ.


ปัจจุบันมีผู้ป่วยที่เป็นโรคตับอักเสบจากไวรัสชนิดบีในเมืองไทยจำนวนมาก โดยที่ผู้ป่วยเหล่านี้อาจ
ไม่แสดงอาการใด ๆ ผู้ป่วยเหล่านี้ บางคนอาจจะยังไม่เคยทราบมาก่อนว่าตัวเองเป็นโรคนี้ จนกระทั่ง
ไปตรวจเลือด จึงพบว่าเป็นโรคนี้ก็มี หรือบางคนไปบริจาคโลหิต แล้วจึงทราบว่าเป็นโรคนี้
ผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้จำนวนหนึ่งจะกลายเป็นโรคร้ายแรงซึ่งจะได้กล่าวต่อไป
โรคไวรัสตับอักเสบชนิดติดต่อกันได้อย่างไร

ผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้ส่วนมากไม่ทราบว่าติดโรคนี้มาได้อย่างไร การติดต่อของโรคนี้ติดต่อกันได้ ที่สำคัญมี 4 ทาง คือ

1. ติดต่อทางเลือด โดยได้รับเชื้อจากการได้รับเลือดจากผู้ที่เป็นโรคนี้ ปัจจุบันเราพบการติดต่อทางนี้น้อยลง
เพราะเรามีการตรวจเลือดก่อนที่จะนำมาให้คนไข้

2. ติดต่อทางน้ำลาย การรับประทานอาหารร่วมกับคนที่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดบี มีโอกาสจะติดต่อกันได้ง่าย
เพราะการรับประทานอาหารของคนไทยมักจะลืมใช้ช้อนกลาง ทำให้มีโอกาสติดโรคนี้ได้ง่าย

3. ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์กับคนที่เป็นโรคนี้ มีโอกาสจะติดโรคนี้ได้

4. ติดต่อจากมารดาสู่บุตร การติดต่อนี้จะมีโอกาสสูงที่จะติดเชื้อได้ในระหว่างคลอด จึงควรมีการตรวจเลือด
มารดาในตอนที่ฝากครรภ์ ถ้าพบว่ามารดามีเชื้อโรคนี้อยู่ ควรให้วัคซีนแต่ทารกตั้งแต่แรกเกิด เพื่อป้องกันไม่ให้
้เป็นโรคนี้อาการของโรคไวรัสตับอักเสบชนิดบี เป็นอย่างไร


อาการของโรคนี้ แบ่งได้เป็น 3 ลักษณะ คือ

1. มีอาการน้อย จนผู้ที่ได้รับเชื้อเข้าไปแทบจะไม่ทราบว่าตัวเองเป็นโรคนี้ ผู้ป่วยกลุ่มนี้ส่วนใหญ่มาทราบทีหลัง
โดยการเจาะเลือด หรือไปบริจาคโลหิตจึงทำให้ทราบว่าเป็นโรคนี้

2. มีอาการชัดเจน ได้แก่ มีไข้ต่ำ ๆ อ่อนเพลีย คลื่นไส้อาเจียน เบื่ออาหารนำมาก่อน ต่อมามีอาการตาเหลือง ตัวเหลือง
ปัสสาวะเหลืองเข้ม เมื่อมีอาการตาเหลืองตัวเหลืองเกิดขึ้นแล้ว อาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหารก็มักจะดีขึ้น หรือหายไป
ผู้ป่วยจะมีระยะเวลาที่ตาเหลืองตัวเหลืองไม่เท่ากัน บางคนอาจเป็นเพียงไม่กี่อาทิตย์ แต่บางคนอาจนาน 2-3 เดือน

3. ผู้ป่วยบางรายมีอาการรุนแรงมาก จนมีอาการซึม ตาเหลือง ตัวเหลือง ไม่รู้สึกตัว ตับมีขนาดเล็กลงผู้ป่วย
เหล่านี้จะมีโอกาสสูงที่จะเกิดภาวะตับวายและเสียชีวิตในที่สุด แต่โชคดีมีผู้ป่วยจำนวนน้อยมากที่จะเป็นแบบนี้
ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง ในปัจจุบันยังไม่มีวิธีการรักษาใด ๆ ได้ผลดีที่สุด วิธีที่ได้ผลดีในขณะนี้ก็คือ การเปลี่ยนตับ
ซึ่งก็มีปัญหาหลาย ๆ อย่างดังนี้

3.1 มีผู้บริจาคตับจำนวนน้อย ทำให้ไม่เพียงพอที่จะนำมาให้กับผู้ป่วยส่วนใหญ่ ตับที่จะนำมาให้กับผู้ป่วยโรคนี้มักจะได้
มาจากผู้ป่วยที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต แต่ตับยังดีอยู่ ซึ่งต้องได้รับอนุญาตจากญาตผู้ป่วยด้วย

3.2 เนื้อเยื่อของตับที่จะนำมาให้กับผู้ป่วยต้องเข้ากันได้กับเนื้อเยื่อของผู้ป่วยด้วย

3.3 ผู้ป่วยที่มีภาวะตับวาย มักจะมีโรคแทรกซ้อนหลายอย่าง เช่น สมองบวม, ปอดบวม, เลือดออกในระบบทางเดินอาหาร
เป็นต้น ทำให้ไม่สามารถจะเปลี่ยนตับให้แก่ผู้ป่วยได้

3.4 ผู้ป่วยที่ได้รับการเปลี่ยนตับ จำเป็นต้องได้รับการรับประทานยากดภูมิต้านทาน เพื่องป้องกันไม่ให้ร่างกายนั้น มีปฏิกิริยา
กับตับที่นำมาเปลี่ยนให้ การได้รับยาชนิดนี้นาน ๆ ทำให้เกิดโรคแทรกซ้อน เช่น ติดเชื้อได้ง่ายขึ้นผู้ป่วยที่มีอาการตาเหลือง
ตัวเหลือง หรือที่เรียกอีกอย่างว่า อาการดีซ่าน ทุกคนต้องเป็นโรคไวรัสตับอักเสบชนิดบี หรือไม่


ผู้ป่วยที่มีอาการดีซ่านคือ ตาเหลือง ตัวเหลือง ไม่จำเป็นต้องเป็นไวรัสตับอักเสบบี เพราะสาเหตุของอาการดีซ่าน
มีได้หลายอย่าง ได้แก่
1. จากการทำลายของเม็ดเลือดแดงมากเกินปกติ ทำให้เกิดภาวะดีซ่านขึ้นได้ เช่น การให้เลือดผิดหมู่เลือดหรือดรค G-6, P-D เป็นต้น

2. จากภาวะตับอักเสบซึ่งมีสาเหตุได้หลายอย่าง เช่น

2.1 จากไวรัส เช่น ไวรัสตับอักเสบ ชนิด A, B, C, D และ E

2.2 จากยาบางชนิด ยาหลายตัวที่มีพิษต่อตับ เช่น ยาปฏิชีวนะบางชนิด เช่น ยาซัลฟา, ยาเตตราซัยคลิน, ยาอีรีโทรมัยซิน
เป็นต้น ยารักษาโรควัณโรคหลายตัวก็มีพิษต่อตับ นอกจากนี้ยังมียาอีกหลายชนิดซึ่งทำให้เกิดอาการดีซ่านขึ้นได้ ดังนั้นก่อน
ที่จะรับประทานยาชนิดใด ถ้าไม่แน่ใจควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อน เพราะยานั้นอาจมีพิษต่อร่างกายได้

2.3 จากการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอลล์ ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอลล์ทุกชนิด เช่น เบียร์ วิสกี้ เหล่า ไวน์ เป็นต้น
มีโอกาสจะเกิดภาวะตับอักเสบได้ เพราะแอลกอฮอลล์นั้น เมื่อดื่มเข้าไปแล้วจะมีพิษต่อตับทำให้เกิดอาการดีซ่านขึ้นได้
ทั้งนี้ขึ้นกับปริมาณและระยะเวลาที่ดื่มด้วย ถ้าดื่มปริมาณมากและระยะเวลานานก็มีโอกาสจะเกิดตับอักเสบได้มากขึ้น

2.4 จากสารพิษบางชนิด ในปัจจุบันมีการใช้สมุนไพรกันอย่างแพร่หลาย ซึ่งสมุนไพรบางชนิดอาจมีพิษต่อตับได้ ทำให้เกิด
ภาวะตับอักเสบ ดังนั้นการที่จะรับประทานสมุนไพร ไม่ว่าจะเป็นยาลูกกลอน ยาหม้อ, ยาดองเหล้า ฯลฯ จึงควรต้องระมัดระวังว่า
อาจมีโอกาสที่จะเกิดอาการดีซ่านขึ้นได้ ผู้ป่วยที่เป็นโรคไวรัสตับอักเสบชนิดบี เมื่อเป็นแล้วจะเป็นเรื้อรังทุกราย หรือไม่


- ไม่เป็นตับอักเสบเรื้อรังทุกราย ผู้ป่วยที่ได้รับเชื้อไวรัสตับอักเสลชนิดบีเข้าไปครั้งแรก จะมีอาการน้อยจนถึงมีอาการรุนแรง
ดังที่ได้กล่าวไปแล้ว แต่ผู้ป่วยเหล่านี้ประมาณ 10% เท่านั้น ที่จะเป็นตับอักเสบเรื้อรังหรือพาหะของโรค ส่วนใหญ่ประมาณ
90% จะหายเป็นปกติ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราเป็นโรคไวรัสตับบีเรื้อรัง หรือพาหะของโรคนี้ หรือเปล่า


- ถ้าเราไม่เคยมีอาการใด ๆ มาก่อน เราอาจจะไปพบแพทย์ เพื่อขอเจาะเลือดตรวจ ซึ่งแพทย์จะตรวจการทำงานของตับ
และตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบบีด้วย ถ้าผู้ป่วยมีเชื้อไวรัสตับอักเสบบีและมีภาวะตับอักเสบด้วย น่าจะเป็นตับอักเสบเรื้อรัง
แต่ถ้าจะให้แน่ใจแพทย์จะนัดผู้ป่วยมาเจาะเลือดอีก 6 เดือน ถ้ายังพบเชื้อและยังมีภาวะตับอักเสบอยู่ ก็แสดงว่าผู้ป่วยเป็น
โรคตับเรื้อรังจากไวรัสชนิดบี แต่ถ้าเจาะเลือดแล้วมีเชื้อไวรัสตับอักเสบบี แต่ไม่พบภาวะตับอักเสบก็น่าเป็นพาหะของโรคนี้
ถ้าอีก 6 เดือนต่อมา เจาะเลือดแล้วยังพบเชื้อเหมือนเดิม แต่ไม่พบภาวะตับอักเสบ ก็แสดงว่าผู้ป่วยเป็นพาหนะของไวรัสตับอักเสบชนิดบี

ผู้ป่วยที่มีอาการดีซ่าน ผู้ป่วยกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะไปพบแพทย์ ซึ่งก็จะทราบว่าเป็นไวรัสตับอักเสบบีหรือไม่ จากการตรวจและเจาะเลือด
ของแพทย์ ผู้ป่วยที่เป็นโรคไวรัสตับอักเสบชนิดบีเรื้อรัง หรือพาหะของโรคนี้มีอันตรายอย่างไร


ผู้ป่วยทั้งสองกลุ่มนี้ มีโอกาสจะเกิดโรคตับแข็ง หรือโรคมะเร็งของตับหรือทั้ง 2 อย่าง ได้สูงกว่าคนที่ไม่เป็นโรคนี้
โรคตับแข็งและโรงมะเร็งของตับเป็นโรคที่ยังรักษาไม่หายในขณะนี้ โรคตับแข็งจะเป็นโรคเรื้อรัง ผู้ป่วยจะมีภาวะแทรกซ้อน
จากการติดเชื้อ และภาวะเลือดออกในทางเดินอาหารได้บ่อย ส่วนโรคเนื้องอกหรือมะเร็งของตับนั้นเมื่อเป็นแล้ว ในปัจจุบัน
ยังไม่มีวิธีรักษาให้หายขาดได้ การรักษาในขณะนี้ที่พอจะได้ผล ก็ได้แก่การผ่าตัดเอาก้อนเนื้องอกออก และการใช้ยาฉีดทำลาย
เซลล์มะเร็ง โดยผ่านสายฉีด เข้าไปทางเส้นเลือดที่ไปสู่ก้อนเนื้องอกของตับโดยตรง แต่ไม่ว่าเราจะรักษาด้วยวิธีใด ๆ ผู้ป่วยที่
เป็นโรคนี้ ก็มีอายุไม่ยืนยาว ส่วนใหญ่จะมีชีวิตอยู่ได้ประมาณ 1 ปี หรือน้อยกว่าถ้าไม่รักษาก็อยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือน
เราจะมีวิธีป้องกันโรคนี้ได้อย่างไร


ในปัจจุบัน วิธีป้องกันไม่ให้เป็นโรคนี้โดยการฉีดวัคซีนเป็นวิธีที่ดีที่สุดการเลือกฉีดวัคซีน จะแบ่งเป็น 2 ลักษณะคือ

1. ในเด็ก การฝากครรภ์จะทำให้ทราบว่ามารดามีเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดบีหรือไม่ ถ้าเป็นโรคนี้
ควรให้วัคซีนแก่ทารก ตั้งแต่แรกคลอดให้เร็วที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้ติดเชื้อตั้งแต่แรกเกิด ซึ่ง
ถ้าเด็กได้รับเชื้อตั้งแต่แรกเกิดแล้ว จะมีโอกาสเป็นตับแข็ง หรือเนื้องอกของตับตั้งแต่อายุยังน้อย
ส่วนในเด็กที่คลอดจากมารดาที่ปกติ ในปัจจุบันก็ควรได้รับการฉีดวัคซีนตั้งแต่เด็กด้วยเช่นกัน
เพื่อป้องกันการติดเชื้อเมื่อเด็กโตขึ้น

2. ในผู้ใหญ่ ขึ้นอยู่กับคน ๆ นั้น จะเสี่ยงต่อการติดโรคได้มากน้อยเพียงใด ถ้าเสี่ยงต่อการติดโรคนี้
ก็ควรได้รับการฉีดวัคซีน แต่ก่อนฉีดวัคซีนควรได้รับการเจาะเลือดตรวจก่อนว่ามีภูมิต้านทานโรคนี้หรือยัง
เพราะว่ามีคนจำนวนหนึ่ง ซึ่งเมื่อเจาะเลือดดูจะพบว่ามีภูมิต้านทานอยู่แล้ว หรืออาจมีเชื้ออยู่ในร่างกายแล้ว
ซึ่งก็ไม่จำเป็นต้องฉีดในคนสูงอายุ อาจไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีน ก่อนฉีดวัคซีนควรไปพบแพทย์เพื่อขอคำแนะนำ
เราจะปฏิบัติอย่างไร เมื่อสงสัยว่าจะเป็นโรคไวรัสตับอักเสบชนิดบี


ถ้าหากมีอาการอ่อนเพลีย คลื่นไส้อาเจียน เบื่ออาหาร มีไข้ต่ำ ๆ หรือมีอาการตาเหลือง ตัวเหลือง ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อให้แพทย์ตรวจวินิจฉัยว่าเป็นโรคตับอักเสบหรือเปล่า และเป็นชนิดไหน ในกรณีที่มีอาการดังกล่าวข้างต้น ควรพักผ่อน
ให้มาก ควรงดรับประทานมัน เพราะจะทำให้แน่นอืดท้องและคลื่นไส้เพิ่มมากขึ้น ควรงดดื่มสุราอย่างเด็ดขาด
ในระหว่างที่เป็นโรคนี้อยู่และไม่ควรรับประทานยาที่มีอันตรายต่อตับ

ที่มาข้อมูลwww.bkps.ac.th/a06_Education/04Education.htm

โพสต์โดยสมาชิกหมายเลข 2659 วันที่ 9 ส.ค. 2552

ขายดีมากครับคุณครู (พร้อมส่ง) เครื่องเคลือบบัตรA4 รุ่นSL200 เครื่องเคลือบกระดาษA4 A3 A5 ABSป้องกันการ์ด ในราคา ฿368 - ฿999 ที่ Shopee

https://s.shopee.co.th/4VLvxbi7ho?share_channel_code=6


ตับอักเสบชนิด บี

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

ครูของครูหนูอยู่ไหน.......?

ครูของครูหนูอยู่ไหน.......?


เปิดอ่าน 7,158 ครั้ง
ภาพประกอบ

ภาพประกอบ


เปิดอ่าน 7,170 ครั้ง
วิทยฐานะชำนาญการพิเศษ 2

วิทยฐานะชำนาญการพิเศษ 2


เปิดอ่าน 7,159 ครั้ง
งานวิจัย

งานวิจัย


เปิดอ่าน 7,170 ครั้ง

:: เรื่องปักหมุด ::

สำคัญอยู่ที่ใจ

สำคัญอยู่ที่ใจ

เปิดอ่าน 7,164 ☕ คลิกอ่านเลย

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
ไม่ธรรมดา ๆ ...> >  ผักตบชวา   ถูกตานักวิจัย  ใช้เป็นขุมพลังงานเชื้อเพลิง
ไม่ธรรมดา ๆ ...> > ผักตบชวา ถูกตานักวิจัย ใช้เป็นขุมพลังงานเชื้อเพลิง
เปิดอ่าน 7,163 ☕ คลิกอ่านเลย

ลำดับของเนื้อคู่
ลำดับของเนื้อคู่
เปิดอ่าน 7,229 ☕ คลิกอ่านเลย

โปรแกรมช่วย Zoom หน้าจอ เมื่อใช้คอมช่วยสอน
โปรแกรมช่วย Zoom หน้าจอ เมื่อใช้คอมช่วยสอน
เปิดอ่าน 7,173 ☕ คลิกอ่านเลย

นิสัยคนไทยที่คุณ
นิสัยคนไทยที่คุณ ''ต้อง'' อ่าน
เปิดอ่าน 7,190 ☕ คลิกอ่านเลย

***11 ข้อคิดเกี่ยวกับเซ็กส์***
***11 ข้อคิดเกี่ยวกับเซ็กส์***
เปิดอ่าน 7,227 ☕ คลิกอ่านเลย

ตาสว่าง!!! คลิปเกาเหลา
ตาสว่าง!!! คลิปเกาเหลา 'ฮาย-อาภาพร' กับ 'ดาว-มยุรี'
เปิดอ่าน 7,175 ☕ คลิกอ่านเลย

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

การซ่อมแซมบ้านหลังน้ำลด
การซ่อมแซมบ้านหลังน้ำลด
เปิดอ่าน 10,259 ครั้ง

วอยเอเจอร์ 2 เผยระบบสุริยะไม่กลม
วอยเอเจอร์ 2 เผยระบบสุริยะไม่กลม
เปิดอ่าน 16,769 ครั้ง

พกมือถือในกระเป๋ากางเกง หันหน้าเข้าหรือหันหน้าออกดี?
พกมือถือในกระเป๋ากางเกง หันหน้าเข้าหรือหันหน้าออกดี?
เปิดอ่าน 4,601 ครั้ง

10 วิธีการเป็นพ่อแม่ที่สุดยอด
10 วิธีการเป็นพ่อแม่ที่สุดยอด
เปิดอ่าน 15,485 ครั้ง

ดาวน์โหลดเอกสารมาตรฐานห้องสมุดโรงเรียน ฉบับใหม่ ปี 2556
ดาวน์โหลดเอกสารมาตรฐานห้องสมุดโรงเรียน ฉบับใหม่ ปี 2556
เปิดอ่าน 27,470 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ