Advertisement
❝ ก่อนที่จะเรียนจบด้านศึกษาศาสตร์ ก็ต้องไปอบรมเข้มที่ มสธ. ท่านอาจารย์ที่เป็นวิยากรประจำกลุ่ม ท่านก็ฝากมาว่า อย่าทิ้งนักเรียนที่เรียนอ่อน เพราะเป็นกลุ่มเด็กที่น่าสงสาร และให้ไปคุยกับพวกเค้า เราก็จะรู้อะไรอีกมากมาย ❞
สมัยผมเป็นนักเรียนนั้น การนั่งในห้องเรียนก็เป็นตัวบ่งบอกถึงความเก่งได้ โดยเด็กที่เรียนเก่งจะนั่งประมาณ 2 แถวหน้า ถัดมาก็พวกเรียนปานกลาง และหลังสุดก็จะเป็นพวกเรียนอ่อน คำส่าเรียนอ่อนกับเกเร เหมือนจะใกล้กับ แต่จริง ๆ เด็กเรียนอ่อนก็ไม่ใช่เด็กเกเรเสมอไป เด็กเรียนเก่งบางคนออกจะเกเรก็มีด้วยซ้ำ ผมจัดเป็นเด็กประเภทเรียนระดับปานกลาง แต่ก็ได้เห็นชีวิตที่น่าสงสารของเด็กเรียนอ่อนหลายเรื่องเหมือนกัน เรื่องแรกครูสมัยผมมักจะชื่นชอบเด็กเรียนเก่ง และเด็กเรียนเก่งทำผิดไม่ค่อยจะถูกลงโทษเท่าไหร่นัก หรือลงโทษก็สถานเบา แต่ถ้าเป็นเด็กเรียนอ่อนทำผิดมักจะถูกลงโทษแบบค่อนข้างแรง ในความคิดผมนะ ถึงตอนนี้มองย้อนไปผมก็ยังมีความรู้สึกเหมือนเดิมแหละ เรื่องต่อมาเวลาจัดทำงานกลุ่ม พวกเด็กเก่งอยู่เฉย ๆ ก็มีคนไปทาบทาม เด็กเรียนอ่อนน่ะเหรอ จะเข้ากลุ่มไหนเพื่อนฝูงก็ไม่ต้อนรับ โดยเหตุผลว่าพวกเพื่อน ๆ มักจะมองเด็กเรียนอ่อนว่าขี้เกียจ ไม่อยากเอามาเป็นภาระของกลุ่ม สุดท้ายพวกเรียนอ่อนก็ต้องจัดกลุ่มกันเอง แต่ผลงานที่ออกมากลับดีกว่าหลาย ๆ กลุ่มด้วยซ้ำไป ทำให้ผมได้ความคิดว่าเด็กเรียนอ่อนน่ะ ถึงวิชาการไม่เก่ง แต่ความสามารถด้านอื่นมีอยู่ในตัวไม่ด้อยกว่าเด็กเก่งด้วยซ้ำ ตัวผมเองโชคดีที่มีพรสวรรค์ในการพูด เลยไม่ค่อยลำบากกับงานที่ต้องออกไปบรรยายหน้าห้องนัก สำหรับปัญหาของตัวผมเองสมัยผมเป็นนักเรียน ม.1 เป็นเด็กไม่แข็งแรงก็มีปัญหาไม่ต่างไปจากเด็กเรียนอ่อน โดยเฉพาะในชุมนุมลูกเสือ ครูให้จัดหมู่ๆละ 7 คน ปรากฎว่าผมเข้ากลุ่มไหน เพื่อนก็ไล่ เพราะผมไม่แข็งแรงกลัวเป็นภาระเพื่อน สุดท้ายผมก็ยืนอยู่นอกกลุ่มคนเดียว สุดท้ายครูก็จัดเข้ากลุ่ม ๆ หนึ่ง ซึ่งก็ถือเป็นบุญคุณของเพื่อนกลุ่มนั้น เพราะเหตุผลก็เพราะจำเป็นต้องรับไว้ เพราะเกรงใจครู ดังนั้นเวลาจะทำอะไรผมต้องลำบากมากกว่าคนอื่น เพราะเพื่อน ๆ ก็มองผมว่าผมเป็นตัวภาระของกลุ่ม ดังนั้นผมจึงต้องทำตัวไม่ให้เป็นภาระกับคนอื่น ด้วยการพยายามช่วยเหลือตัวเองให้ดีที่สุด พึ่งพาคนอื่นให้น้อยที่สุด แต่ก็ผ่านกิจกรรมลูกเสือมาแบบกดดันไม่มีความสุข ทั้งที่กิจกรรมนี้สำหรับเด็กผู้ชายน่าจะสนุก มากกว่า สมัยเรียนนั้นผมก็มักจะป่วยและขาดเรียนบ่อย การเรียนจึงไม่ค่อยมันเพื่อน แต่ก็รักษาระดับปานกลางไว้ ผมพยายามที่จะเรียนให้ดี แต่ก็คะแนนก็ไม่กระเตื้อง จนในที่สุดพบก็ได้รับหนังสือวันเด็กเรื่องเคล็ดวิธีเรียนเก่ง ก็ลองปฏิบัติตาม ก็ได้ผลดีพอสมควร แต่ก็ยังไม่เด่นนัก ผมจึงเข้าไปอ่านหนังสือในห้องสมุด ซึ่งผมชอบอ่านหนังสือเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทำให้ผมมีความรู้หลายเรื่อง โดยเฉพาะวรรณคดี ประวัติศาสตร์ เวลาผมบรรยายหน้าชั้นผมก็สามารถโยงเรื่องที่บรรยายไปกับเรื่องที่ผมทราบว่า ก็กลายเป็นที่ยอมรับของเพื่อนในอีกไม่นานต่อมา ดังนั้นเมื่อผมมาเป็นครูแล้ว ผมก็นำความรู้รวมกับประสบการณ์ที่ได้พบ มาใช้เมื่อผมพบเด็กมีปัญหาในการเรียน สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือเรียกเด็กมาคุยให้ทราบถึงปัญหา แล้วค่อย ๆ แก้ไขแบบนิ่มนวล และพยายามหากิจกรรมสำหรับเด็กที่มีปัญหาได้ทำ เพื่อแก้ปัญหาที่เด็กได้พบ ก็ผลตอบรับดีพอสมควร ซึ่งผมก็คงต้องพยายามต่อไป
วันที่ 27 ก.ค. 2552
Advertisement
เปิดอ่าน 7,142 ครั้ง เปิดอ่าน 7,141 ครั้ง เปิดอ่าน 7,138 ครั้ง เปิดอ่าน 7,144 ครั้ง เปิดอ่าน 7,151 ครั้ง เปิดอ่าน 7,139 ครั้ง เปิดอ่าน 7,138 ครั้ง เปิดอ่าน 7,141 ครั้ง เปิดอ่าน 7,139 ครั้ง เปิดอ่าน 7,138 ครั้ง เปิดอ่าน 7,141 ครั้ง เปิดอ่าน 7,140 ครั้ง เปิดอ่าน 7,139 ครั้ง เปิดอ่าน 7,145 ครั้ง เปิดอ่าน 7,146 ครั้ง เปิดอ่าน 7,143 ครั้ง
|
เปิดอ่าน 7,145 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,140 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,135 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,148 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,146 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,141 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,135 ☕ คลิกอ่านเลย |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡
เปิดอ่าน 158,212 ครั้ง |
เปิดอ่าน 16,768 ครั้ง |
เปิดอ่าน 12,741 ครั้ง |
เปิดอ่าน 10,578 ครั้ง |
เปิดอ่าน 372,134 ครั้ง |
|
|