Advertisement
"แสงแดด” คือที่มาของ“วิตามินดี” เริ่มใช้ไม่ได้ในสังคมเมือง ผู้คนตื่นก่อนอาทิตย์ขึ้น และกลับบ้านมืด ลองหาแหล่งอาหารสร้างวิตามินดีที่ใกล้ตัว
ลองตอบคำถามข้างล่างดูก่อนว่า คุณเลือกกินวิตามินเพราะอะไร?
กินวิตามิน ก็ต่อเมื่อร่างกายขาด ถ้าไม่ขาด ก็ไม่จำเป็น
กินเพราะไม่รู้ว่าอาหารที่กินทุกวันให้วิตามินครบถ้วนหรือไม่
กินเพราะต้องการวิตามินรักษาโรค เพราะกลัวผลข้างเคียงจากยาเคมี
กินเพราะต้องการปกป้องร่างกายจากอนุมูลอิสระ และเพื่อป้องกันความชรา
คำตอบ ... ถูกต้องทุกข้อ
แม้เราไม่จำเป็นต้องกินวิตามินจนเกินความต้องการของร่างกาย แต่เราก็ไม่ควรละเลยที่จะกินวิตามินให้ครบทุกชนิดเพื่อทำให้ร่างกายสมบูรณ์เต็มที่ ขณะเดียวกันเราไม่อาจปฏิเสธข้อดีของวิตามินในการช่วยรักษาโรคและเป็นยาอายุวัฒนะได้
ใช่ว่าเห็นอรรถประโยชน์มากมายแล้ว จะอัดวิตามินลงท้องจนพุงกางอย่างไม่มีสติ แต่เราต้องกลับมานั่งวิเคราะห์ต่อว่า เรามีความรู้เรื่องวิตามินเพียงพอแล้วหรือไม่?
กระแสฮิตวิตามินเริ่มนิยมตั้งแต่ 20 ปีก่อน ผู้บริโภคที่รักสุขภาพทั้งหลายหันมาสนับสนุนวิตามินรวม เพราะไม่รู้ว่าตนเองขาดวิตามินตัวไหน จึงตัดปัญหาขี้สงสัยด้วยวิธี “เหมาหมด”
อีกทั้ง ยังเชื่อมั่นว่าวิตามินรวมจะลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ โรคมะเร็งลำไส้ และมะเร็งเต้านม รวมทั้งช่วยลดจำนวนวันที่เจ็บป่วยและบรรเทาอาการปวดได้
แล้วอาหารที่เรารับประทานตามปกตินั้นได้รับวิตามินเพียงพอแล้วหรือ?
นายแพทย์พัฒนา เต็งอำนวย ผู้เชี่ยวชาญด้านวิตามิน และแพทย์ประจำเมดิคัลสปา เผยว่าผู้รักสุขภาพหาทางออกด้วยการบริโภควิตามินสำเร็จรูป ซึ่งอัตราส่วนของวิตามินแต่ละตัวนั้นกำหนดให้เหมาะสมกับร่างกายของทุกคน
สำหรับคนที่คลั่งไคล้ความสมบูรณ์แบบก็จะตั้งคำถามต่อว่า เรายังขาดวิตามินตัวใดอีกบ้าง
จากผลการสำรวจการขาดวิตามินในผู้หญิงไทยที่อาศัยอยู่นอกเมืองในขอนแก่น มีอัตราขาดวิตามินดีอยู่ระหว่าง 34.9 - 65.1% แม้พวกเขามีโอกาสได้รับวิตามินดีจากแสงแดดมากกว่าอยู่ในเมืองก็ตาม จึงน่าจะอนุมานว่า ผู้หญิงในเมืองย่อมขาดวิตามินดีไม่มากก็น้อย
แม้ว่าแหล่งวิตามินคือ แสงแดด การควบคุมน้ำหนัก และสารอาหารประกอบอื่นๆ จะหาได้ง่ายและมีให้เสพได้ชั่วอายุขัย แต่ปัจจุบันเรามีความเสี่ยงมากขึ้น
ยิ่งอายุมากขึ้น ร่างกายสร้างวิตามินดีน้อยลง รวมถึงอาการผิดปกติของตับและไต ย่อมสะท้อนว่าร่างกายขาดวิตามินดีแล้ว
เมื่อศึกษาเพิ่มขึ้น ความน่าสนใจของวิตามินดีก็มีมากขึ้นเป็นเงาตามตัว เนื่องจากมันเป็นวิตามินหลักในการเพิ่มแคลเซียม ช่วยต่อต้านมะเร็ง ลดความดันโลหิต ทำให้ภูมิต้านทานดีขึ้น รวมทั้งสามารถเพิ่มอินซูลินในร่างกาย
วิตามินดีจึงไม่ใช่เรื่องของกระดูกเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของ Anti-aging ด้วย
เมื่อรู้ข้อดี ก็ต้องบริโภคให้พอดีด้วย จึงจะได้ประโยชน์สูงสุด
อัตราการบริโภควิตามินดีที่เหมาะสมที่สุด คือ น้อยกว่า 30 มิลลิกรัมต่อมิลลิลิตร หากรับประทานวิตามินรวม ควรบริโภควิตามินให้ได้ 400-800 IU หรือวิตามินดี 2 ซึ่งได้จากพืชในปริมาณหนึ่งแคปซูล 3 ครั้งต่อสัปดาห์
นอกจากนั้น เรายังสามารถหาแหล่งวิตามินดีได้จากปลาแซลมอน และเห็ดหอมด้วย
ปลาแซลมอนที่ดี ต้นตำรับจากประเทศนอร์เวย์เนื้อแน่นนุ่มสีส้มอ่อน ทั้งแซลมอนสดและรมควัน มักเอามาทำการหมัก ส่วนมากจะเอามาทานกับขนมปังหรือมันฝรั่ง และอื่นๆ มีคุณค่าทางอาหารมากมาย
นอกจากวิตามินดีและโปรตีนแล้วยังมีสารสำคัญคือ กรดไขมันจำเป็นชนิด โอไมก้า 3 ซึ่งจะช่วยในการควบคุมระดับโคเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ในเลือด ทำให้หลอดเลือดมีความยืดหยุ่นสูง ลดการเกาะตัวของเกล็ดเลือด ทำให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น จึงช่วยลดอัตราการเสี่ยงการเป็นโรคหัวใจ
DHA ยังช่วยทำให้เซลล์ประสาทที่เกี่ยวข้องกับความจำมีขนาดใหญ่ขึ้น บรรเทาอาการปวด บวม อักเสบ ในผู้ป่วยโรคไขข้อรูมาตอยด์
เห็ดหอม คุณสมบัติเลิศที่สามารถนำมากินได้นั้น มีทั้งเห็ดหอมสดและเห็ดหอมแห้ง หากเป็นเห็ดหอมแห้งจะต้องนำมาแช่น้ำก่อนปรุงอาหาร เช่นเห็ดหอมผัดน้ำมันหอย เห็ดหอมตุ๋น โจ๊กเห็ดหอม ตลอดจนใช้เป็นวัตถุดิบในข้าวผัด และผัดผัก เป็นต้น
นอกจากเห็ดหอมจะให้สรรพคุณทางยา เป็นอายุวัฒนะ รักษาหวัดทำให้เลือดลมดี รักษาโรคหัวใจ ป้องกันโรคเลือดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ แถมยังมีกรดอะมิโนชื่อ eritadenine ช่วยให้ไตย่อยโคเลสเตอรอลได้ดีแล้ว
เห็ดหอมมีสารเลนติแนน (Lentinan) ช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์ ในระบบภูมิคุ้มกันให้มีประสิทธิภาพ ในการต่อสู้กับเซลล์เนื้องอก และป้องกันการเติบโตของเนื้อร้าย
รู้แล้วก็รีบหามารับประทานนะคะ....เพื่อสุขภาพที่แข็งแรงของเรา
ข้อมูลจากกรุงเทพธุรกิจ
|
วันที่ 24 ก.ค. 2552
Advertisement
เปิดอ่าน 7,149 ครั้ง เปิดอ่าน 7,139 ครั้ง เปิดอ่าน 7,138 ครั้ง เปิดอ่าน 7,145 ครั้ง เปิดอ่าน 7,142 ครั้ง เปิดอ่าน 7,243 ครั้ง เปิดอ่าน 7,143 ครั้ง เปิดอ่าน 7,159 ครั้ง เปิดอ่าน 7,140 ครั้ง เปิดอ่าน 7,210 ครั้ง เปิดอ่าน 7,144 ครั้ง เปิดอ่าน 7,709 ครั้ง เปิดอ่าน 7,140 ครั้ง เปิดอ่าน 7,142 ครั้ง เปิดอ่าน 7,143 ครั้ง เปิดอ่าน 7,152 ครั้ง
|
เปิดอ่าน 7,149 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,140 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,140 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,138 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,141 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,143 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,143 ☕ คลิกอ่านเลย |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡
เปิดอ่าน 22,895 ครั้ง |
เปิดอ่าน 26,870 ครั้ง |
เปิดอ่าน 12,177 ครั้ง |
เปิดอ่าน 25,195 ครั้ง |
เปิดอ่าน 14,169 ครั้ง |
|
|