เด็กที่เกิดมาล้วนมีความแตกต่างเฉพาะตัวบุคคล รวมทั้งความสามารถพิเศษหรือพรสวรรค์ที่มีมาแต่กำเนิด
พรสวรรค์กับเด็ก
เด็กทุกคนที่เกิดมามีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในหลาย ๆ ด้านแตกต่างกันไป ถึงแม้ว่าจะเป็นพี่น้องที่คลานตามกันมา ไม่ว่าเด็กจะมาจากครอบครัวร่ำรวยหรือยากจน จากครอบครัวในเมืองหรือชนบท ต่างเชื้อชาติศาสนา ก็จะมีความสามารถพิเศษ หรือพรสวรรค์ในด้านต่าง ๆ อย่าคิดไปว่าเด็กที่มาจากครอบครัวยากจนจะต้องเป็นเด็กที่ไม่มีความสามารถพิเศษเช่นเด็กที่มาจากครอบครัวที่ร่ำรวย
ครูเรามักจะมองหานักเรียนที่มีพรสวรรค์ โดยการใช้แบบทดสอบทางสติปัญญา (IQ) โดยสรุปว่านักเรียนที่มีค่าคะแนนสูง ถือว่าเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์ด้านการเรียนสูง ซึ่งก็ถูกต้องในบางส่วน
Howard Gardner ได้อธิบายถึงความสามารถ หรือความเก่ง ของมนุษย์นั้นมีหลากหลาย หรือที่เรียกว่า พหุปัญญา ซึ่งได้แก่
1. สติปัญญาด้านภาษา
2. สติปัญญาด้านตรรกะและคณิตศาสตร์
3. สติปัญญาด้านการจัดการ การรับรู้
4. สติปัญญาด้านดนตรี
5. สติปัญญาด้านร่างกาย หรือด้านกายภาพ
6. สติปัญญาด้านความเข้าใจตนเอง
7. สติปัญญาด้านความเข้าใจผู้อื่น
ซึ่ง การ์ดเนอร์ ได้กล่าวว่า เวลามนุษย์เราเวลาทำกิจกรรมอะไร จะนำสติปัญญาในแต่ละด้านออกมาใช้อย่างเป็นองค์รวม เราไม่สามารถบ่งชี้ได้เลยว่าสติปัญญาในด้านใดดีกว่าด้านใด
การที่คนส่วนใหญ่ถือเอาเด็กที่มีความสามารถทางสติปัญญาทางตรรกะเหนือกว่าสติปญญาทางด้านภาษา หรือ ทางด้านดนตรีก็ดี อาจเป็นเพียงความเชื่อที่ปฏิบัติกันตามระบบของสังคมในแต่ละยุคสมัยสร้างค่านิยมขึ้นมา ซึ่งมันคงไม่เป็นคุณประโยชน์ต่อสังคมโดยรวมเลย
คิดดูว่าสังคมย่อมต้องการผู้คนที่มีความสามารถ ในหลาย ๆ ด้าน เพื่อร่วมช่วยกันแก้ปัญหาและพัฒนาสังคมให้ก้าวต่อไป ลองนึกดูถ้าหากเรามีเพียงที่คนเก่งในด้านเดียวเต็มไปหมด สังคมเราจะเป็นเช่นไร
ดังนั้น ในฐานะของความเป็นครู ในการให้การศึกษาแก่เด็กนักเรียนในเวลานี้ ครูเรามีความเข้าใจข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไร และเมื่อมีความเข้าใจแล้ว เราทำใจได้หรือไม่ว่า ถ้านักเรียนของเราไม่เก่งคณิตศาสตร์ หรือ ไม่เก่งทางด้านภาษา แต่กลับ มีความสามารถที่โดดเด่นทางด้านดนตรี ศิลปะ หรือ กีฬา ครูเราจะไม่ภาคภูมิใจกับพรสวรรค์ที่มีอยู่มีในตัวของลูกศิษย์เรา แล้วสนับสนุนพัฒนา ส่งเสริมศักยภาพนั้น เลยหรือ...
อ้างอิงข้อมูล
อุทัย ดุลยเกษม. (2542). ศึกษารียนรู้. กรุงเทพ : มูลนิธิสดศรี- สฤษดิ์วงศ์.