ห้วงเวลาห้วงหนึ่งแห่งชีวิต ได้นำสังขารและจิตมาสัมผัสกับความสุขที่เป็น “ความสุขแท้”
ประโยคหนึ่งที่ดังก้องกังวานอยู่ในจิตใจเสมอ
“นำตัวกับใจมา”
เป็นคำพูดของพ่อแม่ครูอาจารย์ เป็นประโยคทองฝังจิตฝังใจเมื่อครั้งที่ได้มีโอกาสย่างก้าวเข้ามาสัมผัสดินแห่งธรรมที่สุขสงบและร่มเย็นยิ่งแห่งนี้
ความสุขที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนในชีวิต
ความสุขที่ไม่ต้องแลกได้สิ่งที่สังคมเรียกว่า “เงิน”
ความสุขที่ไม่ต้องหาสิ่งตอบแทนมาซึ่งวัตถุธาตุใด ๆ
ความสุขที่เพียงแค่ใช้ใจน้อมเข้าสัมผัสและก้มกราบกรานพระรัตนตรัย อันมีพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์
ความสุขแท้แห่งชีวิต ที่อุดมไปด้วยความสงบ
เป็นความสุขที่ไม่ถูกทับถมหรือมีเวทนาใด ๆ ซ้อนทับ
ข้อวัตรปฏิบัติที่ฝึกฝน “ตนและใจ” เป็นเครื่องขูดกิเลสต่าง ๆ ที่ตกตะกอนอยู่ในจิต ที่ฝังลึกอยู่ในใจ ความขี้เกียจขี้คร้านทางกาย
“ล้างตัวและล้างใจ” ขจัดสันดานซึ่งเป็นพฤติกรรมฝังลึก (Tacit Behavior) ที่ถูกหล่อหลอมด้วยสังคมนิยมทุน นิยมเงิน นิยมกาม นิยมกิน นิยมเกียรติ
กวาดพื้น เพื่อกวาดใจ
ถูพื้น เพื่อถูใจ
ล้างห้องน้ำ เพื่อล้างใจ
ทำและปฏิบัติสิ่งใด ๆ เพื่อล้างสันดานแห่งกิเลสให้ล่วงพ้นจากตัวและใจ
ความสุขที่อยู่บนฐานแห่ง “ศีล” นำมาซึ่งความร่มเย็นภายในใจฉันใด
ความสุขที่เกิดขึ้นในทุกขณะที่มีลมหายใจขณะนี้ จึงเป็นความสุขแท้ที่อิ่มเอมใจอย่างหาที่สุดและไม่มีประมาณได้ฉันนั้น
วัด ที่เป็นวัดโดยแท้
วัดที่ใจ
วัดกันที่ใจ
วัดกันตลอดเวลาทุกขณะจิต
วัดที่อุดมไปด้วยกัลยาณมิตร
วัดแห่งนี้จึงเป็นวัดที่แท้แห่งโลกธรรม
“สุขใดหาเทียบเทียมทันความสุขสงบร่มเย็นแห่งสุขแท้ในโลกธรรมนั้นไม่มี”