ตั้งแต่ชื่อของ “ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์” แห่งพฤกษา เรียลเอสเตท โด่งดังก้าวขึ้นมาติดชาร์ท “มหาเศรษฐี” แถวหน้าของเมืองไทย จุดเปลี่ยนอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของ “แชมป์เศรษฐีหุ้น” หลายสมัยคนนี้ ในช่วง 2-3 ปีนี้ ไม่ว่าจะไปงานสัมมนา ให้สัมภาษณ์พิเศษ หรือรับเชิญไปพูดในรั้วมหาวิทยาลัย ที่ไหนๆ มักจะตั้งคำถามกับเขาว่า ทำอย่างไรถึงจะรวย อยากเป็นเศรษฐีอย่างนี้ต้องทำอย่างไร?
“ส่วนใหญ่คนจะอยากรู้ว่าผมรวยขึ้นมาได้ยังไง เลยทำให้ต้องนั่งคิดย้อนกลับไปว่า เพราะอะไรเราถึงประสบความสำเร็จ ทั้งที่จริงๆชีวิตผมมันน่าจะล้มละลายไปตั้งหลายครั้งแล้ว”
ทองมาเคยผ่านประสบการณ์เจ๊งมาแล้ว ก่อนที่จะหันมาบ้านพฤกษาขายในปี 2536 เขาเคยทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้างอยู่นานหลายปี เป็นวัฎจักรชีวิตแบบเดี๋ยวกำไรเดี๋ยวขาดทุน หรือบางครั้งก็ “หมดตัว” ต้องไปตั้งต้นรอขาขึ้นธุรกิจรอบใหม่ถึงจะมีกำไร
ยิ่งมองปูมหลังชีวิตย้อนไป นอกจากจะไม่ได้เกิดมาบนกองเงินกองทอง พ่อหาบกระเพาะปลาขาย แม่เป็นชาวสวน ส่งให้เรียนหนังสือได้แค่ชั้นป.4 ก็ต้องดิ้นรนออกมาทำงานหาเงินส่งเสียตัวเองเรียนต่อ เคยทำมาแล้วทั้งลูกจ้างร้านบัดกรี ร้านขายยา ร้านทองฯลฯ ทำงานไปด้วยเรียนศึกษาผู้ใหญ่ไปด้วย จนเอ็นทรานซ์ติดคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาโยธา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก่อนจะออกมาทำงานในแวดวงรับเหมาก่อสร้าง
ขอบคุณสำหรับคำถามที่ใครๆ พากันอยากรู้กุญแจที่ไขสู่ความสำเร็จและความร่ำรวย จนทำให้ทองมาถอดสมการความสำเร็จ จนได้รู้แจ้งว่าวิถีทางเดินของเขาไม่ใช่อะไรที่ซับซ้อน หากแต่เป็นหลักการเดียวกันกับ “มรรค 8” หลักธรรมทางพุทธศาสนาที่มีมาช้านาน
“ในช่วง 2-3 ปีหลังมานี้ทำให้ผมได้พบว่าจริงๆ แล้วที่สำเร็จได้ เป็นเพราะเราเดินตามหลักมรรค 8 เมื่อก่อนเราทำมาโดยอัตโนมัติ ทำโดยเข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง ถูกบ้าง ผิดบ้าง แต่ก็สามารถประคองชีวิตไปได้เรื่อยๆ”
ทองมา เริ่มสนใจอ่านและศึกษาธรรมะ ตั้งแต่สมัยยังเรียนศึกษาผู้ใหญ่ สมัยนั้นมักจะไปนั่งอ่านตามศาลาวัด ไปนั่งตามวัดเบญจมบพิศ วัดโพธิ์ วัดพระแก้วบ้าง ซึมซับมาเรื่อยๆ อ่านมาเป็นช่วงๆ มากกว่ายี่สิบปี จนกระทั่งเริ่มมาทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่เริ่มมีปัญหามากขึ้น ทุกครั้งที่เครียดๆ กลุ้มใจแก้ปัญหาไม่ออก ก็จะหยิบหนังสือธรรมะมาอ่านแก้เครียด จะช่วยให้ผ่อนคลายสบายใจขึ้น
“อ่านแบบเข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง แต่ก็ทำให้เราได้ซึมซับ ใจเราก็ค่อยๆพัฒนา ค่อยๆมีสติ สมาธิ จนค่อยๆแก้ไขปัญหาไปได้ทีละเรื่อง
"สมัยก่อน เคยอ่านธรรมะ ที่พระท่านบอกว่า ศีล สมาธิ ทำให้รวย ทำให้ค้าขายเจริญรุ่งเรืองได้ เราก็ยังนึกไม่ออกเหมือนกันนะว่าจะช่วยให้รวยได้ยังไง (หัวเราะ)”
แต่ตอนนี้เมื่อรู้เห็นและมองทะลุแล้ว ยิ่งช่วยให้ก้าวย่างตามหลักอย่างถูกทิศถูกทางมากขึ้น หลักธรรม “มรรค 8” ยังถูกนำมาหลอมรวมไว้อยู่ใน Value หรือค่านิยมสำหรับผู้บริหารและพนักงานในบริษัทพฤกษายึดถือเป็นแนวทางปฏิบัติอีกด้วย
ทองมา อธิบายถึงหลักธรรม “มรรค 8” ศีล สมาธิ ปัญญา ง่ายๆ ที่เขายึดถือ ประกอบไปด้วย หลักของศีล ได้แก่ กายชอบ วาจาชอบ และใจชอบ, หลักสมาธิ ได้แก่ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ, และหลักปัญญา ได้แก่ ดำริชอบ เพียรพิจารณาชอบ และรู้แจ้งชอบ
หลักธรรมทั้งหมดนี้ สามารถนำมาปรับใช้กับการทำธุรกิจจนประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นกายชอบ วาจาชอบ ใจชอบ หรือการไม่เบียดเบียน เอาเปรียบผู้อื่น ทั้งลูกค้าและคู่ค้า มีใจรักเมตตาอยากจะสร้างบ้านดีๆ มีสติรับรู้รูปธรรม-นามธรรม เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่อยากมีบ้าน ไม่เอาเปรียบเอาของคุณภาพไม่ดีมาให้ลูกค้า ดำริชอบจะสร้างบ้านยังไงให้มีคุณภาพแข็งแรง และมองไปข้างหน้าหาทางพัฒนาปรับปรุงให้ดีขึ้นเรื่อยๆ เป็นต้น
วิธีการคิดอย่างนี้จึงทำให้ทองมาและทีมงานพฤกษา สามารถสร้างปรากฏการณ์ใหม่ๆให้กับวงการบ้านจัดสรรในเมืองไทย จนได้ฉายา“ราชาทาวน์เฮ้าส์” เริ่มจากทำทาวน์เฮ้าส์ขายราคาถูกให้คนจนราคาหลังละ 3.5 แสนถึง 6 แสนบาทในสมัยนั้น
จุดแข็งอย่างหนึ่งของพฤกษาที่สามารถขายบ้านได้ในราคาที่คู่แข่งเอาชนะได้ยาก ส่วนหนึ่งจึงมาจากการพยายาม
"ลดต้นทุนให้ต่ำกว่า”ด้วยเทคโนโลยีทันสมัยที่นำมาใช้การก่อสร้าง ที่ทำให้ต้นทุนต่อหน่วยลดลง สร้างบ้านได้ถูกและรวดเร็วกว่าคู่แข่ง จนเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำโครงการเกือบทุกรูปแบบ ตั้งแต่ทาวน์เฮ้าสระดับราคา 7-8 แสน บ้านเดี่ยวหลังละ 2 ล้าน ไปจนถึงคอนโดหรูราคาหลายล้าน อย่างไอวี่ ทองหล่อ ที่ขายตารางเมตรละแสนกว่าบาท
ใครจะรู้ว่า จากเถ้าแก่รับเหมาก่อสร้าง “โนเนม” ที่เคยได้นั่งฟังปาฐกถาของ “ชวน หลีกภัย” นายกรัฐมนตรีในสมัยนั้น จนจุดประกายว่า บ้านราคาถูกหลังละไม่เกิน 6 แสนยังมีคนต้องมาก แต่หาคนทำยาก ในอีกสิบกว่าปีต่อมา เขาจะกลายเป็นราชาทาวน์เฮ้าส์ เจ้าของธุรกิจหมื่นล้าน โดยเริ่มต้นจากหลักศีล สมาธิ ปัญญา และมรรค 8 ที่ว่าไปแล้ว
ทองมา บอกว่า หลักมรรค 8 ใช้ได้ทั้งการบริหารธุรกิจให้รุ่งเรือง และแก้วิกฤติต่างๆ เหมือนอย่างตอนช่วงวิกฤติเศรษฐกิจช่วงปี 2540 ที่ช่วงนั้นพฤกษาเองก็ประสบปัญหาเยอะไม่ต่างจากบริษัทอสังหาฯอื่นๆ เป็นช่วงที่ทองมาหยิบหนังสือธรรมะมาอ่านหนักๆ จนค่อยๆแก้ปัญหาประคับประคองไปถึงฝั่ง และสามารถล้างหนี้พันกว่าล้านภายในเวลา 2 ปีกว่าๆ ผ่านพ้นทุกวิกฤติมาได้ แถมยังยิ่งใหญ่กว่าเดิม ตั้งแต่เริ่มตั้งบริษัทพฤกษาในปี 2536 มาถึงตอนนี้ พฤกษาน่าจะเป็นบริษัทเอกชน ที่สร้างที่อยู่อาศัยบ้านและคอนโดฯ ให้คนอยู่มาแล้วมากที่สุด ด้วยจำนวนที่อยู่อาศัยที่โอนไปให้กับลูกค้าแล้วมากกว่า 5 หมื่นยูนิต
หลายคนคงอยากรู้ว่า สำหรับคนที่ทำอาชีพสร้างบ้านให้คนอยู่มาแล้วมากมาย แล้วบ้านที่เขาอยู่ในปัจจุบันนี้ จะเป็นบ้านแบบไหน และเลือกจะสร้างบ้านอยู่ในย่านอะไร? ทองมาอมยิ้ม ที่ผ่านมาเขาค่อนข้างหวงความเป็นส่วนตัว จึงไม่เคยเปิดบ้านให้ใครชมมาก่อน บอกได้แต่ว่าบ้านที่อยู่ทุกวันนี้ ถือเป็นรางวัลชีวิตที่แพงที่สุดที่เคยให้กับตัวเองแล้ว เป็นบ้านสวนหลังใหญ่ มีพื้นที่ใช้สอย 1,200 ตารางเมตร บนเนื้อที่ 43 ไร่ ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาแถวๆ ซอยนวลฉวี
“บ้านนี้เป็นบ้านหลังที่สอง ผมเพิ่งย้ายมาอยู่ได้ 3-4 ปี หลังจากแก้ปัญหาผ่านวิกฤติเศรษฐกิจมาได้หลังปี 2542 ผมมีเงินเหลือก็เลยมาซื้อที่ดินตรงนี้ประมาณ 80 ล้านบาท ปลูกบ้านอีกประมาณ 50 ล้านบาท ถือเป็นของชิ้นทีแพงที่สุดในชีวิตแล้ว”
ส่วนชีวิตประจำวันของเศรษฐีหุ้นหมื่นล้าน ทองมาบอกว่า เขายังใช้ชีวิตเรียบง่ายตามปกติ กินอยู่วันละไม่เกินพันบาท
“คำว่ารวย จริงๆ ไม่ได้หมายถึงต้องเป็นเศรษฐีอันดับเท่านั้นเท่านี้ แต่เราสามารถรวยอย่างพอเพียง ถ้าเป็นพนักงานบริษัทมีรายได้สามหมื่น ใช้ชีวิตเจริญก้าวหน้าในอาชีพการงานที่ทำอยู่ ใช้ชีวิตเหมาะสมพอเพียงกับอัตภาพพอเพียงกับรายได้ที่มี นั่นก็ถือว่ารวยแล้ว”
สำหรับทองมาแล้ว วันนี้ในแง่ทรัพย์สินเงินทองเขาบอกว่า ต้องถือว่ามีเหลือเฟือและเหลือเกินกว่าความคาดหวังที่คิดจะมี แต่สำหรับในเรื่องธุรกิ่จ หรือความรับผิดชอบแล้วก็เป็นหน้าที่ที่ต้องเดินหน้าต่อ เพราะคนเราเมื่อมีความรู้ ความสามารถในการบริหารจัดการ ถ้าไม่ใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อสังคมและผู้อื่น ก็คงเป็นชีวิตที่สูญเปล่า
ข้อมูลจาก :: กรุงเทพธุรกิจ