22 กรกฎา มรภ.สงขลา"ชวนดู"สุริยุปราคา "ผอ.สถาบันวิจัย" เตือนอย่าดูด้วยตาเปล่า

ผอ.สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ แนะประชาชนดู”สุริยคราส”ด้วยแว่นที่ผลิตจากแผ่นกรองแสงชนิดพิเศษที่ป้องกันรังสีอินฟราเรด ย้ำห้ามดูด้วยตาเปล่า และแต่ละครั้งไม่ควรส่องดูนานเกิน 5 วินาที ไม่แนะนำให้ใช้กระจกรมควัน...

นายบุญรักษา สุนทรธรรม ผอ.สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวถึงกรณีการเกิดปรากฎการณ์สุริยุปราคาหรือสุริยคราสในวันที่ 22 กรกฎาคม 2552 ว่า หลังจากที่มีการนำเสนอข่าวออกไปอย่างกว้างขวางทำให้มีประชาชนสนใจติดต่อ สอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับการเกิดปรากฎการณ์ดังกล่าวมาจำนวนอย่างมาก ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่จะมีการให้ความรู้ด้านนี้ในวงกว้างขึ้น สำหรับวิธีการชมสุริยุปราคาที่ถูกต้องและปลอดภัย ควรใช้แว่นตาดูดวงอาทิตย์ที่ผลิตจากแผ่นกรองแสงชนิดพิเศษที่ป้องกันรังสี อินฟราเรดได้เช่นเดียวกับแว่นตาดูดวงอาทิตย์ที่สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ และองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ ผลิตออกมาแจกจ่าย หรืออาจใช้แผ่นซีดีหรือดีวีดีก็ได้ แต่ต้องแน่ใจว่าสารเคลือบไม่หลุดลอก และแต่ละครั้งไม่ควรส่องดูนานเกิน 5 วินาที นอกจากนี้ก็สามารถใช้กระจกช่างเชื่อมเบอร์ 14 หรือถ้าจะใช้ฟิล์มเอ็กซเรย์หรือฟิล์มขาวดำ ก็ต้องแน่ใจว่าส่วนที่นำมาใช้นั้นมืดสนิท และควรใช้ซ้อนเป็น 2 ชั้น อาจใช้กระดาษเจาะรูเล็กๆ เป็นกล้องรูเข็ม และสังเกตปรากฏการณ์จากฉากรับสีขาว ซึ่งไม่ต้องส่องดูดวงอาทิตย์โดยตรงและปลอดภัยแน่นอน แต่ไม่แนะนำให้ใช้กระจกรมควัน และที่สำคัญต้องไม่ดูด้วยตาเปล่าเด็ดขาด

“อย่างไรก็ตาม สถาบันวิจัยดาราศาสตร์ ได้เตรียมตั้งกล้องไว้บริการสำหรับผู้ที่สนใจชมปรากฎการณ์ครั้งนี้ในทุกๆ พื้นที่ตั้งแต่เวลา เวลาประมาณ 07.00 - 09.19 น ทั้งส่วนกลางและ ภูมิภาคไปพร้อมๆ กัน ได้แก่ ภาคกลาง - จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภาคเหนือ - มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย มหาวิทยาลัยนเรศวร ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ - มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ภาคใต้ - มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต รวมทั้งสถาบันอุดมศึกษาอื่นๆ ที่ประสงค์จะจัดกิจกรรมสังเกตปรากฏการณ์ในครั้งนี้ก็สามารถติดต่อเข้ามายัง สถาบันได้ ” นายบุญรักษา กล่าวและว่า หลังจากเหตุการณ์สุริยุปราคาในวันที่ 22 กรกฎาคม 2552  ประชาชนสามารถติดตามปรากฎการณ์สุริยุปราคาได้อีกครั้งหนึ่งในวันที่ 15 มกราคม 2553 และนับได้ว่าเป็นครั้งสุดท้าย เพราะหลังจากนี้คนไทยคงต้องรออีกหลายปีกว่าจะเกิดปรากฎการณ์สุริยปราคาที่ มองเห็นได้ในประเทศไทยอีกครั้งหนึ่ง.