คุณค่าของผญาเกี้ยว มุ่งกล่าวทักทาย เกี้ยวพาราสีของหนุ่มสาว ชายหญิง
ท่านผู้รู้ได้วิเคราะห์ถึงคุณค่าของผญาเกี้ยวไว้หลายประการ ดังนี้
มุ่งกล่าวกิจธุระ ในโอกาสได้พบปะพูดคุย ถามไถ่ข่าวคราว เช่น
ชาย : อ้ายนี้ปรารถนาห้อยนำฮอยทุกบาดย่าง ปรารถนาหยาดน้ำนำเจ้าทุกห่มโพธิ์
(พี่ปรารถนาจะร่วมเรียงเคียงหมอนกับน้อง)
ชาย : อ้ายนี้ย่านแต่น้องเก็บดอกว่านบ้านเพิ่นมาบาน คือสิบ่พายทอเก็บดอกกะเจียวฮิมฮั้ว
(พี่กลัวน้องจะไปรักชายบ้านไกล ไม่สนใจชายบ้านใกล้เรือนเคียง)
ชาย : เจ้าผู้บุปผาสร้อย สุคนธาเหยกลิ่น เก้าแม่น้ำ สิบแม่น้ำ หอมกุ้มฮอดพี่ซาย
พี่จั่งบู๋ดงดั้น ประสงค์ดันมาใส่ ใจประสงค์อยากฮู้ นางน้องอยู่จั่งใด๋
(พี่ได้ข่าวว่าน้องเป็นคนดี มีชื่อเสียงโด่งดัง จึงได้มาหา อยากทราบข่าวคราวว่าน้อง
สบายดีมีความสุขอย่างไร)
ชาย : โอนอน้องเอย อ้ายบ่มีต้นกล้วยจั่งได้เที่ยวหาตอง มันบ่มีพอสองจั่งได้มาเวียนน้อง
(พี่ประสงค์จะมาเยี่ยมเยียนถามข่าวคราว)
หญิง : โอนออ้ายเอย น้องหากปองหมายอ้ายคือกระต่ายหมายจันทร์ ความฮักมาพัวพัน
คือสิฮักกันกับอ้าย น้องบ่มีผัวซ้อนนอนนำจั๋กเทื่อ เปรียบดั่งเฮืออยู่ค้างพายสิจ้ำแม่นบ่มี
(น้องหมายปองพี่เหมือนกระต่ายหมายจันทร์ น้องยังไม่ได้แต่งงาน)
29
หญิง : โอนออ้ายเอย น้องเว้าจริงแท้ สิบซาดน้องขอปอง คันบ่ได้ปองเมืองคน น้องสิปอง
เมืองฟ้า บ่ได้แก้วอุ่นหล้า มาซ้อนแม่นบ่ยอม
(น้องพูดคำจริง ขอหมายปองพี่ทุกชาติไป)
หญิง : อ้ายเอย น้องนี้ผัดแต่เป็นแม่น้ำชลธารยาวย่าน ยังบ่มีพ่อค้าเทียวขึ้นล่องลง
(น้องยังบริสุทธิ์ ไม่เคยมีชายใดมาแวะเวียน)
กล่าวสงสัยเคลือบแคลง
ชาย : แม่นบ้อ ต้นไม้ใหญ่บ่มีผี สาวผู้ดีบ่มีซู้ธรณีสิอกแตก ตาแฮกบ่กินไก่ต้ม
สิงมเลี้ยงอยู่เฮ็ดหยัง
(ไม่เชื่อว่าต้นไม้ใหญ่ไม่มีผี สาวสวยไม่มีชายมาเกี้ยว)
ชาย : แม่นบ้อ ต้นไม้ใหญ่บ่มีผี สาวผู้ดีบ่มีซู้ ตนอ้ายบ่เซื่อคน
(ไม่เชื่อว่าต้นไม้ใหญ่ไม่มีผี สาวสวยไม่มีชายมาเกี้ยว)
ชาย : ต้นไม้ใหญ่บ่มีผี สาวผู้ดีบ่มีซู้ ฟ้าบ่ผ่าตายฤา ไผห่อนซ่าว่าเครือเขืองบ่เกี้ยวไม้
ผู้ใดน้อสิเซื่อฟัง
(ไม่เชื่อว่าต้นไม้ใหญ่ไม่มีผี สาวสวยไม่มีชายมาเกี้ยว)
ชาย : อ้ายนี้ย่านแต่น้องตี๋แถลงลิ้น ฝนตกรินคะลาดมื่น นั้นเด ย่านแต่พะลาดล้ม
เดือนห้าก่อนฝน
(กลัวแต่น้องพูดไม่จริง แกล้งพูดให้หลงเชื่อ)
ชาย : ว่าบ่มีเครือเกี้ยวสังมาเป็นยามย่าง สองขอกข้างเป็นปุ้มดั่งมดแดง
(ถ้ายังไม่แต่งงานทำไมมีลูกเต็มบ้าน)
ชาย : ว่าบ่มีเครือเกี้ยวสังมาเป็นยามย่าง สองขอกข้างปานปุ้มบักบวบลอย แท้นอ
(ถ้ายังไม่แต่งงานทำไมมีลูกเต็มบ้าน)
หญิง : ความปากเป็นไหล ๆ ความใจเป็นเลี้ยว ๆ ฝังเกี่ยวไว้ในหั่นหมื่นดวง
(คำพูดเลื่อนลอย เชื่อถือไม่ได้)
หญิง : สังมาเว้า ฮ้อยลิ้นปิ่นปากปูนแถลง พี่สังมายอคำหวานหว่านนางพอส้ม บ่แม่นหัวใจขม
ปานหน่อง ทางในขมเฝื่อน สังมาเวียนหลอกล่อลวงน้องอยู่บ่วาย แท้นอ
(อย่ามาคารมปากหวาน หลอกลวงให้หลงเชื่อ)
หญิง : โอนออ้ายเอย บ่แม่นตี๋แถลงเว้า จับเคาควายไผมาผูก บัดท่าตกลูกแล้ว
ควายน้อยสิแล่นนำแม่มันแล้ว
(อย่ามาแกล้งพูดเลย อีกหน่อยลูกจะวิ่งตามให้เห็น)
30
หญิง : โอนออ้ายเอย บ่แม่นตี๋แถลงเว้าเอาเสาลงใส่หลุมสื่อ ๆ บ้อ บ่แม่นตั๋วหลอกล่อ
ให้หมาน้อยเหยียบไฟ
(อย่ามาหลอกให้หลงเชื่อ ให้หมาน้อยเหยียบไฟ)
หญิง : อ้ายเอย อย่ามาตี๋แถลงเย้ย บ่แม่นเกยเฮือนต่อ อย่ามาตั๋วหลอกล่อ พอให้น้อง
ป่วงละเมอ
(อย่ามาแกล้งพูดเล่นหยอกเอินให้น้องหลงคารม)
การกล่าวเปรียบเปรย
ชาย : กกบ่เตื้อง สังตีงตายตั้งแต่หง่า หง่าบ่เตื้องสังมาเหลื่องตั้งแต่ใบ
(ต้นตอไม่กระดิก แต่กิ่งก้านใบกลับเคลื่อนไหว)
ชาย : ความผญาอ้ายเต็มโกนบักหอยเดื่อ ถิ่มใส่น้ำกะเหลือ ถิ่มใส่เฮือกะล้น
ถิ่มใส่ต้นดอกไม้หอมกุ้มอยู่สู่ยาม
(คำผญาของพี่มีมากล้นเหลือ)
ชาย : โอนอน้องเอย อ้ายนี้เปรียบดั่งผักหมเหี้ยน กลางทางอย่าฟ้าวเหยียบย่ำ
บาดห่าถอดยอดขาว บาดห่าทาวยอดขึ้นยังสิได้ก่ายเกิน
(เห็นพี่เป็นผักโขมอย่าเพิ่งเหยียบย่ำ เผื่อทอดยอดใหม่แล้วอาจจะเป็นประโยชน์ได้)
ชาย : เจ้าผู้ฟืมซาวห้าขันดีเนื้อถี่ ๆ อ้ายอยากมีด้ายให้น้องต่ำทอ เจ้าสิพอใจอ้าย
ตนชายแสวงใส่ แน่บ้อ หือสิตี๋ว่าด้ายบ่ใส หือว่าไหมบ่ย้อม บ่ยอมให้ใส่ฟืม
(น้องคนดีจะยอมรับพี่ได้หรือไม่ หรือตำหนิว่าพี่ไม่ดีพอไม่เหมาะสม)
หญิง : โอนออ้ายเอย น้องนี้ฟืมซาวห้าประสงค์หาไหมยอด
(น้องเองประสงค์ผู้ชายที่ดี)
หญิง : โอนออ้ายเอย น้องนี้เปรียบดั่งไซหลังหล้า บ่หมานปลานำเพิ่น ยามฝนถืกแต่น้ำ
ยามแล้งถืกแต่ลม
(น้องเปรียบเหมือนไซหลังสุดท้ายไม่ค่อยได้ปลากับเขา หน้าฝนถูกน้ำ หน้าแล้ง
ถูกลม)
กล่าวโปกฮา
ชาย : โอนอน้องเอย อ้ายนี้คือดั่งลิงบักเฒ่ากลางดงโก้กกิกก้าก วอกแวกเว้าสิสมเจ้า
แม่นตะหลุง บ่นอ
(พี่นี้เปรียบเหมือนลิงแก่ คงไม่เหมาะสมกับน้อง)
ชาย : อ้ายนี่เปรียบดั่งควายบักเลเฒ่า ฮากหยั่งบ่เถิงดิน ลอยเวินไปเวินมาบ่มีเกลือจ้ำ
(พี่นี้เปรียบเหมือนควายแก่ ๆ ไม่มีที่ยึดเหนี่ยว)
31
ชาย : ลุกถ่อนหล้า นอนหลายหลังสิเปื่อย มันสิเปื่อยใส่สาด มันสิเป้ใส่กระดาน
(ตื่นเถิดน้อง นอนมากไม่ดี)
ชาย : ลุกถ่อนหล้ามาเบิ่งลิงไทบ้านพี่ มาเบิ่งวอกแวกเต้น ลิงเล่นบักตำแย
(ตื่นเถิดน้องตื่นมาดูลิงเล่นหมามุ่ย)
ชาย : อ้ายนี้ทุกข์ยากไฮ้ กินไก่ต่างอาหาร ทุกข์บ่มีเฮือนซาน ได้อยู่ตึกสองซั้น
(พี่นี้ยากจน กินไก่ต่างอาหาร ไม่มีบ้านช่องแต่อยู่บนตึกสองชั้น)
ชาย : อ้ายนี้ทุกข์ยากฮ้าย ปากก่ำกินมันหมก คันบ่กินหมกมันปากบ่ดำปานนี้
(พี่ยากจนจึงได้กินจนปากมอมแมม)
กล่าวคำมั่นสัญญา
ชาย : สัจจาผู้ชายนี้คือหินหนักหมื่น ถิ่มใส่น้ำจมหมิ่งแม่นบ่ฟู
(คำพูดของชายหนักแน่นมั่นคง)
ชาย : ซายตั๋วน้อง ให้ซายตายเป็นควายบักเลเฒ่า ไถนาอยู่กุ่น ๆ
(ถ้าพี่โกหกขอให้เป็นควายแก่ ๆ ไถนาอยู่ตลอดไป)
ชาย : คันบ่แม่นอ้ายบ่ยิง คันบ่จริงอ้ายบ่เว้า คันบ่เอาอ้ายบ่ว่า บ่แม่นท่าอ้ายบ่ไล่ควายลง ดอกนา
(พี่เป็นคนพูดจริงทำจริง)
ชาย : ปากว่าจั่งใด๋ใจว่าจั่งซั่น ปากว่าแล้วมายม้างออกบ่เป็น
(พี่เป็นคนพูดจริงทำจริง)
ชาย : สาวตั๋วอ้าย ให้สาวตายเป็นลิงอีด่าง เด้อ
(ถ้าน้องโกหกพี่ขอให้น้องตายเป็นลิงอีด่าง)
หญิง : น้องสิเอาแท้ ๆ ให้พ่อแม่มาขอ หามื้อสันวันดี กล่าวอมเอาน้อง
(น้องตกลงใจจะแต่งกับพี่ ขอให้นำผู้ใหญ่มาสูขอ)
กล่าวอำลา
ชาย : เดิกค่อน ๆ กาเวาวอนฮ้องฮ่ำ ไก่ผู้โจ้นขันซั้นตื่นมา อ้ายลาก่อนเดอหล้า
สายตาคิ้วก่อง สิขอลาหม่อมน้องเมือบ้านต่าวคืน ก่อนแล้ว
(ดึกแล้ว พี่ขอลาน้องคนสวยกลับบ้าน ก่อนนะ)
32
ชาย : พี่นี้คึดฮอดบ้านสิลาต่าวคืนเมือ ก่อนแล้ว ลาทังขันหมากแก้วเทิงโบกปูนทอง
ลาเทิงซองพลูเงินค่อยอยู่ดีเด้อเจ้า ลาเทิงเสาเฮือนดั้ง มีฝาบังอยู่อ่องต่อง ลาเทิงเฮือน ห้าห้องปักตูทองแป้นไม้ใหม่ ทั้งคันไดก่ายขึ้นเสาค้ำค่อยอยู่ดี
(พี่คิดถึงบ้าน ขอลากลับ ขอลาทั้งขันหมาก ตลับปูน ซองพลู เสาดั้ง ฝาบ้าน ประตู บันได เสาค้ำ ขอให้อยู่สุขสบายดี)
ชาย : เดิกกะเดิกมาแล้วเสียงแมวฮ้องแหง่ว กับทั้งเสียงไก่แก้วขันซั้นฮุ่งมา อ้ายสิลาจากน้อง
ไปเสี่ยงความฝัน คันแม่นความฝันดีสิต่าวคืนมาคอบ
(ดึกแล้ว ได้ยินเสียงแมวร้อง ไก่ขันกระชั้นใกล้รุ่งสาง พี่ขอลาน้องเพื่อไปเสี่ยงความฝัน
ถ้าฝันดีก็จะกลับมาบอก)
ชาย : เดิกค้อย ๆ ลมวอยหนาวหน่วง แสนเป็นห่วงนาถน้องใจสะบั้นสั่นสาย
บ่อยากพลัดพรากน้องเวรหากจ่องจำไป บ่อยากไกลสายคอซั่วยามยาวมื้อ
(ดึกแล้ว ลมหนาวพัดมา เป็นห่วงน้องมาก ไม่อยากพลัดพราก หากแต่กรรมเวรพาไป ไม่อยากจากไกลแม้ชั่วข้ามวันข้ามคืน)
ชาย : คันบ่ได้จั่งเว้า อ้ายสิต่าวคืนเมือ เทื่ออ้ายมีบุญเหลือสิต่าวมาหาน้อง
(ถ้าไม่เป็นดั่งที่ตกลงกันไว้ พี่ก็จะกลับ หากมีบุญก็จะกลับมาหาน้องอีก)
ชาย : อ้ายพรากน้องคือนกเจ่าไกลหนอง คือยูงทองไกลดงบ่ห่อนหนีไปได้ คันสิไปสาแท้
กะโงคืนของเก่า นกเจ่าหนีไกลน้ำหนองเจ้าสิหม่นหมอง ยูงทองไกลดงกว้างบ่โงคืนฟ้า
สิผ่า อ้ายพรากน้องบ่คืนบ้านห่าสิกิน
(พี่จากน้องเหมือนนกยางกอกจากหนอง นกยูงจากดง คงกลับมาอีกแน่นอน)
ตัวอย่างสำนวนหญิง
หญิง : ขออ้ายอย่าเอาขวัญน้องไปขีดหินสอ อย่าเอาขวัญน้องไปฮอหินแห่ แพรมนสี่แจให้อ้าย
เอาขอดอ้อมป้อม ถนอมไว้อย่ามาย อ้ายเอย
(ขอพี่อย่าทำในสิ่งที่ไม่ดีกับน้อง ให้ถนอมความรักของน้องตลอดไป)
หญิง : เจ้าผู้หมากผีผ่วนสุกฟากนา หมากพิลาสุกฟากน้ำ ก้านก่องเสน่หา สังสิป๋าน้องไว้หนีไป
ไกลเว้าชู้ใหม่ ส่างสิป๋าอีน้องไว้เป็นบ้าป่วงนำ แท้นอ
(เจ้าผู้ผลผีผ่วนสุกอยู่ฟากนาฟากน้ำเหลืองงาม ทำไมทิ้งน้องไปหาชู้ใหม่ ทำให้น้องเฝ้า
คิดถึงจนเป็นบ้า)
33
หญิง : อ้ายเอย น้องนี้คึดฮอดอ้ายกินข้าวบ่ลงคอ ย่านแต่มรณังตายย่อนพี่ซายแดดิ้น ยามกิน
คงสิฮ้องไห้หาพี่ซายทุกเซ้าค่ำ ยามนอนกะหลับบ่ได้ น้ำตาย้อยใส่หมอน คันอ้ายได้กิน
ซี้นให้อ้ายฝากนำกา พี่ได้กินปลาขอให้ฝากนำแฮ้ง ได้กินหมากให้อ้ายแก่งนำลม อ้ายเอย
(พี่เอย น้องคิดถึงพี่กินข้าวไม่ลงคอ กลัวว่าคงต้องตายเพราะพี่อย่างแน่นอน ร้องไห้ถึงพี่
ทุกเช้าค่ำ นอนไม่หลับ น้ำตาเปียกหมอน หากพี่ได้กินเนื้อให้ฝากมากับกา ได้กินปลาให้
ฝากมากับแร้ง ได้กินหมากให้ฝากมากับลม นะพี่)
หญิง : ค่อยเมือดีถ้อน สายสมรซู้เพิ่น เปิ่นเวิ่นหน้าอย่าลืมซู้ผู้คอย น้องอยู่ทางนี้สิคึดฮ่ำคะนิงหา
วาสนานางมีคงสิได้อยู่เคียงเฮียงซ้อน เมือเดิก ๆ ค่อนนอนกลางคืนให้อ้ายคึดฮอดน้องแน่
น้องสิ คึดฮอดอ้ายบ่วายเว้นว่างยาม ยามอ้ายคึดฮอดน้องให้เหลียวเบิ่งเดือนดาว สายตาเฮา
สิกล่อมกันอยู่เทิงฟ้า
(ค่อยกลับดีเถิดนะ คนดีชู้คนอื่น คนหน้าตาดีรูปหล่อ อย่าลืมชู้ผู้คอย น้องอยู่ทางนี้
ก็จะคิดถึงพี่เช่นกัน หากบุญญาวาสนามีคงได้เคียงคู่กัน กลับดึก ๆ ค่อนคืนให้พี่คิดถึง
น้องหน่อยนะน้องก็จะคิดถึงพี่ไม่วายเว้นทุกเวลา เวลาพี่คิดถึงน้องให้มองดูเดือนดาวแล้วสายตาของสองเราก็จะประสานกันอยู่บนฟ้านั่น)
ตัวอย่างผญาเกี้ยวที่มีครบทุกขั้นตอน
ชาย : สวัสดีเด้อหล้าขวัญตายอดสง่า พี่อยากมาเว้าเกี้ยวสิพอได้บ่ละนาง
(สวัสดีน้องสาว พี่อยากขอคุยด้วยได้ไหม)
หญิง : แม่นอ้ายลุกแต่ด้าวแดนถิ่นทางใด ใจประสงค์หยังน้อจั่งด่วนมาภายพี้
(พี่มาจากไหน มีใจประสงค์สิ่งใด จึงได้เดินทางมาที่นี่)
ชาย : อ้ายนี้ลุกแต่ด้าวแดนถิ่นทางไกล ใจประสงค์คนงามจั่งด่วนมาหาน้อง
(พี่มาจากแดนไกล ใจประสงค์คนสวย จึงได้มาที่นี่)
หญิง : อ้ายเอยอย่ามาตี๋แถลงเว้าเอาเลามาปลูก บ่แม่นเซื้อซาดอ้อยกินได้กะบ่หวาน ดอกนา
(พี่อย่ามาแกล้งพูด เอาต้นเลามาปลูก ไม่ใช่อ้อยกินก็ไม่หวาน ดอกนะ)
ชาย : อ้ายบ่ได้ตี๋แถลงหล่มบ่มีตมคาดลาดหมื่นดอกนา บ่ได้คาดลาดล้มเดือนห้าก่อนฝน
(พี่ไม่แกล้งพูด ดอกนะ ไม่ได้แกล้งลื่นล้มในเดือนหน้าแล้งก่อนที่ฝนจะตก)
หญิง : อ้ายเอย อย่ามาหวานปากหม้อพอล่อให้มดตาย หลายท้อน
(พี่เอย อย่ามาปากหวาน ล่อลวงให้มดตาย เลยนะ)
ชาย : อ้ายอยากถามข่าวน้องถามข่าวเถิงปลา ถามข่าวนาถามข่าวเถิงข้าว ถามข่าวเจ้าว่ามีผัว
แล้วไป่ หือว่ามีแต่ซู้ผัวสิซ้อนแม่นบ่มี
(พี่ขอถามข่าวน้องถึงเรื่อง ข้าว ปลา และเรื่องคู่ครอง ว่าน้องมีคู่ครองหรือยัง)
34
หญิง : น้องนี้ปลอดอ้อยซ้อยเสมออ้อยกลางกอ กาบกะบ่ห่อหน่อน้อยกะบ่ซอน ซู้สิซ้อนผัวน้อง
กะบ่มี มีกะมีนั่นแหล่วแต่ยังเป็นลูกซายเพิ่น น้องกะคึดต่ออ้ายซายพี้สิว่าใด๋
(น้องนี้ยังปลอด บริสุทธิ์ ไม่มีสามี ไม่มีชู้ และก็หวังต่อพี่คนเดียว)
ชาย : คันน้องเว้าจั่งซั่นกะสิบส่วนบุญสวน คันน้องไขทอยาสิจีกตองเลียลวบ
(ถ้าน้องพูดเช่นนั้นก็เป็นบุญของพี่ ถ้าน้องเปิดกระทอยาสูบพี่ก็จะฉีกใบตองกล้วยมาเลีย
เพื่อห่อยาสูบมาสูบทันที)
หญิง : คันอ้ายเว้าจั่งซั่นกะสิบส่วนบุญสวน คันแม่นบุญสวนมีสิปลูกปลีกินกล้วย
(ถ้าพี่พูดเช่นนั้นก็เป็นบุญของน้องเช่นกัน
Advertisement
เปิดอ่าน 7,140 ครั้ง
เปิดอ่าน 7,139 ครั้ง
เปิดอ่าน 7,141 ครั้ง
เปิดอ่าน 7,141 ครั้ง
เปิดอ่าน 7,147 ครั้ง
เปิดอ่าน 7,137 ครั้ง
เปิดอ่าน 7,140 ครั้ง
เปิดอ่าน 7,146 ครั้ง
เปิดอ่าน 7,147 ครั้ง
เปิดอ่าน 7,145 ครั้ง
เปิดอ่าน 7,144 ครั้ง
เปิดอ่าน 7,145 ครั้ง
เปิดอ่าน 7,143 ครั้ง
เปิดอ่าน 7,147 ครั้ง
เปิดอ่าน 7,147 ครั้ง
เปิดอ่าน 7,141 ครั้ง