นายบุญรักษา สุนทรธรรม ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ แนะนำวิธีชมสุริยุปราคาเต็มดวงยาวนานที่สุดในศตวรรษที่ 21 ในวันที่ 22 ก.ค. ประเทศไทยมองเห็นบางส่วนในช่วง 7-9 โมงเช้า ว่า อย่างแรกคืออย่าชมด้วยตามเปล่า ให้ใช้แว่นตาพิเศษที่ทาง สถาบันวิจัยดาราศาสตร์ และ องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ ผลิตออกมาแจกจ่ายเพื่อใช้ดูดวงอาทิตย์
ผู้ที่ไม่มีแว่น ให้ใช้แผ่นฟิล์มเอ็กซ์เรย์ที่ล้างแล้วซ้อนกันสองชั้น ส่องดูดวงอาทิตย์ได้ หรือ อาจใช้กระจกช่างเชื่อมเบอร์ 14 ที่ช่างเชื่อมใช้ เวลาเชื่อมเหล็กส่องดูก็ได้ หากไม่มีอุปกรณ์พวกนี้เลย ให้ใช้แผ่นซีดี ที่มีใช้กันอยู่ทั่วไปส่องดูดวงอาทิตย์ได้ โดยให้ใช้ด้านอ่านเข้าหาตัวแล้วส่องมองดวงอาทิตย์ แม้จะไม่ชัดเจนนักแต่เป็นอุปกรณ์ที่หาได้ง่ายที่สุด
ด้านสถาบันวิจัยดาราศาสตร์ เตรียมตั้งกล้องไว้บริการสำหรับผู้ที่สนใจชมปรากฎการณ์ครั้งนี้ในทุกๆ พื้นที่ตั้งแต่เวลา เวลาประมาณ 07.00-09.19 น ทั้งส่วนกลางและ ภูมิภาคไปพร้อมๆ กัน ได้แก่ ภาคกลาง–จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภาคเหนือ-มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย มหาวิทยาลัยนเรศวร ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ-มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ภาคใต้-มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต รวมทั้งสถาบันอุดมศึกษาอื่นๆ ที่ประสงค์จะจัดกิจกรรมสังเกตปรากฏการณ์ในครั้งนี้ก็ติดต่อเข้ามายังสถาบันได้
ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร ทาง สดร. ได้รับความร่วมมือจากโรงเรียนเทพศิรินทร์ เขตป้อมปราบศัตรูพ่ายจัดกิจกรรมการสังเกตปรากฏการณ์สุริยุปราคา โดยจะได้มีการตั้งกล้องโทรทรรศน์และเปิดโอกาสให้นักเรียนได้เข้าร่วมกิจกรรมในวันดังกล่าว ซึ่งการจัดกิจกรรม “สุริยุปราคาเหนือฟ้าเมืองไทย 22 กรกฎาคม 2552” ก็เพื่อให้ประชาชนทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ได้มีโอกาสร่วมเป็นส่วนหนึ่งของปรากฏการณ์นี้ไปพร้อมๆ กันได้” นายบุญรักษากล่าว
สำหรับปรากฎการณ์สุริยุปราคาครั้งต่อไปจะมีวันที่ 15 มกราคม 2553 ซึ่งจะเป็นการเกิดสุริยุปราคาแบบวงแหวน ประเทศไทยมองเห็นได้เป็นบางส่วนเช่นเดิม และที่สำคัญการเกิดสุริยุปราคาในวันที่ 15 มกราคม ปีหน้านี้จะนับได้ว่าเป็นครั้งสุดท้ายของรอบปีที่จะสามารถมองเห็นได้ในประเทศไทย เพราะหลังจากนี้คนไทยคงต้องรออีกหลายปีกว่าจะเกิดปรากฎการณ์สุริยปราคาที่มองเห็นได้ในประเทศไทยให้ชมอีกครั้งหนึ่ง