เนเวอร์แลนด์ แดนสวรรค์
เนเวอร์แลนด์ แดนสวรรค์ (หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ)
แม้ชีวิตของตำนานราชาเพลงป๊อป ไมเคิล แจ็คสัน จะปิดฉากลงไปแล้ว ท่ามกลางความเศร้าโศกของแฟนๆ แต่ศิลปินผู้เป็นต้นแบบของใครหลายคน ได้ทิ้งมรดกหลายอย่างไว้ให้กับโลกใบนี้ รวมถึงดินแดนในฝันที่เขาสร้างไว้ให้เด็กๆ อย่างเนเวอร์แลนด์
ไมเคิลเชื่อว่าความสำเร็จที่มาเร็วเกินไปของเขากับวงเดอะ แจ็คสัน ไฟว์ ที่พ่อของเขาอยู่เบื้องหลังนั้นทำให้เขาไม่เคยได้ลิ้มรสความสนุกสนานในวัย เด็ก เนเวอร์แลนด์จึงถูกสร้างและออกแบบมาเพื่อชดเชยความทรงจำอันอบอุ่นในวัยเด็ก ที่เขาไม่เคยมี
"มันเหมือนกับอยู่ในดินแดนในเทพนิยาย เมื่อคุณเดินเข้าประตูมาแล้ว โลกภายนอกก็หายวับไปทันที" ไมเคิลพูดถึงเนเวอร์แลนด์ อาณาจักรที่เขาตั้งชื่อตามเกาะแห่งหนึ่งในเทพนิยายเรื่อง ปีเตอร์ แพน ซึ่งเด็กที่อาศัยอยู่บนเกาะนี้จะเป็นเด็กอยู่เสมอและไม่มีวันโตเป็นผู้ใหญ่
ตอนอายุ 28 ปี ไมเคิลซื้อที่ดินผืนนี้ซึ่งมีเนื้อที่ 2,800 เอเคอร์ในราคาเกือบ 600 ล้านบาท ที่ดินนี้ตั้งอยู่ในย่านไร่องุ่นเขตชนบทของรัฐแคลิฟอร์เนีย ห่างจากลอสแองเจลิสไปทางตะวันตกเฉียงเหนือราว 160 กิโลเมตร หนึ่งปีต่อมาเขาเนรมิตมันให้เป็นดินแดนแห่งความฝันสำหรับเด็กๆ ซึ่งมีทั้งคฤหาสน์ สวนสัตว์และสวนสนุก และเขาก็ย้ายเข้ามาอยู่ที่คฤหาสน์แห่งนี้
ไมเคิลเติมเต็มชีวิตวัยเด็กของเขาด้วยของเล่นเด็กมากมาย ทั้งโรงหนัง ตู้วีดิโอเกม ชิงช้าสวรรค์และเครื่องเล่นสารพัดอย่าง เด็กหลายพันคนทั่วโลกมีโอกาสได้เข้าไปเที่ยวเล่นที่นั่น พวกเขาพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเนเวอร์แลนด์เป็นเหมือนดินแดนในจินตนาการ
"เนเวอร์แลนด์มีกลิ่นหอมเหมือนซินนามอน วานิลลาและลูกกวาด มีเสียงเหมือนเด็กกำลังหัวเราะอยู่ตลอดเวลา" เชอรี วิลคินส์ ครูวัย 32 ปีบอกถึงความรู้สึกตอนที่มีโอกาสได้เข้าไปที่นั่น
ชีวิตของไมเคิลผูกพันกับเนเวอร์แลนด์มาก เขามักจะนั่งเขียนเพลงอยู่ใต้ต้นไม้ที่เขาตั้งชื่อว่า "Giving Tree" ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจอย่างดีของเขา เขาพาเด็กด้อยโอกาสรวมถึงเพื่อนสนิทของเขาคือ บับเบิ้ลส์ เจ้าลิงชิมแปนซีมานอนที่นั่นด้วย
งานศิลปะและของสะสมของไมเคิลในเนเวอร์แลนด์มีทั้ง รูปปั้นเด็ก ตัวละครเอกในหนังฮอลลีวู้ดและการ์ตูนจากวอล์ท ดิสนีย์หลายเรื่อง ฮีโร่อย่างซูเปอร์แมน ตัวละครในสตาร์ วอร์สอย่าง ดาร์ธ เวเดอร์ และมนุษย์ต่างดาวอีที
ในขณะที่เนเวอร์แลนด์กลายเป็นบ้านของเซเลบที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่ง อาณาจักรแห่งนี้ก็มีบางอย่างที่ดูแปลกๆ เช่น มีระบบการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดมาก สื่อจำนวนน้อยมากได้รับอนุญาตให้เข้าไปที่นั่น คนที่เข้ามาเยี่ยมชมต้องเซ็นชื่อยอมรับข้อตกลงเรื่องการรักษาความลับและห้ามนำกล้องเข้าไป
ดินแดนที่เป็นเหมือนสวรรค์กลับกลายเป็นนรกที่ทำลายชีวิตไมเคิล ในปี 2536 เขาถูกกล่าวหาจากเด็กชายคนหนึ่งว่าล่วงละเมิดทางเพศในห้องนอนที่นั่น อีก 10 ปีต่อมา เด็กผู้ชายที่ป่วยเป็นมะเร็งคนหนึ่งก็ออกมากล่าวหาเขาในข้อหาเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงบุกเข้าไปหาหลักฐานที่เนเวอร์แลนด์ แต่ก็ไม่พบดีเอ็นเอของเด็กบนที่นอนของไมเคิล ในตอนนั้นเองที่เขารู้สึกว่าถูกละเมิด เพราะตำรวจบุกเข้าไปทั้งๆ ที่ลูกๆ ของเขาก็อยู่ในบ้าน เขาจึงย้ายออกและไม่เคยกลับไปที่นั่นอีกเลย สุดท้ายศาลยกฟ้องเขาในปี 2548
ไมเคิลเกือบจะต้องสูญเสียดินแดนในฝันของเขาไป สองปีก่อนเขานำมันไปจำนองในราคา 800 ล้านบาท และไม่มีเงินใช้หนี้ สุดท้ายเขาตกลงเซ็นสัญญาร่วมทุนกับกลุ่มโคโลนีย์ แคปปิตอล และได้รับเงินไปปลดหนี้ แม้ไมเคิลจะยังเป็นเจ้าของอยู่ครึ่งหนึ่งแต่เจ้าของรายใหม่มีแผนเปลี่ยนชื่อ เนเวอร์แลนด์เป็น ซีเคมอร์ แวลลีย์ แรนช์ เพื่อลบภาพอื้อฉาวในอดีต ปัจจุบันมันอยู่ระหว่างปรับปรุงใหม่และคาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 2800 ล้านบาท
ทางครอบครัวจัดพิธีเคารพศพไมเคิลที่เนเวอร์แลนด์เมื่อวานนี้ แฟนๆ ต่างพากันไปไว้อาลัยที่นั่นจนอาจกลายเป็นจุดท่องเที่ยวชื่อดังเหมือน "เกรซแลนด์" บ้านของราชาเพลงร็อคอย่าง "เอลวิส เพรสลีย์" ที่รัฐเทนเนสซี ตอนนี้มีกระแสเรียกร้องให้ฝังศพไมเคิลที่นั่นและทำเป็นพิพิธภัณฑ์ราชาเพลงป๊อป
แม้ซูเปอร์สตาร์วัย 50 ปีจะหันหลังให้ดินแดนในฝันของเขามานานหลายปี แต่ ณ วันที่เขาลาจากโลกนี้ไป เขาก็ได้เดินทางกลับคืนสู่แดนสวรรค์ อันเป็นที่พักใจของเขาแล้ว หวังว่านั่นคงจะเป็นการเดินทางครั้งสุดท้าย
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก