คนเรายังยึดติดอยูในปริมาณอยู่มาก จะทำอะไรก็ต้องคำนึงถึงปริมาณที่ทำไปว่ามากหรือน้อย ในการวัดคุณภาพ ปริมาณงาน หรือตัวชี้วัดต่าง ๆ จึงนำตัวเลขมาเป็นเครื่องชี้วัดเป็นสำคัญ
การเลื่อนขั้นเงินเดือนก็เช่นกันต้องดูผลการประเมินว่าอยู่ในเกณฑ์ พอใช้ ดี หรือดีมาก มาเป็นองค์ประกอบในการพิจารณา
การสอบคัดเลือกเพื่อแต่งตั้งให้ขึ้นดำรงตำแหน่งที่สูงขึ้น ก็ดูจากผลคะแนนการสอบว่าผ่านเกณฑ์ตามที่กำหนดไว้หรือไม่
การทำความดีก็เช่นกัน เราจะเอาเครื่องมือใดมาวัดว่า ความดีที่ทำนั้นเป็นความดีที่ยิ่งใหญ่ หรือความดีเล็ก จะนำอะไรมาเป็นเกณฑ์ในการวัดความดีดังกล่าว เป็นเรื่องที่น่าคิด
บุคคลทั่วไปจะคิดว่า ความดีใดที่เราลงทุน ลงแรง เสียเงินทองมากมาย ความดีที่ทำนั้นจะต้องได้ผลอันยิ่งใหญ่ หากความดีใดทำไปเสียเงินทองเพียงเล็กน้อย ก็เป็นความดีน้อย
บางท่านอาจคิดว่า การที่เราได้ไปทำบุญกับพระสงฆ์องค์เจ้า ที่ปฎิบัติดีปฎิบัติชอบ ย่อมจะได้บุญมากกว่าไปทำบุญกับพระธรรมดาทั่ว ๆ ไป
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสเอาไว้ว่า แม้วัตถุทานจะบริสุทธิ์ดี เจตนาในการทำทานจะบริสุทธิ์ก็ดี จะทำให้ทานนั้นมีบุญมากหรือน้อย ย่อมขึ้นอยู่กับเนื้อนาบุญ (วีธีสร้างบุญบารมี : สมเด็จพระญาณสังวร ) ซึ่งเกี่ยวข้องในการทำความดี หรือทำทาน ดงนี้
1. ให้ทานแก่สัตว์เดรัจฉาน แม้จะมากถึง 100 คร้ง ก็ได้บุญน้อยกว่าให้ทานดังกล่าวแก่มนุษย์เพียงครั้งเดียว แม้จะเป็นมนุษย์ที่ไม่มีศีล
2. ให้ทานแก่มนุษย์ที่ไม่มีศีล ไม่มีธรรมวินัย แม้จะให้มากถึง 100 ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าให้ทานแก่ผู้มีศีล 5 แม้จะให้เพียงครั้งเดียว
3. ให้ทานแก่ผู้มีศีล 5 แม้จะมากถึง 100 ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าผู้มีศีล 8 แม้จะให้เพียงครั้งเดียว
4. ให้ทานแก่ผู้มีศีล 10 แม้จะมากถึง 100 ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าถวายทานแก่พระสมมุติสงฆ์ซึ่งมีศีลปาฎิโมกข์สังวร 227 ข้อ
5. การให้ทานแม้จะมากถึง 100 ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการให้ "อภัยทาน " แม้จะให้แต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม การให้อภัยทาน ก็คือการไม่ผูกโกรธ ไม่อาฆาตจองเวร ไม่พยาบาทคิดร้ายผู้อื่นแม้แต่ศัตรู ซึ่งได้บุญกุศลแรงและสูงมากในฝ่ายทาน
นอกจากนี้ท่านเหลี่ยวฝานได้ให้โอวาทไว้ว่า... การทำความดี ไม่ว่าจะเป็นความดีมากหรือน้อยเพียงใด ก็ขึ้นอยู่กับเจตนาในการทำความดี หากทำความดีเพื่อชนหมู่ใหญ่แล้ว แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ แต่กระทำเพื่อชนหมู่ใหญ่แล้ว ความดีนั้นก็ใหญ่หลวงยิ่งนัก หากทำความดีนั้นเพื่อตนเองแล้ว แม้จะทำความดียิ่งใหญ่ขนาดไหน ก็ได้ผลน้อย
การทำความดีในทางศาสนาจึงคำนึงถึงเนื้อนาบุญเป็นหลักว่านาบุญที่ทำนั้นเป็นผู้ศีลมากหรือน้อย ถ้าเนื้อนาบุญที่ทำนั้นบรรลุผลสำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้วยิ่งได้บุญมาก แต่ถ้าพิจารณาในเรื่องเจตนาของผู้กระทำ หากทำเพื่อชนหมู่มากแล้ว ย่อมได้บุญมาก
เป็นข้อที่น่าพิจารณาเป็นอย่างยิ่งว่า ทำความดีอย่างไรจึงจะได้บุญที่ยิ่งใหญ่ หรือได้บุญเพียงเล็กน้อย ควรที่ผู้กระทำความดีจะพึงพิจารณา
ความเชื่อ ...ความศรัทธา...ของแต่ละคนจึงเป็นสิ่งสำคัญมิใช่น้อย