ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมเรื่องราวจากสมาชิก  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

พระรถเมรี


เรื่องราวจากสมาชิก เปิดอ่าน : 7,212 ครั้ง
Advertisement

พระรถเมรี

Advertisement

 

พระรถเมรี

              กาลครั้งหนึ่งในสมัยพุทธกาล มีเศรษฐีคนหนึ่งชื่อว่า นนทเศรษฐี มีบ้านเรือนใหญ่โตและทรัพย์สมบัติมากมาย แต่ไม่มีบุตรธิดาไว้คอยดูแลทรัพย์สินเหล่านั้นเลย วันหนึ่งเขาไปนมัสการพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เขานำกล้วย 12 ผลไปถวายพระพุทธองค์ด้วย ในขณะถวายกล้วยต่อพระพุทธเจ้า เขาก็ตั้งอธิษฐานว่าด้วยอานิสงค์แห่งทานนี้ ขอให้เขามีบุตรหรือธิดาจำนวนเท่ากับกล้วยนั้น

               หลังจากกลับมาบ้าน เขาก็บอกกับภรรยาเกี่ยวกับความปรารถนาที่ตนได้อธิษฐานกับพระพุทธเจ้าไว้ ภรรยาของเขาดีใจมาก และหลังจากนั้นไม่นานนางก็ตั้งครรภ์และคลอดลูกสาวจำนวนครบ 12 คนพอดี น้องสาวคนเล็กสุดมวีชื่อว่า เภา มีความสวยและฉลาดกว่าใครทั้งหมด อย่างไรก็ตามหลังจากคลอดลูกสาวทั้ง 12 คนแล้ว โชคชะตาของท่านเศรษฐีและภรรยาก็เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ ทั้งคู่กลับจนลงทุกวัน ๆ การค้าขายก็ไม่ค่อยดีในขณะที่ลูกสาวก็กินจุขึ้นเรื่อย ๆ

          เมื่อไม่สามารถแก้ปัญหาความขาดแคลนอาหารเลี้ยงดูบุตรสาวได้ เศรษฐีจึงตัดสินใจขายบ้านเพื่อเอาเงินมาซื้ออาหารเลี้ยงลูก ๆ จากที่เคยร่ำรวยก็กลับกลายเป็นจน เขาพาครอบครัวไปอยู่ที่กระท่อมในทุ่งนาและก็ดำเนินชีวิตอยู่ด้วยการทำนาบ่อยครั้งที่สองสามีภรรยาไม่สามารถหาอาหารเพียงพอเพื่อมาเลี้ยงบุตรสาวที่กำลังกินกำลังนอนได้ ทั้งคู่รู้สึกเสียใจที่เห็นบุตรสาวร้องไห้หาของกินแต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี

    และถึงแม้ว่าเขาจะรักบุตรสาวมา แต่ก็สุดที่จะทนต่อสภาพเช่นนี้ได้ ดังนั้นเขาจึงคิดแผนที่จะนำบุตรสาวของตนไปปล่อยในป่า ท่ามกลางเสียงคัดค้านจากภรรยาอย่างแข็งขัน นนทเศรษฐีนำบุตรสาวของตนขึ้นเกวียนและขับออกไปในป่า ก่อนที่จะจากมาเขาก็เก็บผลไม้ไว้มากมายเพื่อให้ลูก ๆ ได้กินกัน แล้วปล่อยให้ทั้งหมดวิ่งเล่นอยู่ ณ ที่นั้นเอง ในขณะที่เด็ก ๆ เพลิดเพลินอยู่กับการเล่นนั้นเขาก็แอบกลับมาบ้านแต่เพียงลำพัง

       หลังจากเหน็ดเหนื่อยกับการเล่น พี่น้องทั้งสิบสองคนก็มองหาบิดาของพวกตน เมื่อไม่เห็นบิดาอยู่บริเวณนั้นพวกเขาก็ร้องไห้กันกระจองอแง แต่เภาไม่รู้สึกตื่นเต้นตกใจอะไรนางปลอบพวกพี่ ๆ และบอกว่า ตนสามารถจำทางกลับบ้านได้ดี ก่อนพระอาทิตย์ตกดินเภาก็สามารถพาพวกพี่ ๆ กลับมาถึงบ้านได้ ทันทีที่มาถึงบ้าน พวกเด็กก็หาของกินในครัวเพราะว่าเหน็ดเหนื่อยมาจากการเดินทางไกล

       สองสามีภรรยาทั้งดีใจและเสียใจปนกัน ที่ดีใจเพราะเห็นบุตรสาวของตนยังมีชีวิตอยู่และที่เสียใจก็เพราะต้องเผชิญกับความยากลำบากแบบเดิมอีก พวกเด็ก ๆ เองไม่สนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวันข้างหน้าขอให้มีอาหารมาใส่ปากก็เพียงพอแล้ว พวกเด็ก ๆ มีความสุข ในขณะที่พ่อแม่เสียใจเมื่อนึกถึงความตายของทั้งหมดอันเนื่องมาจากความอดอยาก

    ครั้นรุ่งสาง ผู้เป็นบิดาก็คิดถึงแผนการที่จะเอาบุตรสาวไปปล่อยอีก ครั้งนี้เขาพาลูก ๆ ไปยังป่าลึก และใช้หนทางคดเคี้ยวมากจนยากที่จะจำได้ เมื่อรู้ว่าบิดาตนหายไปแล้วพี่น้องทั้งสิบาองคนก็หลงอยู่ในป่า ซึ่งใกล้กับบริเวณครอบครองโดยนางยักษ์ขิณีผู้เป็นม่ายชื่อว่า สันธมาร สามีของนางที่ตายไปเป็นพญายักษ์ชื่อว่าท้าวสักกะ

      ทันทีที่ได้เห็นพวกเด็ก ๆ นางยักษ์ผู้ไม่มีบุตรธิดาก็นึกรักพี่น้องทั้งสิบสองคนขึ้นมาทันทีและต้องการเลี้ยงดูอย่างน้องสาวหรือลูกสาวของตนก็ได้ แต่นางยักษ์ก็มีเจตนาเคลือบแฝงในการอุ้มชูพวกเด็ก ๆ เหล่านั้นด้วยเหมือนกัน เพราะนางยักษ์เองต้องการนัยน์ตาของเด็ก ๆ ไว้ผสมทำยาอายุวัฒนะกินด้วย ทันใดนั้นนางก็แปลงร่างเป็นหญิงสาวรูปร่างสวยเพื่อไม่ให้เด็ก ๆ ตกใจกลัวเมื่อเห็นตนเป็นยักษ์ หลังจากทำความคุ้นเคยกับเด็ก ๆ แล้วนางก็ชวนให้พวกเขาไปอยู่ในวังของตน ที่เมืองคชบุรีซึ่งมีของกินมากมาย เด็ก ๆ มีความยินดีมากที่ได้ยินเช่นนั้นและตกลงที่จะไปอยู่กับนางยักษ์ผู้ซึ่งส่งข่าวไปยังชาวเมืองของนางให้แปลงกายเป็นมนุษย์ เพื่อว่าธิดาบุญธรรมของตนจะได้ไม่ตกใจ นับแต่นั้นมาพี่น้องทั้งสิบสองก็อยู่กับนางยักษ์อย่างมีความสุขจนถึงวัยสาว

          วันหนึ่งในขณะที่พี่สาวคนโตเพลิดเพลินอยู่กับการชื่นชมความสวยงามของดอกไม้อยู่นั้นนางก็เดินไกลออกไปและถึงบริเวณหวงห้าม ซึ่งนางยักษ์สันธมารกำลังกินเนื้อมนุษย์อยู่ นางเห็นเหตุการณ์เข้าโดยบังเอิญและยังได้เห็นคนถูกจับมาขังไว้เป็นจำนวนมากอีกด้วย นางก็รู้ได้ทันทีว่าผู้ที่อุปถัมภ์ค้ำชูพวกตนนั้น แท้ที่จริงแล้วเป็นยักษ์ในร่างแปลงของหญิงสาวผู้เลอโฉม แล้วนางก็บอกให้น้อง ๆ ของนางทราบ ผู้ซึ่งก็กลัวว่าอาจจะถูกยักษ์จับกินเข้าสักวันหนึ่งก็ได้ ดังนั้นพวกพี่น้องจึงเตรียมแผนหนีออกจากเมืองยักษ์

        แต่ก่อนที่จะหนีนางยักษ์ไปพวกเขาได้ช่วยปล่อยคนทั้งหมดที่นางยักษ์จับมาขังไว้เป็นอาหารแล้วก็เข้าไปซ่อนตัวในพุ่มไม้ซึ่งก็ยังไม่ปลอดภัย เพราะนางยักษ์ทำการค้นหาแบบพลิกแผ่นดินโชคดีที่รุกขเทวดาและสัตว์อื่น ๆ เข้ามาช่วย นางยักษ์หาพี่น้องทั้งหมดไม่พบ แต่นางยักษ์ก็ยังไม่ละความพยายามอยู่นั้นเอง ในเวลาเดียวกันขณะที่พระฤๅษีกำลังเข้าฌานอยู่นั้นก็ได้เห็นเหตุการณ์และรู้สึกสงสารพี่น้องผู้น่าสงสารเหล่านั้น ท่านจึงดลใจให้นางยักษ์ไปค้นหาทางอื่นและก็ยกเลิกการค้นหาไปในที่สุด และแล้วพระฤๅษีก็บอกหญิงสาวเหล่านั้นว่าเหตุที่พวกนางต้องเผชิญกับความทุกข์ยากเช่นนี้ ก็เพราะว่าเมื่อชาติที่แล้วพวกนางได้นำลูกสุนัขไปปล่อยทิ้งไว้ในป่า ดังนั้นบาปจึงตามพวกเขามาในชาตินี้และชาติหน้าจนกว่าจะครบ 500 ชาติจึงจะหมดกรรม

          หลังจากอำลาพระฤๅษีแล้ว นางทั้งสิบสองก็ออกเดินทางต่อและไปถึงสระน้ำแห่งหนึ่งในเมืองงกุตารนคร ซึ่งปกครองโดยพระเจ้ารณสิทธิราช ทุกวันจะมีนางค่อมทาสีแบกหม้อน้ำทองคำมาตักน้ำไปให้พระราชาสรงในพระราชวัง ในขณะเตรียมที่จะตักน้ำจาสระ นางค่อมเหลือบไปเห็นเงาเหล่าหญิงสาวหน้าตาสวยคล้ายกับนางฟ้า นางเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเงาของตน แต่เมื่อพี่น้องทั้งสิบสองหัวเราะเยาะนาง นางก็แหงนหน้าขึ้นดูแล้วก็เห็นเหล่าหญิงสาวอยู่บนต้นไทร นางคิดว่าหญิงเหล่านั้นเป็นนางฟ้า จึงรีบไปกราบทูลให้พระราชาทรงทราบ และแล้วพระราชาก็รีบเสด็จมายังสระน้ำในทันที

           เมื่อได้เห็นพี่น้องทั้งสิบสองคน พระราชาก็ทรงตกตะลึงในความงามของพวกนางและสอบถามว่าเป็นใครมาจากไหน เมื่อได้รับการกราบทูลให้ทรงทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้ว พระราชาจึงรับสั่งให้นางลงมาและชวยให้ไปอยู่ในวังของพระองค์ และพระราชาก็ทรงแต่งตั้งให้นางทั้งหมดเป็นพระมเหสีของพระองค์ และเนื่องจากพวกนางมีชีวิตอยู่ในวังอย่างสุขสบายในฐานะพระมเหสี ตอนนี้พวกนางก็เลยคิดถึงบิดามารดาของพวกตนบ้าง ดังนั้นพวกนางจึงทูลขอพระบรมราชานุญาตจากพระราชานำบิดามารดาของพวกตนมาอยู่เสียด้วยกันในวัง และพระราชาก็ทรงอนุญาตสองสามีภรรยาผู้น่าสงสารดีใจยิ่งนักที่ได้กลับมาอยู่กันพร้อมหน้ากับบุตรสาวอีกครั้ง หลังจากที่ต้องพลัดพรากกันไปเสียนาน  

       ในขณะเดียวกัน นางยักษ์สันธมารก็ได้ธิดาบุญธรรมชื่อว่า เมรี ผู้ซึ่งเป็นธิดาของเพื่อนสามานางมีนามว่า ปทุมราช ซึ่งก็เป็นเจ้าเมืองอสูรชื่อว่า กำพุธ ท้าวปทุมราชมีธิดา 2 คน ชื่อว่าเมรีและศรีทัศนา ทั้งสองพี่น้องถือกำเนิดจากมารดาผู้เป็นมนุษย์พระนามว่า พระนางศรีสมุทร เมื่อโหรหลวงของพระองค์ทำนายว่า ถ้าให้ธิดาทั้งสองคนอยู่รวมกันแล้วความหายนะที่ไม่ทราบสาเหตุก็จะนำความพินาศมาสู่ทุกชีวิตในเมือง ท้าวปทุมราชจึงมอบบุตรสาวของตนคนหนึ่งให้นางยักษ์สันธมารเลี้ยงดูนับแต่บัดนั้นมา

      ต่อมาภายหลัง นางยักษ์สันธมารได้ข่าวว่านางสิบสองไปได้ดีมีความสุขก็เกิดความอิจฉาริษยาและเคียดแค้นมาก นางจึงตามนางสิบสองมายังเมืองกุตารนครและรอหญิงค่อมอยู่ที่ต้นไทรที่สระน้ำ ซึ่งนางจะต้องมานำน้ำไปให้พระราชาสรงเหมือนอย่างปกติ แล้วนางสันธมารก็แปลงร่างเป็นหญิงสาวมีหน้าตาสวยงามกว่านางสิบสองมาก เมื่อได้เห็นหญิงสาวผู้สวยที่สุด นางค่อมก็รีบไปกราบทูลพระราชาผู้ซึ่งเสด็จมาทอดพระเนตรนาง และก็ต้องตะลึงในความงามของนาง พระราชาจึงนำนางเข้าวัง และทรงแต่งตั้งให้นางเป็นพระมเหสีองค์ใหม่และนางก็เป็น พระมเหสีที่โปรดปรานของพระราชาในทันที นับจากนั้นมานางสิบสองก็ประสบเคราะห์กรรมอย่างแสนสาหัส เพราะนางยักษ์ใช้มนต์สะกดให้พระราชาหลังรักนางจนกระทั่งอยู่ภายใต้อำนาจของนาง นางแกล้งป่วยและต้องการนัยน์ตาของนางสิบสองมาทำยา และแล้วพระราชาก็ทรงรับสั่งให้นางสิบสองเข้าเฝ้าแล้วให้ควักดวงตาของนางสิบสองออก แต่เภาโชคดีกว่าพี่สาวคนอื่น ๆ เพราะพระองค์อนุญาตให้นางเหลือดวงตาไว้ข้างหนึ่ง

        หลังจากรับสั่งให้ควักดวงตาของนางสิบสองออกแล้ว พระราชาก็รับสั่งให้นำอดีตพระมเหสีของพระองค์ไปขังไว้ในอุโมงค์ ซึ่ทั้งหมดต้องประสบความทุกข์ทรมานอย่างน่าสมเพศเวทนา ในขณะเดียวกันหลังจากได้ดวงตาของนางสิบสองแล้ว นางยักษ์สันธมารก็ส่งดวงตาทั้งหมดไปให้ธิดาบุญธรรมของนางเก็บไว้ ในเวลาต่อมาพี่น้องทั้งหมดยกเว้นเภาก็ตั้งครรภ์ พระอินทร์ทราบว่านางสิบสองได้รับความทุกข์ทรมานมาก และไม่มีใครดูแลจึงรับสั่งให้เทวดาลงไปเกิดเป็นลูกของน้องคนสุดท้อง ด้วยเหตุนั้นเภาจึงตั้งครรภ์

    และแล้วนางยักษ์ก็สั่งให้ทหารของตนเฝ้าอุโมงค์ไว้ เพื่อไม่ให้ใครแอบช่วยเหลือนางสิบสองได้ กล่าวกันว่าสาเหตุที่นางสิบสองต้องได้รับความทุกข์เช่นนี้ ก็เพราะเมื่อชาติที่แล้วในขณะเล่นอยู่ริมแม่น้ำ พวกนางจับปลามา 12 ตัว แล้วใช้เหล็กแหลมทิ่มนัยน์ตาทั้งสองข้างของปลาเหล่านั้นแล้วก็ปล่อยลงในแม่น้ำ แต่ว่าเภาเองทิ่งแทงเพียงตาข้างเดียวของปลาที่ตนจับ ดังนั้นนางจึงไม่ถูกควักดวงตาทั้งสองข้าง

         ต่อมาพี่น้องทั้งหมดยกเว้นเภาก็คลอดลูกออกมาซึ่งถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆทันทีและแจกแบ่งกันกินเป็นอาหาร เนื่องจากพวกนางถูกทรมานด้วยความหิวมากจนกระทั่งต้องกินลูกของพวกตน แต่ถึงอย่างไร้เภาก็ไม่ยอมกินเนื้อทารกที่ได้รับแบ่งให้นั้น ทุกครั้งที่นางได้ส่วนแบ่งนางก็จะนำไปซ่อนไว้ ดังนั้นเมื่อถึงคราวที่นางคลอดลูกบ้างพี่ ๆ ของนางก็จะได้ไม่ฆ่าลูกของตน ดังนั้นนางจึงนำเนื้อทารกที่ซ่อนไว้มาแบ่งให้พวกพี่ ๆ แทน การทำเช่นนี้จึงไม่ทำให้พวกพี่ ๆ ของตนสงสัยในเจตนาของนางที่ต้องการเลี้ยงลูกไว้ แล้วเภาก็ตั้งชื่อลูกว่า รถเสน

        ถึงแม้ว่าพวกทหารที่เฝ้าอุโมงค์จะรู้เกี่ยวกับการถือกำเนิดของรถเสน แต่ก็ไม่มีใครไปบอกให้นายของตนทราบ เพราะพวกเขาเองก็รักและเมตตากุมารน้อย แถมยังช่วยเลี้ยงดูให้อีกด้วยเมื่อรถเสนโตขึ้นเขาก็ถามมารดาถึงสาเหตุที่ต้องมาอยู่ในอุโมงค์ เภาจึงเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ผู้เป็นลูกฟัง รถเสนรู้สึกเสียใจมาที่เห็นผู้เป็นมารดาและป้า ๆ ต้องทนทุกข์ทรมานเช่นนี้ และแล้วพระอินทร์ก็เสด็จลงมายังโลกมนุษย์เพื่อสอนกลอุบายในการเล่นการพนันให้กับรถเสน และพระอินทร์ก็ได้ให้ไก่ชนวิเศษพร้อมทั้งเครื่องแต่งกายแก่รถเสนด้วย แล้วรถเสนก็ขออนุญาตมารดาเพื่อออกจาอุโมงค์ไปเผชิญกับโลกภายนอก เพราะตนเองก็โตเป็นหนุ่มแล้ว

      เมื่อมาถึงศาลาสาธารณะ ก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังเล่นพนันไก่ชนอยู่ รถเสนจึงเล่นพนันด้วยและมีชัยชนะได้รางวัลพอที่จะซื้ออาหารมาให้มารดาและป้า ๆ ของตนได้ แน่นอนที่สุดว่าการถือกำเนิดของรถเสนนำมาซึ่งความหวังให้กับนางสิบสอง นับแต่นั้นมารถเสนก็ออกไปเล่นพนันทุกวันและมีชัยชนะทุกครั้งไป ข่าวการมีชัยชนะของรถเสนแพร่ไปถึงพระเจ้ารณสิทธิราชผู้ซึ่งรับสั่งให้รถเสนเข้าเฝ้า แล้วพระราชาก็ชวนให้เขาเล่นสกากับพระองค์ รถเสนท้าพระราชาว่าถ้าหาว่าเขาแพ้เขายินดีเป็นทาสของพระราชาตลอดไป แต่ถ้าหากว่าเขาชนะเขาต้องการเพียงข้าว 12 ห่อเท่านั้น พระราชาทรงตอบตกลง และผลก็ปรากฏว่าพระราชาทรงแพ้ถึง 2 ครั้ง ดังนั้นรถเสนจึงได้ข้าว 12 ห่อมาให้มารดาและป้าดังที่คาดหวังไว้ 

      ในวันต่อมา พระราชาทรงพระประสงค์ที่จะเล่นสกากับรถเสนอีก พระองค์ชวนรถเสนไปเล่นเกมกับพระองค์ในปราสาทเรือนทอง และถามชายหนุ่มเกี่ยวกับบิดามารดาของเขา หนุ่มน้อยจึงกราบทูลว่ามารดาของตนชื่อว่าเภาผู้ซึ่งอยู่กับป้าทั้ง 11 คนของตนในอุโมงค์ หลังจากทรงทราบความจริง พระราชาก็สวมกอดชายหนุ่มและบอกกับเขาว่าเขาไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นโอรสของพระองค์

        ในกาลต่อมา ท้าววัตถาเจ้าเมืองจินดามาท้าพระเจ้ารณสิทธิราชพนันชนไก่รถเสนจึงอาสาพนันชนไก่แทนพระราชาและมีชัยชนะ นับแต่วันนั้นพระเจ้ารณสิทธิราชก็รักโอรสของพระองค์มา และทรงประกาศว่าพระองค์รักโอรสดั่งดวงใจของพระองค์

        เมื่อได้ยินคำประกาศของพระราชา นางยักษ์สันธมารผู้ซึ่งตอนนี้เป็นหญิงสาวสวย ก็แกล้งทำเป็นป่วยหนักและต้องการผลไม้ชนิดหนึ่งซึ่งมีรสเปรี้ยว เรียกว่า มะงั่วหาวและมะนาวโห่เพื่อใช้ทำยาและมีอยู่แต่เฉพาะในเมืองของนางเท่านั้น นางสันธมารของร้องให้พระราชาผู้ซึ่งทรงลังเลพระทัยส่งเจ้าชายรถเสนไปนำผลไม้นั้นมาให้นาง พระราชาทรงตอบตกลงโดยไม่เต็มพระทัยนัก และส่งเจ้าชายไปยังเมืองคชบุรี

       แต่ก่อนจากไป เจ้าชายรถเสนขอให้พระราชาส่งอาหารไปให้มารดาและป้าของตนทุก ๆ วัน พระราชาทรงรับและทรงอนุญาตให้รถเสนใช้ม้าของพระองค์ชื่อม้าพาชี ซึ่งสามารถบินไปในอากาศได้เหมือนนก สันธมารจึงบอกให้รถเสนนำจดหมายของตนไปให้บุตรสาวของตนด้วย แล้วเจ้าชายก็ผูกจดหมายไว้กับคอม้าและเริ่มเดินทางไกล

        เมื่อออกเดินทางมาได้ระยะหนึ่ง รถเสนก็หยุดพักที่ศาลาพระฤๅษี และปล่อยให้ม้าออกไปกินหญ้ากินน้ำในบริเวณใกล้ ๆ นั้น ทันใดนั้นพระฤๅษีก็เหลือบไปเห็นลักษณะดีของม้าจึงเข้าไปดูใกล้ ๆ และก็พบว่ามีจดหมายแขวนอยู่ที่คอม้า ด้วยความสงสัยท่านจึงตัดสินใจเปิดอ่านโดยไม่ได้รับอนุญาตและก็พบข้อความประหลาดว่า ถ้าหากว่าชายหนุ่มผู้นี้ถึงกลางวันให้กินกลางวันแต่ถ้าเขาถึงกลางคืนก็ให้กินกลางคืน พระฤๅษีแปลกใจที่พบข้อความเช่นนั้น ท่านจึงเข้าฌานและก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พระฤๅษีคิดว่าเจ้าชายควรจะได้แต่งงานกับพระธิดาเมรีและปกครองเมืองยักษ์แทนทีจะมาถูกยักษ์กินเสีย

       แล้วพระฤๅษีก็เปลี่ยนข้อความใหม่เป็น "ถึงกลางคืนให้รับกลางคืน ถึงกลางวันให้รับกลางวัน ผัวแก้วผัวขวัญของเมรี" และแล้วพระฤๅษีก็กลับไปที่ศาลาของท่าน และได้พบรถเสนผู้ซึ่งบอกให้ท่านทราบเกี่ยวกับการเดินทางของตนไปเมืองยักษ์ พระฤๅษีอวยพรให้รถเสนโชคดีมีชัย

     เมื่อมาถึงชายแดนเมืองคชบุรี รถเสนพบกองทัพยักษ์เขาก็ตกใจเพราะยักษ์จะเข้ามาทำร้ายตนแลม้า เขาจึงทิ้งจดหมายลงไปบนกองทัพยักษ์ตามคำสั่งของสันธมารทันที และบอกว่าพวกเขาว่าเป็นจดหมายของสันธมารถึงเจ้าหญิงเมรี แล้วเหล่ายักษ์ก็ก้มศีรษะลงคำนับพร้อมทั้งรับจดหมายจากรถเสน และแล้วจดหมายก็ถูกนำไปมอบให้กับเจ้าหญิงผู้ซึ่งดีใจมากที่ได้อ่าน แล้วรีบออกมาต้อนรับรถเสน นางสั่งให้สาวใช้นำอาหารคาวหวานมาให้เจ้าชายรถเสนเสวย รูปร่างที่งดงามของเจ้าชายรถเสนประทับใจองค์หญิงยิ่งนัก และเพื่อปฏิบัติตามคำสั่งของพระมารดาองค์หญิงรับสั่งให้ประดับประดาพระนครเพื่อเตรียมอภิเษกสมรสของนางที่จะมีขึ้นในเร็ว ๆ นี้

        หลังจากอภิเษกสมรสได้ 7 เดือน รถเสนก็กลับเข้าวังแล้วแกล้งทำเป็นป่วยหนัก ตอนนี้เขาเกิดคิดถึงผู้เป็นมารดาและป้า ๆ ขึ้นมาแล้ว จึงบอกเจ้าหญิงเมรีว่าตนต้องการอากาศบริสุทธิ์ในพระราชอุทยาน แต่ความจริงแล้วเขามีแผนที่จะไปเอาผลไม้ที่สันธมารต้องการ และไม่ต้องการให้ใครรู้เรื่องนี้ ในขณะที่เมรีและคนรับใช้ของนางกำลังเพลิดเพลินอยู่กับการชมดอกไม้อยู่นั้น รถเสนก็แอบเด็ดผลไม้แล้วชวนองค์หญิงกลับพระนคร และสั่งให้คนรับใช้จัดเตรียมการเต้นรำและดนตรีเพื่อความบันเทิงของเมรีและตนเอง รถเสนมีแผนที่จะทำให้เมรีเมา เพื่อที่นางจะได้บอกทุกสิ่งทุกอย่างแก่เขาเกี่ยวกับดวงตาของมารดาและพวกป้า ๆ ของตน     และสิ่งที่รถเสนคิดไว้ก็เป็นจริง เมื่อเมาขึ้นมาเมรีก็บอกที่ซ่อนดวงตาและยารักษาตาแก่เขา นางยังได้บอกเขาเกี่ยวกับยาวิเศษอื่น ๆ อีก ซึ่งแต่ละห่อก่อให้เกิดภูเขา ป่าไม้ ลม ไฟ ฝน เมฆ และมหาสมุทรน้ำกรด รวมแล้วมีทั้งหมด 8 ห่อด้วยกัน

     ครั้นถึงเวลาเที่ยงคืน หลังจากที่เมรีหลับสนิทแล้ว รถเสนก็เก็บดวงตาและยาทั้งหมดหนีออกจาเมืองโดยขี่ม้าพาชีไป เมื่อตื่นขึ้นมาไม่พบผู้เป็นสามารเมรีก็รีบตามไป เมื่อเข้าไปใกล้นางก็เข้าไปไม่ถึงตัวเพราะรถเสนโยผงยาซึ่งก่อให้เกิดป่า และต้นไม้ใหญ่ขวางทางไว้ และด้วยความมั่นคงต่อความรักในสามีอย่างแรงกล้า เมรีก็สามารถเอาชนะอุปสรรคทั้งปวงที่อุบัติขึ้นโดยยาวิเศษเหล่านั้นได้ ดังนั้นรถเสนจึงใช้ยาห่อสุดท้ายซึ่งก่อให้เกิดมหาสมุทรน้ำกรดและคราวนี้เมรีก็ไม่สามารถติดตามรถเสนได้อีก เมรียืนร้องไห้อยู่ตรงนั้นและตั้งอธิษฐานขอให้เกิดเป็นชายาของรถเสนอีกแล้วนางก็ฟุบลงกองกับพื้น หัวใจของนางแตกสลายเป็นเจ็ดภาคและสิ้นลมหายใจอยู่ ณ ตรงนั้นเอง

       ในขณะเดียวกัน หลังจากกลับมาถึงเมืองกุตารนครแล้วรถเสนก็รีบตรงไปพบมารดาและผู้เป็นป้าผู้ซึ่งเกือบจะสิ้นชีวิตเพราะความอดอยากอยู่แล้ว เนื่องจากพระราชาไม่รักษาคำสัญญาที่ทรงให้ไว้เพราะถูกอำนาจนางยักษ์สันธมารครองงำไว้ สันธมารเองก็ถึงกับหมดสติเมื่อรู้ว่าบุตรสาวของตนเสียชีวิตแล้ว นางล้มฟุบกับพื้นหัวใจของนางแตกออกเป็นเจ็ดภาคและสิ้นชีวิตอยู่ตรงนั้นเอง

     หลังจากหลุดพ้นจากอำนาจของนางยักษ์แล้ว พระราชาก็รับสั่งให้ปล่อยพี่น้องทั้งสิบสองคนและขอโทษพวกนาง ทั้งหมดกลับมาอยู่ด้วยกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ยกเว้นรถเสนผู้ซึ่งเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการจากไปของภรรยาผู้เป็นที่รัก เขากลับไปยังบริเวณที่เมรีนอนสิ้นลมหายใจอยู่ รถเสนเศร้าโศกเสียใจมากแต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรได้ เขาก็มีความรักต่อเมรีมากแต่ก็ต้องช่วยมารดาและป้าของตนก่อน เพื่อติดตามภรรยาของตนไปหลังจากจัดการศพของนางแล้วเจ้าชายผู้ระทมทุกข์ก็กลั้นลมหายใจตายตามไป

     กล่าวกันว่า ทั้งคู่อธิษฐานให้ได้เกิดเป็นสามีภรรยากันอีก ในขณะที่เมรีไปเกิดเป็นมโนราห์ เจ้าชายรถเสนไปเกิดเป็นพระสุธน และเป็นนิทานอีกเรื่องหนึ่งชื่อว่า "พระสุธน" และเรื่องราวก็จบเพียงเท่านี้

โพสต์โดยสมาชิกหมายเลข 1218 วันที่ 13 ก.ค. 2552


พระรถเมรี

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

กระชายดำ

กระชายดำ


เปิดอ่าน 7,147 ครั้ง
สมุนไพร..กระชาย

สมุนไพร..กระชาย


เปิดอ่าน 7,171 ครั้ง
ภาพปริศนา......มหัศจรรย์ (1)

ภาพปริศนา......มหัศจรรย์ (1)


เปิดอ่าน 7,141 ครั้ง
***ดอกไม้ประจำราศรี***

***ดอกไม้ประจำราศรี***


เปิดอ่าน 7,137 ครั้ง

:: เรื่องปักหมุด ::

รับสมัครครูอัตราจ้าง

รับสมัครครูอัตราจ้าง

เปิดอ่าน 7,156 ☕ คลิกอ่านเลย

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
มาดู..เลขทะเบียนรถ กันสักนิด สำคัญต่อชีวิตเราแค่ไหน?
มาดู..เลขทะเบียนรถ กันสักนิด สำคัญต่อชีวิตเราแค่ไหน?
เปิดอ่าน 7,139 ☕ คลิกอ่านเลย

(?-((-- "ทรงผมดัด แบบผมดัด สไตล์สาวเปรี้ยวซ่า" -- ))-?)
(?-((-- "ทรงผมดัด แบบผมดัด สไตล์สาวเปรี้ยวซ่า" -- ))-?)
เปิดอ่าน 7,140 ☕ คลิกอ่านเลย

แบบทดสอบการสะกดคำ ม. ๔
แบบทดสอบการสะกดคำ ม. ๔
เปิดอ่าน 7,469 ☕ คลิกอ่านเลย

นิทานพื้นบ้าน
นิทานพื้นบ้าน
เปิดอ่าน 7,171 ☕ คลิกอ่านเลย

HI  FINE จาก Hi 5
HI FINE จาก Hi 5
เปิดอ่าน 7,143 ☕ คลิกอ่านเลย

***10 ภัยร้ายออนไลน์***...ที่ต้องระวังช่วงเทศกาลวันหยุด!!!!
***10 ภัยร้ายออนไลน์***...ที่ต้องระวังช่วงเทศกาลวันหยุด!!!!
เปิดอ่าน 7,144 ☕ คลิกอ่านเลย

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

คนแห่ขอยา "เบญจอำมฤตย์" รักษามะเร็งฟรี ยอดพุ่ง 30 เท่าต่อวัน
คนแห่ขอยา "เบญจอำมฤตย์" รักษามะเร็งฟรี ยอดพุ่ง 30 เท่าต่อวัน
เปิดอ่าน 13,774 ครั้ง

ธงชาติไทยเอกลักษณ์ความเป็นชาติ
ธงชาติไทยเอกลักษณ์ความเป็นชาติ
เปิดอ่าน 45,204 ครั้ง

อ่านกันชัดๆ ที่นี่ "อยากเป็นครู ทำอย่างไร?"
อ่านกันชัดๆ ที่นี่ "อยากเป็นครู ทำอย่างไร?"
เปิดอ่าน 23,291 ครั้ง

7 รายชื่อ นวนิยายเข้ารอบสุดท้ายซีไรต์ 2552
7 รายชื่อ นวนิยายเข้ารอบสุดท้ายซีไรต์ 2552
เปิดอ่าน 15,051 ครั้ง

หลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลของบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามาตรา 36 ค.(2)
หลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลของบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามาตรา 36 ค.(2)
เปิดอ่าน 17,403 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ