ทริปหลวงพระบาง(ตอนที่2)
หลังจากที่เราเดินทางเข้านครเวียงจันทร์ เรายังไม่แวะชมเพราะเราต้องการที่จะไปเขื่อนน้ำงึมและแวะพักที่กุ้ยหลินเมืองลาว(เมืองวังเวียง)
คณะของเราส่วนมากเป็นผู้หญิง จึงเดินทางแบบสบายพอสมควร เห็นที่ไหนสวยๆไม่ได้ แวะทันที่(เพราะเราไปกันแบบสบายๆ)
ก่อนอื่นเมื่อผ่านนครเวียงจันทร์เราขอเล่ารายละเอียดแบบย่อให้ฟัง
กำแพงนครเวียงจันทน์ และแขวงเวียงจันทน์
รหัสโทรศัพท์ 21
นักท่องเที่ยว บางคนอาจสับสนกับคำว่า “กำแพงนครเวียงจันทน์” และ “แขวงเวียงจันทน์” ตามการแบ่งเขตการปกครอง กำแพงนครเวียงจันทน์ถือเป็นเขตปกครองพิเศษ มีฐานะเทียบกับเทศบาลนคร ส่วนแขวงเวียงจันทน์นั้นมีฐานะเป็นจังหวัด พื้นที่กำแพงพระนครเวียงจันทน์เป็นเขตราชธานีเก่าปัจจุบันกลายเป็นที่ตั้ง รัฐบาล หน่วยงานราชการสำคัญ สถานทูตของนานาประเทศ สำนักงานบริษัทเอกชนและบริษัทข้ามชาติต่างๆ ทั้งยังเป็นศูนย์กลางการคมนาคมทั้งทางบก ทางน้ำและทางอากาศ ทำนองเดียวกับกรุงเทพมหานคร แค่มีขนาดเล็กว่ามาก
เวียงจันทน์ (Vientiane)
เป็น เมืองที่มีมาเก่าแก่ ตามตำนานการสร้างเมืองบางสำนวนกล่าวว่า มีฤาษีสามพี่น้องมาปักหลักไม้จันทน์หมายเป็นเขตสร้างบ้านแปง เมืองบริเวณนี้ จึงได้ชื่อว่าเวียงจันทน์ พ.ศ. 2103 พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชสถาปนาขึ้นเป็นราชธานีของอาณาจัรล้านช้างแทนเมืองเชียง ดง-เชียงทอง (หลวงพระบาง) มีกษัตริย์ปกครองต่อเรื่อยมา จนกระทั่งลาวเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็น มคอมมิวนิสต์ นครเวียงจันทน์จึงได้รับแต่งตั้งเป็นเมืองหลวงของประเทศตั้งแต่ พ.ศ. 2518 นครเวียงจันทน์ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง ตรงข้ามอำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย เป็นเมืองที่ยังคงร่องรอยสมัยอาณานิคมอยู่มาก ถนนล้านช้างเป็นถนนสายสำคัญที่สุด สองฟากถนนเรียงรายไปด้วยสถานที่ทำการของรัฐบาล ธนาคาร บริษัทท่องเที่ยว ฯลฯ โดยอาคารบางส่วนเป็นตึกแบบยุโรปจากสมัยที่ลาวเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส
เราเดินทางผ่านนครเวียงจันทร์ เดี๋ยวขากลับเราจะพาเที่ยวให้อิ่มใจไปเลย
จากเวียงจันทร์ด้วยความเสียดาย เดินทางต่อไปตามถนนหมายเลข 13 เพื่อไปยังเมืองวังเวียง และไปแวะรับประทานอาหารเที่ยงที่เขื่อนน้ำงึม เขื่อนที่ไทยเราซื้อไฟฟ้าจากลาว(แหมน่าอายจัง)
เขื่อนน้ำงึม ตั้งอยู่ห่างจากนครเวียงจันทน์ ระยะทางประมาณ 90 กิโลเมตร สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2515 มีลักษณะเป็นทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ กักเก็บน้ำในลำน้ำงึมเอาไว้ เขื่อนน้ำงึมแห่งนี้สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ในปริมาณที่มากพอสำหรับใช้ในนครเวียงจันทน์ และยังมีเหลือพอส่งออกมาขายทางฝั่งไทย การสร้างเขื่อนน้ำงึมต้องเสียพื้นที่ป่าไปประมาณ 250 ตารางกิโลเมตร ภายในเขื่อนน้ำงึมมีเกาะเล็กเกาะน้อยกระจัดกระจายอยู่หลายร้อยเกาะ เหมือนอ่างเก็บน้ำทั่วๆ ไป และที่ท่าเรือบ้านนาคะนูนจะมีเรือของชาวบ้านให้เช่าออกไปเที่ยวตามเกาะแก่งต่างๆ ในอ่างเก็บน้ำพุร้อนชื่นชมธรรมชาติอันงดงามภายในอ่างเก็บน้ำ บริเวณท่าเรือมีร้านจำหน่ายอาหารที่นำปลาสดๆ ที่จับได้ในอ่างเก็บน้ำมาปรุงเป็นอาหาร ทั้งปลาเผา ลาบปลา และต้มปลา ให้บริการแก่นักท่องเที่ยวในราคาที่ย่อมเยา
เรารับประทานอาหารเที่งที่อร่อยที่นี่ อาหารประเภทปลาทั้งนั้น แถมด้วยกล้วยน้ำว้าเครือใหญ่ 1 เครือ เลยที่เดียว(เหมือนลิง....จัง) รับประทานอาหารเสร็จก็ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก แหม อยากส่งมาให้ดูเหมือนกัน แต่ไม่สวยเท่าไร อดใจไว้ดูครั้งต่อไป ละกัน........เดี๋ยวเราเดินทางต่อไปวังเวียงกัน.....การเดินทางไปวังเวียงระยะทางก็ไม่มากมาย แต่ด้วยถนนที่ไม่ธรรมดาเลยทำให้เราต้องมีอาการไปตามๆกัน....(ครั้งต่อไป เราจะเล่าให้ฟัง นะ ).....ยังมีต่อ