เมื่อเดือนที่ผ่านมา ได้มีโอกาสไปร่วมทำกิจกรรมการกุศล กับมูลนิธิเอกชนแห่งหนึ่ง จัดอบรมชั้นฟื้นฟูจิตให้กับประชาชนในท้องที่อำเภอห้วยแถลง จังหวัดนครราชสีมา มีประชาชนมาร่วมอบรมครั้งนี้ประมาณ ๖๐ คน
การอบรมครั้งนี้ มีวิทยากรมาจากจังหวัดสุรินทร์ มาร่วมบรรยายเกี่ยวกับธรรมะหลายหัวข้อ ได้แก่ ธรรมกับศาสนา กฎแห่งกรรม บำเพ็ญภายนอกและภายใน และวัตถุประสงค์ของการเผยแพร่ธรรม เป็นต้น
ผู้เขีนได้มีส่วนในการให้บริการต่าง ๆ ทางด้านอาหาร และเป็นวิทยากรเสริม และสรุปในบางหัวข้อ โดยเฉพาะหัวข้อ ธรรมะ กับ ศาสนาต่างกันอย่างไร เมื่อได้ฟังแล้วก็มีความเข้าใจมากขึ้น กล่าวคือ ศาสนานั้นจะต้องมีศาสดา มีศาสนธรรม ศาสนบุคคล ศาสนะวัตถุ และศาสนพิธี เป็นองค์ประกอบของแต่ละศาสนา ซึ่งเปรียบเสมือนเปลือก กระพี้ กิ่งก้าน สาขาของธรรมะ
แต่ธรรมะนั้นมีอยู่ดั่งเดิม แม้ศาสดาต่าง ๆ ไม่เกิดมา ก็มีธรรมะอยู่แล้ว เพียงแต่ศาสดาของศาสนาต่าง ๆ เป็นผู้ค้นพบและตรัสรู้ จึงนำเอาธรรมะนั้นออกมาเผยแพร่ ให้กับศาสนิกชนของตนธรรมะนั้นจะมีอยู่ทั้งภายในตัวคน และภายนอกตัวคน ถ้าอยู่ภายในตัวมนุษย์ของเราก็คือ พุทธจิตธรรมญาณของเรานั่นเอง ส่วนธรรมที่อยู่ภายนอกคือธรรมชาติ กฎของธรรมชาติ และสรรพสิ่งต่าง ๆ นั่นเอง
ธรรมชาติดั่งเดิมของดวงจิตเราจะมีความบริสุทธิ์ผุดผ่อง แต่เมื่อมาอยู่กับโลกนานเข้าทำให้เราหลงลืมจิตดั่งเดิม เนื่องจากมีกิเลส คือความโลภ ความโกรธ ความหลง เข้ามาครอบงำ ทำให้สภาพของจิตที่ใสบริสุทธิ์ เกิดความเศร้าหมอง เต็มไปด้วยความอยาก ความเห็นแก่ตัว และความหลง มีแต่ธรรมะเท่านั้นจะล้างความสกปรกของจิตดังกล่าวให้กลับสู่จิตเดิมแท้จริงได้
การให้ธรรมะของมูลนิธิดังกล่าว จึงเป็นโครงการที่ดี และเกิดประโยชน์ต่อประชาชน โดยไม่ต้องใช้งบประมาณของทางการ เพียงผู้มีจิตใจเป็นบุญกุศล มีฐานะพอมีอันจะกิน ช่วยเหลือกันใครมีเงินช่วยเงินและใครมีแรงก็ช่วยแรง ...การให้วิทยาธรรมเป็นทาน จึงชนะการให้ทั้งปวง...
มีกิจกรรมร้องเพลงธรรมะคลายเครียด มีอาหารเจให้ทานฟรี
แม่ครัวต่างช่วยกกันทำอาหารเลี้ยงผู้เข้ารับการอบรมด้วยจิตใจเบิกบานและรอยยิ้ม