กินอาหารเพิ่ม “คอลลาเจน”
- พออายุมากขึ้น คอลลาเจนใต้ผิวหนังลดลง ผิวพรรณก็เริ่มเหี่ยวย่น โดยเฉพาะบริเวณใบหน้าที่ปรากฏริ้วรอย ตีนกา อย่างชัดเจน ดังนั้นคนที่รักสวยรักงาม จึงพยายามสรรหาสารพัดวิธีเพื่อเพิ่มคอลลาเจนให้คงความเต่งตึงอยู่เสมอ
เกี่ยวกับเรื่องนี้ นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผอ. สถาบันเวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ บอกว่า คอลลาเจนเปรียบเสมือนโครงกระดูกของผิว พออายุมากขึ้น คอลลาเจนมักจะหายไป ทำให้เกิดริ้วรอย หรือตีนกา
“ความจริงคนเราไม่จำเป็นต้องไปกินคอลลาเจน
ที่เป็นขวดหรือเป็นเม็ด ซึ่งมีราคาแพงก็ได้”
ความจริงคนเราไม่จำเป็นต้องไปกินคอลลาเจนที่เป็นขวด หรือเป็นเม็ด ซึ่งมีราคาแพงก็ได้ เพราะกินเข้าไปแล้ว ก็โดนน้ำย่อยทำการย่อย หลังจากนั้นก็จะถ่ายออกมากลายเป็นปัสสาวะที่แสนแพง น่าเสียดายเปล่า ๆ
วิธีป้องกันการเสื่อมสลายของคอลลาเจน ง่าย ๆ คือ หลีกเลี่ยงอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาล ตัวการของความแก่ คนที่ไม่อยากแก่เร็วอย่ากินแป้งและน้ำตาลเยอะ หลีกเลี่ยงแสงยูวี เพราะจะทำให้คอลลาเจนรวน จับกันสะเปะสะปะ แทนที่จะยืดหยุ่นก็เป็นเสมือนยางที่เสื่อมสภาพ ทำให้เปราะและเหี่ยวง่าย ที่สำคัญควรรับประทานอาหารเติมคอลลาเจนให้กับร่างกาย
สำหรับอาหารที่มีคอลลาเจน เช่น ปลาทะเลน้ำลึก ปลาทู ปลากระเบน กระดูกปลาฉลาม ซึ่งคอลลาเจนจะพบในกระดูกของปลา หรือ พบบริเวณตาปลา มีลักษณะเป็นเหมือนวุ้น ๆ ใส ๆ หรือจะเอากระดูกอ่อนไก่ และหมูมาต้มน้ำซุปก็จะได้คอลลาเจนเช่นกัน
จะเห็นได้ว่าเวลาต้มขาหมู หรือต้มกระดูกหมู ข้น ๆ พอทิ้งไว้นาน ๆ จะกลายเป็นวุ้น นั่นแหละคือคอลลาเจน วิธีสังเกตว่าอันไหนไขมันอันไหนคอลลาเจน คือ ไขมันมักจะลอยอยู่ข้างบน ส่วนคอลลาเจนจะจมอยู่ข้างล่างเป็นวุ้นใส ๆ
ถ้ากลัวไม่กล้ากินคอลลาเจนจากสัตว์ ก็ยังมีคอลลาเจนจากพืชผัก ผลไม้ เช่น สาหร่ายทะเล เทา หรือเตา ซึ่งเป็นสาหร่ายน้ำจืด เห็ดทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นเข็มทอง เห็ดหูหนู หัวบุก ถั่วเหลือง แตงกวา ขึ้น ฉ่าย มะกอก ส้มโอ แก้วมังกร แอปเปิล แต่คอลลาเจนที่พบในพืชผัก ผลไม้ จะน้อยกว่าที่พบในสัตว์
ทั้งนี้คอลลาเจนที่ได้จากธรรมชาติจะสามารถดูดซึมได้ดี แต่ต้องมีวิตามินซีอยู่ด้วย ดังนั้นท่องจำไว้ให้ขึ้นใจว่า ถ้าเรากินคอลลาเจนเข้าไปเพียว ๆ โดยไม่กินอาหารที่มีวิตามินซีตามเข้าไปด้วย คอลลาเจนจะถูกน้ำย่อยสับ ๆๆๆ กลายเป็นกากออกมาหมด ถ้ากินเข้าไป 100 อาจจะเหลือแค่ 10
เพราะฉะนั้นถ้ากินคอลลาเจนจากสัตว์ หรือจากอาหารเสริม ที่ไม่มีวิตามินซี ก็ควรกินวิตามินซีร่วมด้วย เช่น กินผลไม้อย่าง ฝรั่ง หรือกินผักอย่างกระหล่ำปลีก็ได้ ส่วนผลไม้มีวิตามินซีอยู่แล้ว ก็จะช่วยดึงคอลลาเจนตัวมันเองเข้าไปด้วย
ไม่ยากเลยใช่มั้ยครับ สำหรับการเพิ่มคอลลาเจน ด้วยอาหารที่คุณหมอกฤษดา แนะนำ เพียงเท่านี้ริ้วรอย ตีนกา ก็จะมาเยือนท่านช้าลง.
ผักและผลไม้นานาชนิดที่วางขายกันอยู่ตามท้องตลาดนั้น ล้วนมีคุณประโยชน์มากมายที่ซ่อนอยู่ในตัวเอง แต่หลายคนอาจมองข้ามไป หรือมีวิธีการรับประทานที่ไม่ถูกวิธี จึงทำให้ไม่ได้คุณประโยชน์ที่ซ่อนอยู๋แบบเต็ม วันนี้มีข้อแนะนำสำหรับการรับประทานอาหารให้ได้ประโยชน์
เริ่มจาก "ผักคะน้า" ซึ่งเป็นผักหาง่ายในท้องตลาด ที่สำคัญคะน้าเป็นผักที่อุดมไปด้วยวิตามินซี วิตามินอี แคโรทีนอยด์ และโฟเลต นอกจากนี้ยังมีสาร " ลูทีน " ซึ่งเป็นสารสำคัญที่พบในเลนส์ตา จากงานวิจัยพบว่า การกินอาหารหรือพืชผักที่มีสารลูทีนสูง เช่น คะน้า จะช่วยลดโอกาสเสี่ยงของการเกิดโรคต้อกระจกลงได้ถึง 20% เมื่อเทียบกับคนที่ไม่กิน นอกจากนี้การกินคะน้าเป็นประจำ ยังช่วยลดอัตราการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ กระเพาะอาหาร ปอด และเต้านมอีกด้วย
ต่อด้วย "เห็ด" ซึ่งมีคุณสมบัติในการป้องกันกระดูกพรุน คนส่วนใหญ่ทราบดีว่าหากขาดวิตามินดีและแคลเซียม จะทำให้กระดูกไม่แข็งแรง ยิ่งอยู่ในวัยสูงอายุ ก็จะยิ่งเพิ่มอัตราความเสี่ยงในการเป็นโรคกระดูกพรุนได้ ล่าสุดนักวิจัยพบว่า การกินอาหารที่มีธาตุทองแดงเป็นประจำ จะช่วยเพิ่มความหนาแน่นของกระดูกได้ และการขาดธาตุทองแดงแม้เพียงเล็กน้อย ก็จะทำให้อาการกระดูกพรุนแย่ลงไปอีก ดังนั้นการกินอาหารที่มีธาตุทองแดงมาก เช่น เห็ด ปู กุ้งมังกร หอยนางรม ลูกพรุน ปลาซาร์ดีน จึงช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน และทำให้กระดูกแข็งแรงขึ้น
"แอ็ปเปิ้ล" การกินแอปเปิ้ลช่วยให้ปอดแข็งแรง ไม่ว่าจะกินแอปเปิ้ลเขียวหรือแดงก็ตาม เพราะในผลแอปเปิ้ลมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ชื่อ “เคอร์ซีทิน" สารตัวนี้จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปอดอย่างได้ผล นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดสมองอีกด้วย วิธีการกินแอปเปิ้ลให้ได้สารเคอร์ซีทีนมากที่สุดก็คือ ต้องกินผลสดทั้งเปลือก ซึ่งจะให้ได้รับสาร " เพกทิน " จากเปลือกแอปเปิลเพิ่มขึ้นด้วย สารเพกทินมีคุณสมบัติช่วยลดคอเลสเตอรอลในร่างกาย
ส่วนคุณสาวๆ ที่ต้องการลดน้ำหนักการกินแอปเปิ้ลจะช่วยให้อิ่มนาน ไม่รู้สึกหิว เพราะในแอปเปิ้ลมีคาร์โบไฮเดรตที่ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้ทันทีถึง 75% การกินแอปเปิ้ลสดได้ประโยชน์มากมาย
ปิดท้ายด้วย "องุ่น" ใครที่อยากเป็นหนุ่มเป็นสาวสองพันปี เรามีวิธีการชะลอความชราด้วยการกินผลไม้ที่หาง่ายๆ เช่น องุ่น และต้องเคี้ยวเมล็ดองุ่นด้วย เพราะในเมล็ดองุ่นมีสาร "โอพีซี" (oligomeric proanthocyanidin) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าวิตามินซีถึง 20 เท่า และสูงกว่าวิตามินอีถึง 50 เท่า
องุ่นจึงเป็นผลไม้ที่ช่วยรักษาสุขภาพจากภายในช่วยฟื้นฟูและบำรุงผิวพรรณให้ดูอ่อนกว่าวัยช่วยชะลอความชรา และเป็นสารต้านมะเร็งที่มีประสิทธิภาพสูง นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันโรคหัวใจและโรคที่เกี่ยวกับจอประสาทตาอีกด้วย
รู้อย่างนี้แล้วอย่ามองข้ามผักผลไม้ที่เห็นตามท้องตลาดหล่ะ