"ฟูจิซัง" สัญลักษณ์ที่สื่อถึงประเทศญี่ปุ่น สัญลักษณ์ที่มักใช้สื่อถึงประเทศญี่ปุ่นนอกจากดอกซากุระอันอ่อนหวานแล้ว ภาพของภูเขาสูงรูปทรงสวยงามมีหิมะปกคลุมอยู่บนยอดเขา ก็เป็นอีกภาพหนึ่งที่สื่อถึงดินแดนอาทิตย์อุทัยได้เป็นอย่างดี นั่นก็คือภาพของ "ฟูจิซัง" (Fujisan) หรือ "ภูเขาไฟฟูจิ" ภูเขาที่สูงเป็นอันดับหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น คือมีความสูง 3,776 เมตร (สูงกว่าดอยอินทนนท์ซึ่งเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในบ้านเรา 1,211 เมตรด้วยกัน) ภูเขาไฟฟูจิตั้งอยู่ระหว่างจังหวัดยามานาชิและจังหวัดชิซึโอกะ หรือทางตะวันตกของโตเกียว เมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งหากวันไหนท้องฟ้าปลอดโปร่งไร้เมฆหมอก เราก็จะสามารถมองเห็นฟูจิซังได้จากโตเกียวเลยทีเดียว อีกทั้งรอบๆภูเขาไฟยังมีทัศนียภาพอันงดงาม โดยบริเวณลาดเขาทางด้านเหนือจะมีทะเลสาบอยู่ 5 แห่ง ด้วยกัน (Fuji Five Lake) ได้แก่ ทะเลสาบคาวางุจิโกะ ยามานากาโกะ โมโตสุโกะ โชจิโกะ และไซโกะ งดงามทุกฤดูกาล ภายนอกแม้จะดูสงบนิ่ง แต่ภูเขาไฟฟูจิก็ยังไม่ดับสนิทเต็มที่ และถูกจัดให้อยู่ในลักษณะของภูเขาไฟที่มีโอกาสปะทุต่ำ โดยการระเบิดครั้งล่าสุดนั้นเกิดเมื่อ พ.ศ.2250 หรือเมื่อ 300 กว่าปีที่แล้ว แม้ภาพที่คุ้นตาของภูเขาไฟฟูจิจะเป็นภาพภูเขาที่มีหิมะปกคลุมอยู่บนยอด แต่ก็ใช่ว่าจะมีหิมะปกคลุมอยู่อย่างนั้นตลอดปี เพราะในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ซึ่งเป็นช่วงฤดูร้อนของประเทศญี่ปุ่นนั้น หิมะบนยอดเขาก็จะละลาย สภาพอากาศไม่รุนแรง อีกทั้งช่วงนี้ยังเป็น "ฤดูกาลปีนภูเขาไฟฟูจิ" ที่นักท่องเที่ยวจะสามารถขึ้นไปเยี่ยมเยือนภูเขาไฟฟูจิกันได้ถึงยอดเขาริมปากปล่องภูเขาไฟกันเลยทีเดียว แต่หากเป็นช่วงฤดูอื่นก็จะเที่ยวได้เพียงบางชั้น หรือต้องมีการขออนุญาตปีนขึ้นภูเขากันเป็นกรณีไป นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกต่างเดินทางมาพิชิตภูเขาไฟฟูจิ ชาวญี่ปุ่นถือว่า ครั้งหนึ่งในชีวิตจะต้องพยายามหาโอกาสปีนไปให้ถึงยอดภูเขาไฟฟูจิ หรือขึ้นไปชมพระอาทิตย์ขึ้นบนภูเขาไฟฟูจิให้ได้ ซึ่งก็ไม่เพียงแค่ชาวญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ยังมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่ชื่นชอบการปีนเขารวมแล้วกว่า 200,000 คน มาปีนภูเขาไฟฟูจิกันในแต่ละปี ฟังมาถึงตรงนี้ชักเริ่มอยากไปลองสัมผัสกับการปีนภูเขาไฟฟูจิกันแล้วใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นต้องไปเตรียมร่างกายกันไว้ให้พร้อมก่อน เพราะการเดินขึ้นให้ถึงยอดฟูจินั้นใช้เวลา 5-8 ชั่วโมงด้วยกัน คนที่ไม่คุ้นชินกับการป่ายปีนเขาก็ควรออกกำลังฟิตร่างกายเอาไว้ก่อนเดินทาง อีกทั้งบนยอดเขานั้นมีออกซิเจนเบาบาง ซึ่งจะทำให้เหนื่อยง่ายกว่าปกติมาก จึงควรตรวจเช็คสภาพร่างกายของตัวเองให้ดี ส่วนเรื่องเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายก็สำคัญ ควรเตรียมรองเท้าที่ใส่สบายและเหมาะกับการปีนเขา สภาพดีไม่ปากอ้าขณะเดินทาง ส่วนเสื้อผ้านั้นก็ควรเป็นแบบน้ำหนักเบา แต่ต้องเตรียมเสื้อกันหนาวและกันลมไว้ใส่ด้วย เพราะแม้จะเป็นฤดูร้อน แต่อากาศบนยอดเขานั้นหนาวเหน็บและลมแรงมากอีกด้วย ปากปล่องภูเขาไฟขนาดใหญ่ และหากอยากจะขึ้นไปชมพระอาทิตย์ขึ้นบนยอดเขา ก็ต้องเตรียมไฟฉายคาดหัวไว้ขณะปีนเขาตอนกลางคืนด้วย นอกจากนั้นแล้วก็เสบียงอาหารแล้วแต่จะอยากเอาอะไรไป แต่ก็อย่าให้หนักจนอยากจะเหวี่ยงเป้หลังทิ้งกลางทางก็แล้วกัน แต่จริงๆแล้วตามจุดแวะพักตามเส้นทางปีนเขาก็จะมีร้านอาหารให้บริการ แต่ราคาก็จะสูงขึ้นตามระดับน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน เอาล่ะ...คราวนี้ถ้าพร้อมแล้ว ไปลุยกันเลยดีกว่า! ภูเขาไฟฟูจิมีทั้งหมด 10 ชั้นด้วยกัน โชคดีที่ไม่ต้องเริ่มต้นปีนกันตั้งแต่ตีนเขา เพราะรถสามารถขึ้นมาบนภูเขาไฟฟูจิได้จนถึงชั้นที่ 5 เท่ากับว่าเหลือระยะทางที่ต้องเดินอีกประมาณไม่เกิน 1,500 เมตร แต่ด้วยทางเดินที่ซิกแซกไปตามไหล่เขาเพื่อลดความลาดชัน ก็ทำให้ระยะทางจริงที่ต้องเดินนั้นมากกว่า 1,500 เมตรอยู่ไกลโข แสงแรกแห่งวันบนภูเขาไฟฟูจิ ที่ชั้น 5 นี้ มีทั้งร้านอาหาร ร้านขายของฝากของที่ระลึก ซึ่งก็มีทั้งขนมที่ทำเป็นรูปภูเขาไฟฟูจิ รวมไปถึงอากาศจากยอดเขาฟูจิอัดกระป๋องขายก็ยังมี สำหรับคนที่มาเที่ยวเฉยๆไม่ได้ตั้งใจปีนให้ถึงยอดก็จะมาเที่ยวกันที่ชั้นนี้และซื้อของฝากกลับไป แต่สำหรับคนที่จะเดินกันต่อไปถึงยอดเขาก็มักจะซื้อไม้ค้ำ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ช่วยในการป่ายปีนหรือเอาไว้ค้ำยันยามหมดเรี่ยวหมดแรง อีกทั้งยังสามารถเป็นของที่ระลึกสำหรับตัวเองได้เป็นอย่างดี เพราะตามจุดแวะพักของแต่ละชั้นนั้นจะมีการประทับตราบนไม้ค้ำเป็นที่ระลึกให้ด้วย ส่วนมากแล้วหลายคนมักจะเริ่มต้นปีนเขากันในช่วงเย็นๆหรือค่ำๆ เพื่อจะได้ไปถึงยอดเขาในช่วงเช้ามืดเพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้นได้พอดี ทางเดินในช่วงแรกๆ นั้นจะยังพอมีสีเขียวๆของต้นไม้ใบหญ้าให้เห็นกันบ้าง แต่เมื่อเดินสูงขึ้นๆ พื้นดินจะกลายเป็นหินกรวดภูเขาไฟที่ทำให้เหนื่อยแรงเวลาเดินพอสมควร สภาพอากาศก็จะเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ บางช่วงจะมีฝนโปรยลงมา บางช่วงต้องเดินผ่านกลุ่มเมฆหมอกชื้นๆ ส่วนอุณหภูมิก็จะลดลงเรื่อยๆ ตามระดับความสูงที่เพิ่มขึ้น และที่แน่ๆคือเรี่ยวแรงก็จะเริ่มน้อยลงๆด้วยเช่นกัน แต่หากหยุดพักแล้วมองไปรอบๆ ตัวก็จะมองเห็นทิวทัศน์อันสวยงามแบบเหนือเมฆจากบนภูเขาไฟฟูจิที่อาจทำให้หายเหนื่อยได้ ภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น บนภูเขาไฟฟูจินี้เราก็จะได้เห็นเสาโทริ หรือประตูทางเข้าของวัดหรือศาลเจ้าในศาสนาชินโต ซึ่งก็เปรียบเหมือนประตูสวรรค์ เหตุที่มีเสาโทริอยู่บนภูเขาไฟนั้นก็เพราะบนยอดภูเขาไฟฟูจินั้นมีวัดตั้งอยู่นั่นเอง บริเวณจุดแวะพักที่ชั้น 7-9 นั้นจะมีที่พักตามจุดแวะพัก ซึ่งก็ถือว่าน่าสนใจไม่น้อย เพราะบางแห่งนั้นเรียกได้ว่าเป็นที่ซุกหัวนอนจริงๆ เพราะหน้าตาของที่นอนซึ่งทำเป็นสองชั้น มีหมอนหนุนใบไม่ใหญ่นักวางเรียงชิดกัน ซึ่งขนาดความกว้างของหมอนนั้นก็คือขนาดของพื้นที่ที่แต่ละคนจะได้ใช้นอนกันนั่นเอง แถมผ้าห่มก็ต้องห่มด้วยกันอีกต่างหาก แต่นักท่องเที่ยวก็ไม่มีใครบ่น เพราะขอแค่ได้นอนพักซัก 2-3 ชั่วโมงให้มีเรี่ยวแรงคืนมาก็พอแล้ว แถมที่นี่ยังมีบริการปลุกในตอนเช้ามืดเพื่อให้ไปชมพระอาทิตย์ขึ้นกันอีกด้วย พอได้เวลาประมาณ 4 นาฬิกา ก็ได้เวลาที่ทุกคนรอคอย พระอาทิตย์พระเอกของงานก็เริ่มจะส่งแสงแรกแห่งวันสาดส่องออกมา นักท่องเที่ยวจำนวนมากที่ปีนขึ้นไปจนถึงยอดแล้วก็จะปักหลักนั่งชมหรือถ่ายรูปกันไปเรื่อยๆ ส่วนคนที่กำลังปีนป่ายก็จะหยุดยืนชมพระอาทิตย์ขึ้นกันเหมือนมีมนต์สะกด และเมื่อพระอาทิตย์อวดโฉมออกมาให้เห็น ก็จะได้รับเสียงปรบมือต้อนรับจากนักท่องเที่ยวอย่างอบอุ่น เสาโทริบนภูเขาไฟฟูจิ พอพระอาทิตย์ขึ้นแล้วความเหน็บหนาวก็เริ่มจางหาย พร้อมกับที่เราสามารถเดินชมสิ่งต่างๆบนยอดเขาได้ ไม่ว่าจะเป็นวัดบนยอดเขา ที่สามารถเข้าไปขอพรหรือเสี่ยงเซียมซีกันได้ หรือจะชมปากปล่องภูเขาไฟที่มีขนาดมโหฬารและลึกนับร้อยเมตร มองเห็นชั้นหินของภูเขาไฟได้ หากใครอยากเดินชมให้รอบปากปล่องก็จะใช้เวลาเป็นชั่วโมงเลยทีเดียว นอกจากนั้นแล้วด้านบนนี้ก็ยังมีสถานีตรวจวัดสภาพอากาศอยู่ด้วยเช่นกัน แม้จะเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าสักเพียงใด แต่ความภาคภูมิใจของการได้พิชิตภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ได้ชมแสงแรกของพระอาทิตย์ในดินแดนอาทิตย์อุทัย ก็เชื่อว่าหลายคนคงยอมเหนื่อย เพราะความประทับใจที่ได้รับจาก "ฟูจิซัง" นั้นมีมากมายเสียเหลือเกิน * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * สอบถามรายละเอียดและข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับการท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่นได้ที่ องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจะมีทั้งข้อมูลข่าวสาร รวมทั้งเอกสาร แผนที่ของสถานที่ท่องเที่ยว อีกทั้งแนะนำที่พักในญี่ปุ่น โทรศัพท์ 0-2233-5108, 0-2235-3321
ที่มา ASTVผู้จัดการออนไลน์ โดย : แมวลาย
โพสต์โดยสมาชิกหมายเลข 2614 วันที่ 6 ก.ค. 2552
ครูบ้านนอก
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡
สนามเด็กเล่น แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย
นำข่าวครูบ้านนอกไปติดเว็บ
ครูบ้านนอกดอทคอม
เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย
© 2000-2020 Kroobannok.com All rights reserved.
ครูบ้านนอกดอทคอม การจัดอันดับของ Truehits Web Directory
ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ
เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548
Email : kornkham@hotmail.com Tel : 096-7158383