ผมตัดสินใจไปสวนป่าในวันที่รายงานตัวที่สถาบันพระปกเกล้า ที่นั่นลุงเอก พ่อครูบา พี่บ่าวนายช่างใหญ่ และน้องเอก รออยู่ที่ร้านรางชาง ผมทานอาหารเสร็จก็รอพี่หมอเจ๊กับคณะจากกระบี่ที่จะมารับพ่อครูบาที่สถาบัน ความจริงพี่หมอเจ๊คุยกับผมก่อนแล้ว บอกให้ไปช่วยกันทำงานแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับนักศึกษาแพทย์จากมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีแต่ผมยังแบ่งรับแบ่งสู้อยู่ แต่พี่หมอเจ๊บอกว่ารถตู้ทั้งคันมากันแค่ห้าคน ก็เลยใจง่ายแบบลุงเอก อิอิ
ระหว่างทางพ่อคนขับนึกว่าเราจะไปสุโขทัย พาออกไปทางนครสวรรค์เพราะเขาเขียนแผนที่มาแล้ว ผมเห็นแผนที่ที่เขาวางหน้ารถก็ไม่นึกอะไร แต่พอพ่อครูพับโน้ตบุ๊คเงยหน้าไปมองข้างทาง หงิกเลย ฮ่าๆๆมันเลยทางแยกไปบางปะอินไป ๕๐ กว่าโล ให้รถเลี้ยวกลับดูเมืองโบราณเพลินๆ และหลังจากนั้นเราไปกันเรื่อยๆจนเหลือระยะทางจะถึงบุรีรัมย์ประมาณ ๘๐ กว่ากิโล คนขับบอกว่าไม่ไหวแล้วจอดรถผมก็เลยได้ขึ้นไปทำหน้าที่คนขับจนเข้าไปถึงสวนป่ามหาชีวาลัย เมื่อเวลาประมาณตีสอง โม้ได้เลยว่าขับรถไปจนถึงสวนป่า ฮ่าๆ
ป้าจุ๋มรอเราอยู่มีบ๊ะจ่าง ข้าวต้มมัด น้ำชา รอพวกเราอยู่ กอดกันนั่งโม้กันจนเกือบตีสามแยกย้ายกันไปนอน จนเวลาประมาณ ๖ โมงเช้าผมตื่นแต่รู้สึกเงียบๆมีเสียงนกรอบๆ น่านอนต่อแต่นอนได้อีกนิดหนึ่งก็เข้าห้องน้ำ อาบน้ำแต่งตัวลงมาข้างล่าง ก็เจอน้าอึ่ง คุณหมอชอบวิ่ง มาถึงแล้วก็ไล่กอดกันอย่างอบอุ่น พ่อครู พี่หมอเจ๊ ทีมพี่หมอเจ๊ ป้าจุ๋ม เขาตื่นกันแล้ว ทานข้าว(กล้อง)ต้ม หอมอร่อยมาก ฟาดเสียสองชาม เพราะรู้อยู่ว่าเดี๋ยวพ่อครูคงพาเราไปเดิน สักพักผมกับป้าจุ๋มไปเดินเล่นกันก่อน ป้าจุ๋มพาไปดูแปลงสมุนไพร แปลงงานวิจัยของป้าจุ๋ม น่าสนใจมาก ผมไปดูกวาวเครือขาว ไพล กระชายดำ เอกมหาชัย ป้าจุ๋มชี้ให้ดูต้นสำโรง ผมหันไปเห็นต้นแป๊ะตำปึงกับหว่านง็อก โอ้โฮ ผมว่าบ้านผมใบใหญ่กว่าชาวบ้านแล้ว ฮว่านง็อกของพ่อครูใบยาวกว่าฝ่ามือผมอีก ผมเด็ดกินเสียสี่ห้าใบ
ผมสังเกตเห็นใบไม้มันเกี่ยวพันกันตามธรรมชาติ มันพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันและมันมีความงามตามธรรมชาติ และความงามของสวนป่ามันมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก แต่สังเกตได้ว่าไม้ในสวนป่ามันพึ่งพาอาศัยกันเอง และในที่สุดก็หายสงสัยเมื่อครูบาพาเราไปปลูกต้นไม้ ผมได้ปลูกต้นเอกมหาชัยที่ป้าจุมนำมาจำนวนมาก เอาเมล็ดมาตั้งแปดหมื่น ให้ผมมาอีก ๙๙๙ เมล็ด กับต้นอ่อนอีกจำนวนเท่าไหร่ไม่ได้นับและที่กล่องป้าจุ๋มทำไว้เท่ห์มาก ต้องเห็นเองครับ ตอนแรกป้าจุ๋มไม่รู้ว่าผมจะไปสวนป่าจึงทำใส่กล่องฝากพี่หมอเจ๊ไปให้ อิอิ
พ่อครูพูดถึงต้นไม้ว่าต้นไม้ทุกต้นมันมีประโยชน์ ใครที่บอกว่าต้นยูคาลิปตัสไม่ดีทำให้ดินเสีย พ่อครูจะเถียงหัวชนฝา เพราะเขาใช้ประโยชน์จากมันไม่เป็นต่างหาก ยูคาลิปตัสมีหลายสายพันธุ์เราต้องเลือกสายพันธุ์ดีๆมาปลูก แต่พันธุ์ที่มีทั่วไปก็มีประโยชน์ปลุกมันขึ้นมาก่อนเพื่อให้มันเป็นร่มเงา แล้วไม้อื่นก็จะขึ้นตาม เพราะนี่มันเป็นธรรมชาติที่พันเกี่ยวกัน อิสานที่ว่าแห้งแล้งเมื่อมีต้นไม้มันก็จะพลิกวิญญาณป่าขึ้นมา ผมสังเกตดูดินที่สวนป่านิ่มมือมาก เพราะที่นั้นใช้ปุ๋ยธรรมชาติ เดินไปตามสวนก็มีขี้วัว ขี้ไก่ ใบไม้ หญ้า ไก่ต๊อกเดินกันเป็นฝูงๆ พ่อครูชี้ให้ดูไก่ต๊อกสองตัวที่มาเลียบเคียงดูลาดเลาว่าพวกเราจะรบกวนไข่ของมันไหม แล้วฝูงจะมาล่อหลอกให้เราตามไปดูมันอีกทาง นี่คือวิชาเอาตัวรอดที่ได้เรียนรู้กับไก่ต๊อก อิอิ
เราเดินในสวนอย่างไม่รู้เบื่อเพราะจริตเราชอบอย่างนั้น ดูต้นไม้ด้วยความเพลิดเพลินจำเริญใจ มีไม้หลากสายพันธุ์ให้เราดู เพราะที่สวนป่าปลูกป่า จึงมีความร่มเย็น ผู้คนในสวนป่ามหาชีวาลัยจึงสงบเย็น ได้ผลลิตมาเป็นอาหาร ขายเป็นรายได้ โดยมีการวางแผนปลูกพืชที่สร้างรายได้ระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาว เช่น ปลูกไม้พื้นล่างเป็นพืชเศรษฐกิจระยะสั้น ไม้ระดับรองเป็นพืชเศรษฐกิจระยะกลางเช่นไผ่หมาจู ไผ่กิมซุง ไผ่ต่างๆ ไม้ระดับบนเช่น พวกยูคาลิป ขี้เหล็ก ตะเคียนทอง เป็นไม้เศรษฐกิจระยะยาว เป็นต้น ในพืชต่างๆที่ปลูกมันเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน และยังได้ความรู้มาอีกว่าไม้ที่เป็นญาติกันก็จะสานสัมพันธ์ความเป็นญาติได้ด้วยดี เช่น มะสัง มะนาว มะกรูด ส้มต่างๆเช่น ส้มโอ ส้มแป้น สามารถเอาเสียบยอดที่ต้นมะสังเป็นต้นไม้แฟนซีได้ ต้นมะสังจึงสามารถออกลูกเป็นส้มโอกิ่งหนึ่ง ส้มจี๊ดกิ่งหนึ่ง มะนาวกิ่งหนึ่ง มะกรูดกิ่งหนึ่ง หากมีเวลาทำงานรวยไม่รู้เรื่อง พ่อครูบาไม่รวยเพราะมัวแต่รับแขก ฮา....
ตรงนี้ผมได้คำตอบลึกในใจ อ๋อ มันเป็นอย่างนี้เอง พ่อครูบาเปรียบเหมือนต้นมะสังต้นใหญ่ ที่ลุงเอกเข้ามาเสียบยอดแตกเป็นไม้อีกพันธุ์หนึ่งแต่มีสายพันธุ์เดิมเดียวกัน แล้วพวกเราก็ต่างเอากิ่งพันธุ์ของพวกเราที่มาจากหลากหลายสาขามาเสียบยอดคนละยอดสองยอด จนต้นไม้มะสังพันธุ์ G2K พันธุ์ไร้สาระศาสตร์ แตกกิ่งสมบูรณ์ แล้วพันธุ์ใหม่ๆในตระกูลเดียวกันก็แตกกิ่งก้านสาขาจนนับไม่ถ้วนแล้วว่าขณะนี้ต้นมะสังต้นนี้มีกี่พันธุ์ในต้นเดียวกัน เป็นมะสังแบบใหม่ของโลกที่ชื่อว่าพันธุ์เฮฮาศาสตร์ และมันกำลังโตวันโตคืนเพราะมันช่วยเหลือเกื้อกูลกัน มันมีไม้ร่ม ไม้ใบ ไม้ผล ไม้ประดับ รวมอยู่หลากหลาย ยิ่งมันแตกกิ่งก้านขยายมากมายไปเท่าไหร่ ความร่มเย็นก็จะแผ่ไกลออกไปเรื่อยๆ นี่คือความลับที่ซุกซ่อนอยู่ในสวนป่ามหาชีวาลัย ใช่ไหมพ่อครู.....อิอิอิ
คนปลูกต้นไม้ ต้นไม้ก็ให้ผลตอบแทนแก่คน นี่คือธรรมชาติ เมื่อคนทำลายต้นไม้ ทำลายธรรมชาติ ธรรมชาติก็เอาคืนโดยสร้างความเดือดร้อนให้คน สรรพสิ่งล้วนพันเกี่ยวจริงๆ ครับ