ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมเรื่องราวจากสมาชิก  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

ไม่อยากเป็นคนแก่กำพร้า...วันหยุดยาว อ่านข่าวนี้ครับ


เรื่องราวจากสมาชิก เปิดอ่าน : 7,133 ครั้ง
Advertisement

ไม่อยากเป็นคนแก่กำพร้า...วันหยุดยาว อ่านข่าวนี้ครับ

Advertisement

 นานาสาระน่ารู้
 
  ทำยังไง จึงจะไม่เป็น "คนแก่กำพร้า" 
 


 

             ทุกปีในช่วงเทศกาลวันหยุดสำคัญโดยเฉพาะขึ้นปีใหม่ สงกรานต์(เข้าพรรษา) พี่น้องชาวไทยแทบทุกภาคซึ่งไปทำงานหรือ   ตั้งรกรากในเมืองใหญ่ๆ ห่างไกลจาก บ้านเกิด ไม่เว้นแม้แต่ต่างถิ่น ต่างประเทศสุดหล้าฟ้าเขียว ต่างก็พร้อมใจกันดิ้นรนถ่อสังขารข้ามน้ำข้ามทะเลกลับสู่ภูมิลำเนาเดิม เพื่อเยี่ยมเยียนพ่อ แม่ ญาติพี่น้องและผู้ที่เคารพนับถือกันอย่างคับคั่ง รถราติดหนับยาวเหยียด วินาศสันตะโร เป็นบรรยากาศที่สะท้อนให้เห็นถึงความรัก  ในถิ่นฐานบ้านเกิดและสายใยในครอบครัวไทยที่ยังคงเหนียวแน่นยาวนาน แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจจะบีบคั้น และแข่งขันกันอย่างรุนแรงขึ้นทุกวันในสังคมก็ตาม

             แต่ถึงกระนั้น ก็ยังมี ผู้สูงอายุในหลายๆ ครอบครัวกลายเป็น “คนแก่กำพร้า ที่ลูกหลานหายเข้ากลีบเมฆไปหมด ไม่มาเยี่ยมเยียน จนเหมือนกับถูกทอดทิ้ง ทั้งที่เคยมีลูกหลานอยู่ในบ้านมากมาย ดังที่ในโทรทัศน์เคยมีโฆษณาของสินค้ายี่ห้อหนึ่ง มีประโยคคำถามผู้ชมว่า

             “นานเท่าใดแล้วที่ค ุณยังไม่ได้ไปเยี่ยมคนที่รักและห่วงใยคุณ”

             ทำไมผู้เฒ่าเหล่านั้น จึงโดนลอย-แพให้แห้งเหี่ยว หงอยเหงา ตั้งตาคอย การกลับมาของลูกหลานทุกวี่วัน แต่แล้ว ก็ต้องรอเก้อ มิหนำซ้ำบางรายยังต้องเผชิญกับชะตากรรมอันเลวร้ายแต่เพียงลำพัง บางคนโชคดีก็ยังพอมีเพื่อนบ้านเมตตา สงสาร คอยช่วยเหลือเกื้อกูลบ้างไปตามมีตามเกิด

             น่าแปลกที่พ่อแม่หลายคนกลับไม่เข้าใจว่าทำไมลูกหลานจึงพากันหมาง-เมินพวกตน แม้แต่องค์กรประชาสง-เคราะห์ของภาครัฐและเอกชนก็ทำเป็นงง ยื่นมือเข้าช่วยเหลือผู้สูงอายุไปตามสภาพ แต่ก็ไม่วายประสานเสียง รุมสวดลูกหลานเสียยับเยินว่า อกตัญญู บ้างก็สงสัยว่า  คุณค่าของผู้สูงอายุในสายตาของลูกหลานหมดไปแล้วหรืออย่างไร

             อย่างไรก็ดี สังคมก็ยังพอจะมีความเป็นธรรมอยู่ จึงได้สรุปเข้าข้างฝ่ายลูกหลานให้ใจชื้นขึ้นบ้างว่า เป็นเพราะความยากจนไว้ก่อน ซึ่งก็เป็นความจริง อยู่ไม่น้อย แม้จะไม่ค่อยได้ยินเสียงตอบกลับจากลูกหลาน เพราะถูกกลบไว้หมด  ก็ตามที แต่หากจะมองให้ลึกลงไปก็จะพบว่า แท้จริงแล้ว สาเหตุใหญ่นั้น ไม่ได้เกิดจากลูกหลานและความยากจนแต่เพียงอย่างเดียว แต่มาจากตัวผู้สูงอายุเองด้วย

             ทั้งนี้ เนื่องจากพฤติกรรมของลูกหลาน ก็ล้วนได้รับการสั่งสมมาจาก การ อบรมเลี้ยงดู และถ่ายทอดแบบอย่างอุปนิสัยใจคอต่างๆ มาจากท่านแทบทั้งสิ้นดังนั้น หากพ่อ แม่หรือผู้สูงอายุทั้งหลาย ต้องการจะใช้ชีวิตยามชราให้มีความสุข อบอุ่น แวดล้อมไปด้วยลูกหลานที่อยากอยู่กับท่าน และไม่อยากถูกลูกหลานทอ ดทิ้งให้กลายเป็น “คนแก่กำพร้าละก็ จงรับฟังเหตุผลและข้อพึงปฏิบัติ ในวันนี้ไว้เถิด

 

             1.จงกตัญญูรู้คุณต่อบุพการีและผู้มีพระคุณ

             หากเมื่อท่านอยู่ในวัยหนุ่ม-สาว ท่านไม่เอาใจใส่ดูแล ปู่ ย่า ตา ยาย พ่อ แม่ และญาติพี่น้องตามสมควรแก่ฐานะ  แถมยังนินทากาเล ว่าร้ายท่านต่างๆ นานา ทั้งที่บุพการีมีพระคุณอย่างมาก ต่อท่านเสมอมา รวมถึงท่านเป็นคนหน้า-ไหว้หลังหลอก ไม่คิดจะตอบแทนผู้มี พระคุณที่เคยมีเมตตาให้ความช่วยเหลือครอบครัวของท่าน ไม่ว่าจะเป็น เงินทอง แรงกายและกำลังใจ ให้ลูกหลานได้เห็นการที่ท่านไม่ปลูกฝังสั่งสอนลูกหลานให้มีความกตัญญูกตเวที เช่นนี้ ก็จะทำให้ลูกหลานมีจิตใจแข็งกระด้าง ไม่มีจิตสำนึกรับผิด-ชอบชั่วดี กระทั่งเห็นการอกตัญญูเป็นเรื่องธรรมดา 

             อีกทั้งลูกหลานหลายคนต่างก็มี จิตวิญญาณที่เป็นของตัวเอง พวกเขาอาจจะมีจิตใจใฝ่กุศล ไม่ชอบใจการกระทำของท่านอยู่เงียบๆ ก็ได้ เมื่อสบโอกาสก็จะตีตัวออกห่างจากท่านไปทันที ที่สำคัญการที่ท่านก่อกรรมทำเข็ญไว้กับบุพการี และผู้มีพระคุณ ไม่เว้นแม่แต่สัตว์ใหญ่-น้อย ก็อาจจะเป็นเหตุให้ท่านประสบเคราะห์กรรม ลูกหลานลาโลกไปหมด ก่อนท่าน หรือต้องมีเหตุให้มาดูแลท่านไม่ได้ เช่น เจ็บป่วยหรือพิการ เป็นกง-กรรมกงเกวียน จากการอกตัญญูของท่านนั่นเอง

 

             2.อย่าเลี้ยงดูลูกหลานด้วย  โทสะและโมหะจริต

             การที่ท่านโมโห หุนหันและดุด่ากระทั่งลืมตัวลงไม้ลงมือ ระบายอารมณ์กับลูกหลาน แล้วแก้ตัวแบบน้ำขุ่นๆ ว่า “จน เครียด กินเหล้า” ลูกหลานก็จะมี จิตใจที่แข็งกระด้าง ขาดความเคารพนับถือ และไม่อยากเข้าใกล้คนใจคอโหด-ร้ายอย่างท่าน เพราะกลัวการลงโทษ อย่างรุนแรง หรือแม้ท่านจะมีฐานะทางเศรษฐกิจดี แต่ท่านเข้มงวดกวดขัน ก้าวก่ายในชีวิตส่วนตัวของเขามากเกินไป ชอบพูดจาสบประมาท ตราหน้าลูกหลานว่า เอาดีไม่ได้ ไม่เอาไหน ไม่เอาถ่าน” เปรียบเทียบกับพี่น้องคนอื่นอยู่เป็นนิจสิน

             การใช้วาจาทำร้ายจิตใจกันเช่นนี้  ก็ถือเป็นความรุนแรงในครอบครัวที่สำคัญอย่างหนึ่ง ที่ล้วนแล้วแต่มีผลให้ลูกหลานเกิดความกดดัน ความคับข้องใจที่สะสมไว้ภายในใจ ทำให้ลูกหลานไม่ค่อยอยากจะเข้าใกล้ท่าน เพราะกลัวจะเผลอตัวทำร้ายท่านเสียเองก็ได้ จึงทำตัวเหินห่างท่าน เพื่อความปลอดภัยไว้ก่อน 

             ท่านจะต้องอบรมเลี้ยงดูลูกหลานด้วยความรัก ความเมตตา มีเหตุผลเพื่อหล่อเลี้ยงจิตใจ และจิตวิญญาณของเขา เพื่อให้เขาเป็นคนอ่อนโยนแต่ไม่ อ่อนแอ มีความรับผิดชอบชั่ว-ดี มีสัมมา-คารวะผู้หลักผู้ใหญ่เสียแต่บัดนี้ ท่านจะได้ไม่ต้องเสียเวลา เสียเงินทอง และปวดสมอง คอยแก้ปัญหา ของพวกเขา ให้ท่านต้องเสียใจ ช้ำใจภายหลัง และยังเป็นการช่วยเหลือสังคมอีกด้วย ที่สำคัญอย่าสร้างภาวะ “คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก” ให้กับลูกหลาน แม้ท่านเองก็ไม่ต้องการ เพราะบาดแผลทางใจนั้น ถึงจะมองไม่เห็นก็จริง แต่หมอฝีมือดีหลายสำนักยังสารภาพว่า จนปัญญาจะรักษา  ให้คืนสภาพดีได้ เหมือนกับบาดแผลทางกายมากมายนัก

 

          3.มีความยุติธรรม

             พ่อแม่หลายรายคิดแต่เพียงว่าจะเลี้ยงลูก ปกครองลูกอย่างไรก็ได้ หารู้-ไม่ว่า ความยุติธรรมนั้น เป็นสิ่งแรกที่จะสร้างความสามัคคีให้ครอบครัวมีความสุขอย่างมั่นคง

             หากท่านรักลูกไม่เท่ากัน มีความลำเอียง โอ๋แต่ลูกรัก ถือคติ “ลูกรักไว้  ข้างหลัง ลูกชังไว้ข้างหน้า” ใช้แต่ลูกชัง  ให้ไปเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายหัวปักหัวปำอยู่คนเดียว หรือหากท่านไม่ลงโทษคนผิดก็เท่ากับเป็นการลงโทษคนดี จะทำให้ลูกที่ประพฤติดีขาดขวัญและกำลังใจ

             ท่านอย่าได้ลงโทษลูกส่งเดชอ้างแต่ว่าพี่ต้องยอมน้อง หรือน้องต้องเคารพพี่ท่าเดียว ต้องแยกแยะถูก-ผิดด้วย อีกทั้งมีพ่อ แม่หลายรายคิดง่ายๆ ว่า             ขณะที่ลูกบางคนค้างคาคาน เพราะทัศนคติที่ไม่ดีของตัวเอง หรือแต่งงานแล้วยังอยู่กงสีกับพ่อแม่ แถมยังเอาหลานอีกเป็นพรวนเข้ามาช่วยกินช่วยใช้พ่อ แม่กลับเห็นว่าดี ยกมรดกให้มากกว่าใคร ถือว่าเป็นคนในบ้าน ทั้งที่เป็นการเบียดเบียนพ่อ แม่ เอาเปรียบพี่น้อง   คนอื่น หรือลูกคนไหนที่ไม่มีหลานให้ก็แบ่งมรดกให้น้อยกว่าคนอื่น อ้างว่าจะเอาไปทำไมมากมาย ทั้งที่จริงเขาควรได้มาก เพราะไม่มีลูกดูแลยามชราเช่นกัน แต่ถึงเวลา กลับเรียกร้องให้ลูกที่แยกครอบครัวหรือแยกไปอยู่ตามลำพังแล้วมาดูแล เอาอกเอาใจอยู่ข้างเดียว

             การทำอย่างนี้ก็เท่ากับสร้างความแตกแยกและบั่นทอนขวัญกำลังใจ จนลูกหลานหลายคนไม่อยากกลับมาหาท่าน นั่นเอง 

       

             4.มีสัจจะและมีความหวังดีต่อลูกหลาน   

             อย่าคิดว่าเป็นพ่อแม่แล้วจะโกหกลูกอย่างไรก็ได้ ไม่เห็นจะเสียหายตรงไหน (ยกเว้น โกหกเพื่อปกป้องหรือให้ลูกสบาย-ใจ) อย่าปากพล่อย แกล้งให้ความหวังกับลูกแบบ “เคาะกะลาให้หมาดีใจ”

             ท่านอาจจะทำเช่นนี้ได้ เมื่อพวกเขายังเล็กอยู่ เพราะเขาจับไม่ได้ไล่ไม่ทันท่าน แต่เมื่อพวกเขาโตแล้ว หรือแต่งงานแยกครอบครัวไป ก็ย่อมแยกแยะเท็จ-จริงออกได้ภายหลัง จะทำให้พวกเขาเห็นท่านเป็นคนสับปลับ กลับกลอก จนขาดความนับถือ ความศรัทธา เลยทำตัวเหินห่างจากท่าน โดยเฉพาะอย่าได้หลอก หรือโน้มน้าวลูกให้อยู่เป็นโสดคาคาน แล้วเอามรดกมาต่อรองเพื่อดึงเขาไว้ให้อยู่เป็นเพื่อนท่านเลย จะเป็นการทำร้ายและทำลายอนาคตของลูกอย่างร้ายแรง ดีไม่ดีท่านเองจะสูญสิ้นตระกูลเสียเอง

             ท่านอย่ากังวลเลยว่าจะไม่มีใครมาเลี้ยงดูยามท่านชรา แล้วเอามรดกมาเป็นเครื่องต่อรอง การเหนี่ยวรั้งและไม่ให้  เงินทองเขาใช้นั่นแหละ เขาจะเผ่นหนี ออกจากบ้านไปหาอนาคตข้างหน้าดีกว่าเสียเวลาเฝ้าสมบัติของท่านอีก 30 ปีให้เหงือกแห้ง เพราะลูกหลาน ไม่ใช่สัตว์ทดลองอย่างพวก หมา แมว และหนู ที่นักจิตวิทยาฝรั่งขังไว้ให้หิว  แล้วเอาอาหารมาหลอกล่อ เพื่อให้ทำตามต้องการ แต่ลูกหลานเขาเป็นคน มีทั้งจิตใจ จิตวิญญาณ มีสติปัญญา มีอิสระมีศักดิ์ศรี ทำมาหากินเองได้ 

             คนโบราณมีกุศโลบายในการผูกใจคนให้ได้ผลว่า “จำคนเพื่อใจหวานต่างปลอก จำโลกนี้นั้นแล้ แต่ด้วยไมตรี” (คิดผูกคนต้องใช้น้ำใจ คิดผูกคนทั้งโลก ก็ผูกได้ ถ้าใช้ไมตรี)

             การที่ลูกหลานไปหากินเอง จึงไม่ค่อยมีเวลาและโอกาสกลับมาหาท่านได้ง่ายๆ นั่นเอง หากท่านส่งเสริมเขา บางทีเขาอาจหาทรัพย์สิน เงินทองได้มากกว่าของท่าน และเผื่อแผ่มาถึงท่านอีกก็ได้ แถมยังพา ลูกเขย ลูกสะใภ้ ลูกหลานอีกเป็นโขยง กลับมาอยู่เป็นเพื่อนท่าน  ทำให้บ้านช่องของท่านกลับมาคึกคักมีชีวิตชีวา ไม่เงียบเหงาอีกด้วย

  

             5.วางตัวให้เหมาะสมกับเป็น ผู้ใหญ่ และอยู่ในศีลธรรม  

             ท่านจะต้องทำตัวเป็นพ่อแม่ที่ดี อยู่ในศีลธรรม เพื่อให้ลูกหลานเคารพ  นับถือ ไม่ใช่ผมหงอกแล้วยังทำตัวเป็น เฒ่าหัวงู เฒ่าฮาร์ท เฒ่าทารก เป็นพ่อยกแม่ยก แจกเงินทองคนอื่นไปเรื่อย เด็กมันจะถอนผมหงอกเอา หรือมีเรื่องอื้อฉาวคาวโลกีย์ เป็นข่าวครึกโครมให้ลูกหลานแทบต้องเอาปี๊บคลุมหัว ยกมือไหว้ไม่ลง จนต้องเปลี่ยนชื่อ-นามสกุลหนีความ   อับอาย  

             ท่านจะต้องทำดีกับลูกหลาน    ในบ้าน ให้พวกเขาเคารพนับถือในตัวท่านเสียก่อน แล้วท่านจึงค่อยไปสงเคราะห์ คนอื่น และถ้าท่านไม่พอใจลูกหลาน   คนไหน ก็ไม่ควรจะ “สาวไส้ให้กากิน” โดยเอาเรื่องราวส่วนตัวของลูกหลาน เที่ยวไปโพนทะนา เล่าให้คนภายนอกฟัง จนลูกหลานถูกมองไปในทางเสียหาย หมดความน่าเชื่อถือ จะทำให้พวกเขาเห็นท่านเป็นเฒ่าอันตราย สร้างมลพิษที่อยู่ใกล้ด้วยไม่ได้ มีตัวอย่างมาแล้วที่ลูกหลานจำต้องทิ้งพ่อแม่ไว้ที่บ้านเดิม หรือนำไปฝากไว้ที่บ้านพักคนชรา เพื่อรักษาครอบครัวของเขาไว้

                         ....................................

            ตัดตอนจากส่วนหนึ่ง  "ทำยังไง จึงจะไม่เป็น "คนแก่กำพร้า"    โดย  คุณปราบ  ไตรภพ  จากคู้สร้างคู่สม ปีที่ 28 ฉบับที่ 563

                                            ขอบพระคุณครับ                   

 

     ขอทุกท่านจงพบ สุข สะอาด สว่างสดใส จิตใจสงบ  พบสิ่งที่ดี ๆ ตลอด พรรษานี้ ครับ
                           ด้วยความปรารถนาดีจาก  ครูหนู  ครับ

โพสต์โดยสมาชิกหมายเลข 2614 วันที่ 5 ก.ค. 2552


ไม่อยากเป็นคนแก่กำพร้า...วันหยุดยาว อ่านข่าวนี้ครับไม่อยากเป็นคนแก่กำพร้า...วันหยุดยาวอ่านข่าวนี้ครับ

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

สื่อการสอนภาษาอังกฤษ(8)

สื่อการสอนภาษาอังกฤษ(8)


เปิดอ่าน 7,127 ครั้ง
เคล็ดลับเอาไว้เขียน E-mail

เคล็ดลับเอาไว้เขียน E-mail


เปิดอ่าน 7,154 ครั้ง
เพิ่มสวย....ด้วยขมิ้นสด

เพิ่มสวย....ด้วยขมิ้นสด


เปิดอ่าน 7,129 ครั้ง
ทำปรือกันดีละพี่น้อง

ทำปรือกันดีละพี่น้อง


เปิดอ่าน 7,134 ครั้ง

:: เรื่องปักหมุด ::

สัดส่วนสวยๆ รูปร่างดีๆ ใครก็อยากได้.... แต่ต้องทำยังไง?

สัดส่วนสวยๆ รูปร่างดีๆ ใครก็อยากได้.... แต่ต้องทำยังไง?

เปิดอ่าน 7,129 ☕ คลิกอ่านเลย

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
รู้ได้อย่างไร..... ว่าเราแพ้เครื่องสำอาง
รู้ได้อย่างไร..... ว่าเราแพ้เครื่องสำอาง
เปิดอ่าน 7,127 ☕ คลิกอ่านเลย

บทคัดย่องานวิจัย
บทคัดย่องานวิจัย
เปิดอ่าน 7,130 ☕ คลิกอ่านเลย

20 สุดยอด    ทิปคอมพิวเตอร์
20 สุดยอด ทิปคอมพิวเตอร์
เปิดอ่าน 7,131 ☕ คลิกอ่านเลย

จดโดเมนฟรี .tk+เอาโฆษณาออก+สร้างอีเมล์ @domain.tk ครับ
จดโดเมนฟรี .tk+เอาโฆษณาออก+สร้างอีเมล์ @domain.tk ครับ
เปิดอ่าน 7,131 ☕ คลิกอ่านเลย

ผู้ครองแชมป์ตึกที่สูงที่สุดในโลก
ผู้ครองแชมป์ตึกที่สูงที่สุดในโลก
เปิดอ่าน 7,136 ☕ คลิกอ่านเลย

เรื่องของหญิงที่ชายควรรู้(1)
เรื่องของหญิงที่ชายควรรู้(1)
เปิดอ่าน 7,129 ☕ คลิกอ่านเลย

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

สักขี คำที่คุ้นหู ที่จริงคือพืชนั่นเอง
สักขี คำที่คุ้นหู ที่จริงคือพืชนั่นเอง
เปิดอ่าน 19,747 ครั้ง

กรดไหลย้อน และการรักษากรดไหลย้อน
กรดไหลย้อน และการรักษากรดไหลย้อน
เปิดอ่าน 2,040 ครั้ง

อิทธิพลของดวงจันทร์
อิทธิพลของดวงจันทร์
เปิดอ่าน 2,421 ครั้ง

มารยาทในการกล่าวขอโทษ (Excuse me)
มารยาทในการกล่าวขอโทษ (Excuse me)
เปิดอ่าน 52,067 ครั้ง

ฝนดาวตกเจมินิดส์
ฝนดาวตกเจมินิดส์
เปิดอ่าน 35,549 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ