|
แมลง....หลายคนเห็นอาจร้องยี้.!!!ด้วยความขยะแขยง แต่บางชนิดก็สุดสวยน่ารักอย่างเช่นพวกผีเสื้อนานาพันธุ์
สัตว์ที่มีสายพันธุ์มากที่สุดในโลกเหล่านี้ นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการศึกษาพบว่ามันเป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่สืบสาน เผ่าพันธุ์มานับเป็นล้านๆปีแล้ว...และก็มีมติว่า แมลงจะเป็นอาหารมนุษย์โลกในยุคแห่งอนาคต
และก็มีแนวโน้ม...ว่าเป็นไปได้แน่นอน เพราะเอาแค่อดีตถึงปัจจุบันก็มีนักนิยมบริโภคแมลงไม่น้อย จะเห็นตามตลาดทั่วๆไป พ่อค้าแม่ขายจะเอาแมลงมาทอดบริการลูกค้า หรือแม้แต่ตามภัตตาคารหรูๆอาหารไทยถ้วยโปรด น้ำพริกแมงดาก็เป็นที่ชื่นชอบของเหล่าไฮโซ
...นางลีลา กญิกนันท์ นักวิทยาศาสตร์ 8ว สำนักวิจัยการจัดการป่าไม้และผลิตผลป่าไม้ กรมป่าไม้ เป็นผู้หนึ่งที่ทำการวิจัยและส่งเสริมให้เลี้ยงแมลงกัน อย่างเมื่อ 3-4 ปีที่ผ่านก็เอาหนอนรถด่วนมาส่งเสริมให้ชาวบ้านชาวเขาเพาะเลี้ยงกัน...
ผลออกมาเป็นที่ฮือฮา ชาวต่างชาติ ฮ่องกง ไต้หวัน ชอบกันมาก ถึงขนาดทำกับใส่กล่อง อัดกระป๋องขายไปเป็นของฝากจากไทยแลนด์
มาปีนี้เจ้าเก่าได้ยกเอาแมลงกุดจี่มุดขี้ควาย ที่คนทางเหนือและอีสานจับเอามาคั่ว...กินไปบ่นไป... “มักหลายเด๊ มันแซบ...”
แต่ที่ยกมาวันนี้คือแมลงกุดจี่ยักษ์ ตัวใหญ่ๆหม่ำเต็มคำ...แมลงเบ้า หรือ กุดจี่ยักษ์ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Heliocopris bucephalus Fabricius ในประเทศไทยมีอยู่จำนวน 237 ชนิด ส่วนใหญ่แมลงกุดจี่บ้านที่พบเห็นกันทั่วไปจะมีขนาดเล็ก... แต่แมลงเบ้ากุดจี่ยักษ์จะมีขนาดใหญ่ โดยเฉพาะเบ้าที่ห่อหุ้มตัวอ่อนมีขนาด เท่ากับลูกเปตองเลยทีเดียว เส้นผ่าศูนย์ กลางลูกเบ้าประมาณ 6.5-8.5 ซม. ส่วนอกกว้าง 2.2-3.0 ซม. ขนาดลำตัวยาว 3.6-5. ซม.
...ในอดีตชนชาติอียิปต์ โบราณ ได้เขียนจารึกไว้ในสุสานฝังศพกษัตริย์ อียิปต์ โดยนับถือว่าแมลงกุดจี่ คือ เทพเจ้าองค์ หนึ่ง เนื่องจากลักษณะของลูกแมลงเบ้ากุดจี่ ที่ตัวแม่ต้องทำการปั้นลูกเบ้า...เหมือนห่อแบบมัมมี่...!!!
ปัจจุบันแมลงเบ้ากุดจี่ยักษ์กำลังจะใกล้สูญ พันธุ์...เนื่องจากไม่ค่อยพบตัวแล้ว...หากเจอก็มีเพียงที่ภาคเหนือเฉพาะ เชียงใหม่ ส่วนภาคอีสานมีที่ สกลนคร และ อุดรธานี เท่านั้น ปัจจุบันก็วางขายแก่นักท่องเที่ยวสนใจให้ราคาสูงถึงตัวละ 100-300 บาท...
เกษตรกรและผู้สนใจนำไปสร้างอาชีพเสริมรายได้ให้กับครอบครัว...ติดต่อไปที่ งานกีฏวิทยา สำนักวิจัยการจัดการป่าไม้และผลิตผลป่าไม้ กรมป่าไม้ หรือกริ๊งกร๊างกันไปที่ 0-2579-9286, 0-2561-4292 ต่อ 453-457
|
|
ขอบคุณที่มาข้อมูล www.dnp.go.th
ทุกวันนี้เกษตรกรนิยมรถไถนา หรือควายเหล็กมาช่วยในการทำนาเพิ่มมากขึ้น ควายลดจำนวนลง กุดจี่มันชอบอยู่ใน ขี้ควาย พื้นที่ที่ไม่มีขี้ควาย ก็เท่ากับไม่มีตัวควาย ก็แสดงว่าหนึ่ง ไม่มีที่เลี้ยง สองไม่มีคนเลี้ยง ที่เลี้ยงควายหายไปไหน? คนเลี้ยงควายหายไปไหน?
เรามา....ตามหากุดจี่...กันเถอะ
เพลง ตามหากุดจี่ |
ครูสลา คุณวุฒิ |
...ฮอดหน้าแล้งฟ้าแดงยามเซ้า
อีสานบ้านเฮาเมื่อหลายปีผ่านมา
ผู้เฒ่าเด็กน้อยพายของไปนา
สอดส่ายสายตาหากองขี้ควาย
กองขี้ควายกะสีดำขี่หลี่
มีแมงกุดจี่ตัวสีดำๆ
เอามาคั่วกินตัวละคำ
อาหารซั้นนำในยามขาดแคลน
แต่ปีนี้กุดจี่หายไป
กองขี้ควายกะหายากเหลือแสน
เบิ่งทุ่งนา
กะเหลือแต่ความเปล่าแปลน
ฮอดยามขาดแคลนบ่มีคั่วกุดจี่
กุดจี่ไปไส กุดจี่ไปไส
บ่มีขี้ควายกุดจี่บ่มีหม่องอยู่
ขี้ควายไปไส ขี้ควายไปไส
นาบ่มีควายกะเลยบ่มีขี้ควาย..
กะเลยบ่มีขี้ควาย..
ตกแล้งปีนี้บ่ค่อยมีกองควายขี้
แมงกุดจี่ขาดที่อยู่อาศัย
กองทัพควายเหล็กบุกทุ่งนาไทย
ควายนาถูกขาย
เพราะถูกรถไถแย่งงาน
ควายเนื้อกินหญ้า
ถ่ายมาเป็นขี้ควาย
ควายเหล็กยุคใหม่
ถ่ายออกมาเป็นควัน
กุดจี่ได้กลิ่นบินทิ้งทุ่งอีสาน
ตั้งแต่วันนั้นกะเลยบ่เห็นกุด จี่..
กะเลยบ่เห็นกุดจี่..
กุดจี่ไปไส กุดจี่ไปไส
บ่มีขี้ควายกุดจี่บ่มีหม่องอยู่
ขี้ควายไปไส ขี้ควายไปไส
นาบ่มีควายกะเลยบ่มีขี้ควาย..
กะเลยบ่มีขี้ควาย..
ตกแล้งปีนี้บ่ค่อยมีกองควายขี้
แมงกุดจี่ขาดที่อยู่อาศัย
กองทัพควายเหล็กบุกทุ่งนาไทย
ควายนาถูกขาย
เพราะถูกรถไถแย่งงาน
ควายเนื้อกินหญ้า
ถ่ายมาเป็นขี้ควาย
ควายเหล็กยุคใหม่
ถ่ายออกมาเป็นควัน
กุดจี่ได้กลิ่นบินทิ้งทุ่งอีสาน
ตั้งแต่วันนั้นกะเลยบ่เห็นกุด จี่..
กะเลยบ่เห็นกุด จี่...
กะเลยบ่เห็นกุด จี่...
กะเลยบ่เห็นกุด จี่...
ขอบคุณที่มาเพลง www.naronk.org