เรียงความเรื่อง “เรารักพระเจ้าอยู่หัวและพระราชินี
----------------------------------
คนไทยทั้งประเทศ น้อมดวงใจทุกล้านดวง เพื่อแสดงความจงรักภักดี แด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ บรมราชินีนาถ ที่ทรงเป็นพระเจ้าอยู่หัว และพระราชินี ที่ทรงงานหนักเพื่อปวงชนชาวไทยซึ่งเป็นพสกนิกรในทั้งสองพระองค์
คนไทยทั้งในประเทศไทยและในทุกมุมโลกต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น หาที่สุดมิได้ ที่ทั้งสองพระองค์ทรงเปี่ยมด้วยพระจริยวัตรอันงดงาม เปี่ยมด้วยพระเมตตาอันล้นพ้น เปี่ยมด้วยพระอัจฉริยภาพอันล้ำเลิศ และเปี่ยมด้วยพระปรีชาสามารถที่นานาอารยประเทศทรงยกย่องพระเกียรติคุณ ทรงมีพระราชดำริโครงการต่าง ๆ ที่มีคุณูปการกว่า ๓,๐๐๐ โครงการ ทั้งสองพระองค์ทรงเสียสละกำลังแรงพระวรกาย กำลังแรงพระราชหฤทัย กำลังแรงพระราชทรัพย์ ส่วนพระองค์ พระราชทานเพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้พสกนิกรทั้งหลายสามารถยืนหยัดต่อสู้ ดำรงอยู่ในโลกที่ผันผวนเพราะปัญหานานาประการได้อย่างมั่นคง
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำริโครงการและหลักแนวคิดปรัชญาใน การดำรงชีวิตที่มั่นคงและมีความสุข อาทิ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ทรงปลูกฝังให้ประชาชนรู้จักสร้างฐานะทางเศรษฐกิจแบบยั่งยืน อยู่ในความพอดี พอมี พอกิน อย่างมีความรอบรู้ รอบคอบ ระมัดระวัง ในการใช้วิชาความรู้ที่ตนมี ควบคู่ไปกับคุณธรรมความซื่อสัตย์สุจริต ขยันอดทน ใช้สติปัญญา และรู้จักแบ่งปัน รู้จักประมาณตน มีเหตุ มีผล และมีความมุ่งมั่น มีภูมิคุ้มกันที่ดี จึงจะนำไปสู่ชีวิตที่มีความพอเพียง อยู่ในสังคมและสิ่งแวดล้อมได้อย่างสมดุล มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน และมีความเป็นสุข นอกจากนี้ยังมีโครงการที่ดี ๆ เช่น โครงการแก้มลิง ป้องกันน้ำท่วมกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โครงการแกล้งดิน แก้ปัญหาดินเปรี้ยว โครงการสร้างเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์เก็บกักน้ำไว้ใช้หน้าแล้งและลดปัญหาน้ำท่วมในฤดูฝน อีกทั้งยังทรงเป็นนักประดิษฐ์ เช่นประดิษฐ์กังหันน้ำชัยพัฒนา ทรงเป็นนักกีฬา จนได้รับรางวัลชนะเลิศกีฬาเรือใบในการแข่งขันกีฬา
/ซีเกมส์…
๒
ซีเกมส์ ทรงเป็นนักดนตรี และพระราชนิพนธ์เพลงซึ่งมีเพลงพระราชนิพนธ์ อย่างหลากหลายและไพเราะ ทรงเป็นนักวางแผน นักคิด นักพัฒนาที่ทรงมีพระวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลและทันสมัย ทรงมีสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เป็นคู่พระบารมีที่สง่างามเพียบพร้อมที่เคียงข้างพระองค์ “พระราชินี” ผู้ทรงเป็นแม่แห่งแผ่นดิน ทรงมีโครงการพระราชดำริมากมาย และทรงมีพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้น ต่อปวงชนชาวไทยเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการป่ารักน้ำ โครงการศูนย์ศิลปาชีพ ซึ่งขยายออกไปยังถิ่นทุรกันดาร เช่น ในจังหวัดอุบลราชธานีที่บ้านปะอาว จังหวัดอำนาจเจริญที่บ้านคำพระ จังหวัดยโสธรที่บ้านขุมเงิน เป็นต้น
โครงการเหล่านี้ส่งเสริมสนับสนุนให้ชาวบ้านเลี้ยงหม่อนไหมเป็นอาชีพเสริม ทอผ้าไหมมัดหมี่ ในแทบทุกจังหวัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น ในจังหวัดขอนแก่น กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี ยโสธร ล้วนแต่มีชื่อเสียง สวยงาม ทรงคุณภาพ และทรงคุณค่า ส่งขายทั่วประเทศ และทรงเป็นต้นแบบในการใช้ผ้าไทย ทรงนำไปจัดแสดงประชาสัมพันธ์ยังต่างประเทศมากมายหลายครั้ง ซึ่งนำชื่อเสียงมาสู่ประเทศไทยจนชาวต่างประเทศรู้จักกันทั่วไป ทำให้ผ้าไหมไทนโด่งดังไปทั่วโลก
นอกจากนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จเยี่ยมเยียนประชาชนในทุกถิ่นที่ไม่ว่าจะอยู่ ณ ที่แห่งใด จะเป็นแดนศิวิไลซ์หรือแดนแสนกันดารสักเพียงใด ทั้งสองพระองค์ก็มิได้ทรงย่อท้อหรือเหน็ดเหนื่อย ทรงตรากตรำพระวรกาย กรำแดดกรำฝน ทรงสู้ทนลำบากเยี่ยมเยียนอาณาประชาราษฎร์ของพระองค์ ทั้งเหนือ กลาง อีสาน ใต้ มิเคยหวั่นไหวกับความยากลำบาก กลับทรงมีแต่ความห่วงใย ทรงหาแนวทางในการแก้ไขปัญหา ขจัดปัดเป่าความทุกข์ยากลำบากให้หายสิ้น ยังแต่ความปิติยินดีเป็นสุขล้นพ้น เช่นทรงพระราชทานแนวคิดในการแก้ไขปัญหา ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ผู้ที่เข้าไปแก้ปัญหาต้องเข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา จึงจะแก้ปัญหาได้
/ครั้งยังเป็นเด็ก
๓
ครั้งยังเป็นเด็กคุณครูเล่าให้ฟังว่า เวลาที่พระเจ้าอยู่หัวและพระราชนิเสด็จมาเยียมเยียน จะได้เข้าเฝ้า รับเสด็จ แม้จะอยู่ห่างจากเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินผ่าน ก็ยังปิติยินดี ก้มลงกราบด้วยความจงรักภักดีเทิดทูนบูชายิ่ง ถือเป็นมหามงคลในชีวิต รู้สึกเป็นสุขช่างเป็นเหมือนน้ำทิพชโลมใจ
ดูหายเหนื่อยเหมือนปลิดทิ้งทั้ง ๆ ที่วันนั้นนั่งอยู่กลางแดดกล้าตั้งแต่เช้าจนค่ำ แต่เวลานาทีนั้นช่างคุ้มค่ากับการรอคอยอย่างยิ่ง ที่ได้ยลพระสิริโฉมอันงดงาม นุ่มนวล ผ่องใส เยือกเย็น ของทั้งสองพระองค์ แทบไม่กระพริบตาและรีบประนมมือขึ้นเหนือเศียรแล้วกราบลงกับพื้น ดังหนึ่งได้กราบแทบเบื้องพระยุคลพระบาทของทั้งสองพระองค์ ซึ่งเป็นภาพที่แสนประทับใจ
ยิ่งในวันเฉลิมฉลองครองราชย์ครบ ๖๐ ปี การแสดงออกซึ่งความจงรักภักดีของปวงชน ชาวไทยอย่างเนืองแน่นและพร้อมเพรียงกัน เต็มลานถนนหน้าพระราชวัง เหลืองไปทั้งแผ่นดิน ภาพที่ปรากฏผ่านสื่อต่าง ๆ แม้ไม่มีโอกาสได้มาร่วมในงานพระราชพิธีนั้นเพราะอยู่ในถิ่นห่างไกล ก็ยังชื่นชมโสมนัสยินดีปรีดาปราโมทย์ จนน้ำตาไหลออกมาแทบไม่รู้สึกตัว เป็นน้ำตาแห่งความปิติ น้ำตาแห่งความสุข ความชื่นชมในพระบารมีที่แผ่ไพศาล ที่แม้แต่ชาวต่างชาติก็ยังทึ่งในความจงรักภักดีของปวงชนชาวไทย ผู้สื่อข่าวต่างประเทศได้นำเสนอพระเกียรติคุณแผ่ไพศาลขจรขจาย ไปทั่วโลก รวมทั้งข่าวประชาชนไทยแสดงออกถึงความจงรักภักดีอย่างเนืองแน่นล้นหลามทั่วทุกสารทิศ ผ่านทางสื่อต่าง ๆ ช่างเป็นภาพที่ประทับใจทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติไม่รู้ลืม
ปีนี้เป็นปีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมายุครบ ๘๑ พรรษา และทรงครองสิริราชสมบัติครบ ๖๑ ปีด้วย และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญ พระชนมายุครบ ๗๗ พรรษา ในวันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๒ ถือเป็นปีมหามงคลอีกปีหนึ่ง ที่ปวงชนชาวไทยจักได้แสดงพลังแห่งความสมัครสมานสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ร่วมมือ
/ร่วมใจกัน
๔
ร่วมใจกันเฉลิมฉลองและแสดงความจงรักภักดีแด่ทั้งสองพระองค์ ด้วยการกระทำความดีถวายแด่พระองค์ท่าน ๑ สร้างความสมัครสมานสามัคคีให้เกิดแก่คนในชาติ ๑ น้อมนำเอาปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้อย่างเป็นรูปธรรม ๑ ปลูกจิตสำนึกของชนในชาติให้เป็นคนดีมีความรู้อยู่เป็นสุข ๑ น้อมนำเอาประวัติศาสตร์ของชาติมาเป็นบทเรียนในการพัฒนาประเทศ ๑ สิ่งเหล่านี้คือหน้าที่ของใคร มิใช่หน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่งอย่างแน่นอน หากแต่เป็นหน้าที่ของประชาชนชาวไทยทุกคนที่จะร่วมกันสร้างสรรค์อย่างเร่งด่วน และจรรโลงคงไว้ตราบนาน เท่านาน เพราะเรามีที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจที่จะทำให้ไทยเราเป็นหนึ่งเดียวก็คือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ
จากวันนั้นถึงวันนี้ความจงรักภักดียังไม่เปลี่ยนแปลง ในดวงใจดวงน้อยของข้าพระพุทธเจ้าชาวไทย ยังเปี่ยมล้นทั้งสี่ห้องดวงใจ และจะไม่มีวันลบเลือนไปจากดวงใจเป็นแน่แท้ ทั้งนี้เพราะทั้งสองพระองค์ทรงเป็นร่มโพธิ์ทองปกป้องคุมครองภยันตราย ให้ร่มเงา ประดุจพ่อและแม่แห่งแผ่นดินที่ทรงปกป้องคุ้มครองลูกให้อยู่รอดและปลอดภัย ทรงเปรียบเสมือนน้ำทิพที่ชโลมจิตใจ ของปวงชนชาวไทยให้เยือกเย็นลง เปรียบเสมือนเทพไท้เทวาที่คอยเนรมิตเสกสรรปั้นแต่งให้ประเทศชาตินี้อยู่เย็นเป็นสุขสถาพร จะรอช้าอยู่ทำไมมาร่วมแรงร่วมใจสรรค์สร้างความดี สร้างความสมัครสมานสามัคคี ถวายความจงรักภักดี แด่พระเจ้าอยู่หัวและพระราชินี พระผู้ซึ่งเปรียบเสมือนพ่อและแม่แห่งแผ่นดิน
ถึงเวลาแล้วที่ “เราคนไทยใจกตัญญู รู้คุณชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์” จะต้องปฏิบัติตนให้ได้ตามคำปฏิญาณตนที่เราได้กล่าวเสียงดังกึกก้องในห้องประชุมเมื่อครั้งที่เรายังเล็กอยู่ บัดนี้เรา หลาย ๆ ท่าน ได้เป็นผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ถึงเวลาที่เราจะได้แสดงออกซึ่งพลังแห่งความจงรักภักดี ความกตัญญูรู้คุณ สมดังคำปฏิญาณตนนั้น เพื่อจะได้เป็นตัวอย่างที่ดี ๆ แก่เด็กและเยาวชนคนรุ่น
/หลังนำไป
๕
หลังนำไปเป็นแบบอย่างในวันข้างหน้า เพื่อความมีเสถียรภาพและความมั่นคงปลอดภัยของชาติบ้านเมือง เพื่อความอยู่เย็นเป็นสุขอย่างยั่งยืนของปวงชนชาวไทย เพื่อถวายเป็นของขวัญเนื่องในวโรกาสอันสำคัญยิ่งแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรม- ราชินีนาถ อันเป็นที่รักเคารพบูชาเทิดทูนยิ่งของปวงชนชาวไทย
----------------------------------------