บันได 5 ขั้น สู่ชีวิตมีค่าและมีความสุข..
เคยมองว่าตัวเองด้อยค่ากันบ้างไหม?... เคยคิดว่าตัวเองโชคร้ายสุดๆ กันบ้างหรือเปล่า?.. แล้วเคยรู้สึกทุกข์ทุกครั้งไหม?..ที่คิดและมองตัวเองแบบนั้น หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่มักรู้สึกแย่ๆ กับหลายๆ สิ่ง หลายๆ อย่างที่เข้ามาในชีวิต เป็นเพียงเพราะคุณมองคนที่สูงกว่ามากไปหรือเปล่า ละโมบโลภมากไปไหม? การเอาตนเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น บางครั้งมันทำให้เราเกิดความทะเยอทะยานก็จริง แต่บางทีมันก็ทำให้เรารู้สึกแย่ๆ ได้ หากสิ่งที่ฝันไว้มันไกลความจริงนัก (ว่าไหม?) สู้มาทำวันนี้ให้มีความสุขที่สุดกันดีกว่า "บันได 5 ขั้น สู่ชีวิตที่มีความสุข" จะทำให้คุณได้พบความสุขในตัวเองอย่างแท้จริง... ลองอ่านดูนะคะ
บันไดขั้นที่ 1 มองตัวเองว่าดีและมีค่าทุกวัน
ในแต่ละวันให้นึกถึงความดี และความโชคดีของตนเอง เริ่มต้นด้วยการตื่นนอนตอนเช้า ให้ยิ้มกับตัวเอง และนึกว่าโชคดีที่ได้ตื่นขึ้นมาแล้ว ให้นึกถึงความดีของตนเองที่เคยทำมาแล้วในอดีต (ที่สามารถนึกได้ง่าย ๆ) เช่น เคยทำบุญ เคยช่วยคนที่อ่อนแอกว่า เคยสงเคราะห์สัตว์ ฯลฯ คิดว่าตัวเองดี และมีคุณค่าที่ได้เคยทำสิ่งดี ๆ และให้นึกซ้ำ ๆ จะได้เกิดความเชื่อตามที่นึกนั้น คุณก็จะเกิดความอิ่มเอิบใจ และเชื่อว่าตัวเองมีความดี ความเก่ง ตามความเป็นจริงในขณะนั้นด้วย คุณจะเกิดความอยากมีชีวิตอยู่ และสร้างสิ่งที่ดี ๆ ให้กับชีวิตต่อไป และต้องอวยพรตัวเองเสมอ ๆ อย่าแช่ง หรือตำหนิตัวเอง และอย่ารอให้คนอื่นมาชื่นชมคุณ ซึ่งมักจะไม่ได้ดั่งใจ หรือได้มาก็ไม่สมใจ
บันไดขั้นที่ 2 มองคนอื่นดี มองโลกในแง่ดี
ขั้นนี้คุณจะต้องมองว่าทุก ๆ คน มีขีดจำกัดของความสามารถ ความดี ความเก่งกันทุกคน ตามความเป็นจริงของเขา ซึ่งไม่เท่ากัน และไม่เหมือนกันเลย ส่วนความไม่ดี หรือไม่เก่งของเขา (ซึ่งมีกันทุกคน) ปล่อยให้เป็นเรื่องของเขาไป ให้มองเฉพาะส่วนที่ดีของเขาเท่านั้น ถ้าคุณทำได้เช่นนี้ คุณก็จะเป็นคนที่มองอนาคน และชีวิตดี มีความหวังที่ดีในชีวิตตลอดเวลา สองสิ่งนี้ ถ้าคุณทำเป็นนิสัย คุณจะพบว่า โลกนี้มีสิ่งที่ดี ๆ และไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคต่าง ๆ และท้ายที่สุดก็จะกลายเป็นสุขนิยมทั้งชีวิต
บันไดขั้นที่ 3 ทำวันนี้ให้ดีที่สุด
คือการอยู่กับปัจจุบัน ทำกิจกรรมในวันนี้และเวลานี้ให้ดีที่สุด ทำได้แค่ไหนเอาแค่นั้น ไม่ทุกข์ร้อน หรือคาดหวังกับผลลัพธ์ของมัน ไม่ว่าจะสมใจ หรือไม่สมใจก็ตาม จงชื่นชมในความตั้งใจทำเต็มความสามารถของตนเอง และคิดต่อว่า ในอนาคตจะต้องทำให้ดีกว่านี้ นอกจากนั้น คุณต้องเลิกจดจำ หรือนึกถึงเรื่องที่ไม่ดีที่เกิดกับคุณในอดีต เพราะการจดจำเรื่องราวที่ไม่ดีในอดีต เท่ากับคุณไปสะกิดแผลในใจ และจะทำให้คุณเจ็บปวดมากยิ่งขึ้น จนส่งผลให้ปัจจุบันคุณไม่มีความสุข และกลัวว่าอนาคตจะเกิดสิ่งที่ไม่ดีซ้ำ ๆ อีก
บันไดขั้นที่ 4 มีความหวังและเชื่อว่าอนาคตจะดีเสมอ
ความหวัง ความเชื่อ เกิดจากความคิดถึงบ่อย ๆ หรือได้ยินบ่อย ๆ จงนึกและบอกกับตัวเองเสมอว่า อนาคตจะดีขึ้นอีกเรื่อย ๆ จะส่งผลให้เกิดกำลังใจมากขึ้น อยากพบเห็นสิ่งต่าง ๆ ที่จะเข้ามาในชีวิตโดยไม่กลัว มีอารมณ์ขัน และไม่จริงจังกับชีวิตมากนัก แต่จะมีความหวังที่ดี ๆ (Good Hope) อยู่เสมอ แต่อย่ามีความคาดหวัง (Expectation) กับชีวิต เพราะถ้าคาดหวังกับชีวิต เรามักจะกลัว หรือกังวลว่าจะไม่ได้ผลลัพธ์ดังความคาดหวัง หรือเมื่อได้มาแล้วก็มักไม่พอใจ จึงอาจทำให้เกิดทุกข์ได้
บันได้ขั้นที่ 5 ปรับปรุงตัวเองเสมอ
โดยปรับปรุง 4 ส่วนที่มีความสำคัญต่อชีวิตคือ
1. การงาน ให้มีความขยัน อดทน หมั่นหาความรู้ใส่ตัว และกล้าลงมือปฏิบัติในสิ่งที่ควรทำ จะทำให้มีการลงมือทำสิ่งใหม่ ๆ ในชีวิตได้เรื่อย ๆ และปรากฏเป็นผลงานที่ชัดเจน
2. ครอบครัว จะต้องยึดหลักที่เป็นมงคลต่อกันคือ ไม่อิจฉา ไม่ระแวง ไม่แข่งขัน ไม่นอกใจ รู้จักการให้และการอภัย มีน้ำใจ และรู้จักเกรงใจกัน..(..แต่ไม่ใช่กลัว)
3. สังคม หมั่นสร้างมิตรเสมอ มีการให้ความสำคัญกัน ให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และพูดจากันแบบปิยะวาจา
4. ตนเอง ต้องมีการพัฒนาตนเองเสมอ มีความภูมิใจตนเองตามความเป็นจริง สามารถให้กำลังใจตัวเองได้ และมีกำลังใจที่พร้อมจะเปลี่ยนแปลงตนเองไปในทางที่ดีขึ้น
คุณค่าทุกคนมีอยู่ในตัวเอง จงทำตัวเป็นหนังสือกล้าตายที่ให้ใครก็ได้เปิดอ่าน...
เหรียญสิบ โลหะกลมๆขนาดกะทัดรัด ข้างนอกสีเงิน ข้างในยัดไส้เหรียญห้าสิบสตางค์ หลายคนคุ้นตาดี ในฐานะที่เป็นเหรียญที่คนเอาไปหยอดตู้ร้องคาราโอเกะ แลกกับความสุข 2-3 นาทีเป็นเหรียญที่คนรักสนุกชอบแลกไปหยอดตู้เกมส์ ฆ่าเวลา เป็นเหรียญที่คนชอบทำร่วงหาย แต่ไม่ชอบหาเป็นเหรียญที่ อาจเคยเป็นคุณ ที่ชอบให้ทิปเด็กเสริฟ เพราะเห็นว่ามันเป็นเหรียญที่ ไม่มีราคา ไร้ค่า หนักกระเป๋าเหรียญสิบเดียวกันนี้เดินทางรอนแรมไปทั่วประเทศตามกติกาการแลกเปลี่ยนทางสังคม แน่นอนว่า...ไม่มีมุมไหน ที่เหรียญสิบไปไม่ถึงและในมุมหนึ่งของสังคม
ณ ที่ชนบท ห่างไกลความเจริญ เจ้าเหรียญลักษณะเดียวกันนี้ มันมักจะซุกตัวนอนสั่นไหวอยู่ภายใต้มืออันเหี่ยวย่นของหญิงชราคนหนึ่งที่ถูกทอดทิ้ง จากลูกที่เคยอุ้มชู พร้อมยังทิ้งภาระที่ยายไม่ได้ก่อไว้ให้ตามเก็บแม่เฒ่าเดินด้วยความยากลำบากของสังขาร ตัวสั่นเทา ผ่านถนนที่เป็นป่าใหญ่ เข้าไปในเมือง แม้อุปสรรคธรรมชาติจะสร้างกำแพงทดสอบคุณยายตามรายทาง แต่แกก็ไม่เคยท้อ ล้มก็ลุกขึ้นเดินใหม่ เพียงแต่แกยิ่งกำมือไว้ให้แน่นกว่าเดิมเพื่อรักษาของมีค่า ที่ไม่รู้ว่าจะหาได้อีกเมื่อไหร่ในชีวิตที่เริ่มนับถอยหลัง... นั่นคือเหรียญสิบ
เวลาผ่านไปเนิ่นนานเท่าไหร่ไม่รู้ ในที่สุดคุณยายก็เดินทางมาถึงร้านขายของเล็กๆแห่งหนึ่ง แกแบมือออกแล้วจ้องมองเหรียญสีเงินที่ตัดกับสีทอง ราวกับจะบอกว่า ถ้าไม่จำเป็นจริงๆฉันก็คงไม่ให้แกไปไหน แววตาที่ฝ้าฟางเริ่มขุ่นมัว แกสูดลมหายใจอีกครั้งเพื่อสั่งลา แล้วบอกแม่ค้าว่าซื้อไข่ 5 บาทถุงไข่สองใบถูกหยิบใส่มือแก แม่เฒ่ายังคงมองตามส่งเหรียญสิบที่แม่ค้าหยิบจากมือแกเป็นครั้งสุดท้าย ไม่ช้ามันก็ถูกเปลี่ยนเป็นเหรียญห้ากลับคืนมาให้แก หญิงชรากำเหรียญห้าไว้แน่น เพราะมันหมายถึงชะตากรรมของแกกับหลานอีกสองคน ในอาทิตย์ต่อไป
เหรียญกลมๆขนาดกะทัดรัด ที่ใครๆเรียกว่าเหรียญสิบนี้ มูลค่ามันอาจจะเท่ากันคือ สิบบาท แต่คุณค่าของมันไม่มีวันเท่ากัน ขึ้นอยู่กับว่ามันจะไปอยู่ที่ไหน กับใคร และเมื่อไร แต่เหรียญสิบมันไม่มีชีวิต มันเลือกไม่ได้ว่าจะไปอยู่ที่ไหน แต่คนเราซิเลือกได้ ขึ้นอยู่กับว่าเราได้ใช้โอกาสนั้นแล้วหรือยัง
เมื่อไหร่ที่คุณรู้สึกด้อยค่า...ลองถามตัวเองซิว่า
“คุณอยู่ถูกที่ ถูกทาง ถูกเวลา แล้วหรือยัง ???
เช่นเดียวกับความรัก...
เราจะมีคุณค่ามากที่สุด ก็ต่อเมื่ออยู่กับคนที่รักเรามากที่สุด”
|
ฟังเพลง เธอที่มีคุณค่า http://radio.sanook.com/music/player/เธอที่มีคุณค่า/97435/
ขอบคุณที่มาข้อมูลwww.me.buu.ac.th/lms/mod/forum/discuss.php?d=23