กำเนิดสุดสาคร
เมื่อพระอภัยมณีได้นางเงือกแล้ว โถ! หม้อข้าวยังไม่ทันดำก็จำต้องพรากจากกันไป เพราะบังเอิญนางสุวรรณมาลี ธิดาพระเจ้ากรุงผลึกได้ล่องเรือตามหาดวงแก้วในฝัน จนมาถึงเกาะแก้วพิสดาร พระอภัยมณีและสินสมุทรจึงขอโดยสารเรือกลับไปด้วย
๏ จะกล่าวถึงเงือกน้อยกลอยสวาท |
ซึ่งรองบาทพระอภัยไกลสถาน |
อยู่วลวังหลังเกาะแก้วพิสดาร |
ประมาณกาลสิบเดือนไม่เคลื่อนคลา ๚ |
๏ ให้เจ็บครรภ์ปั่นป่วนจวนจะคลอด |
ระทวยทอดลงกับแท่นที่แผ่นผา |
จะแลเหลียวเปลี่ยวใจไนยนา |
ไม่เห็นหน้าผู้ใดที่ไหนเลย ๚ |
หมายเหตุ : ตัวสะกดต่างๆ คัดลอกมาจากต้นฉบับของสุนทรภู่ ดังนั้นบางคำอาจต่างไปจากปัจจุบัน เช่นคำว่า “ไนยนา” สมัยนี้เขียนว่า “นัยนา” ก็ร่วมสองร้อยปีแล้วนะครับ วิวัฒนาการของภาษาก็เปลี่ยนไปบ้าง
จากนั้นนางเงือกก็คลอดบุตรชายมาหนึ่งคน ชื่อว่า “สุดสาคร” มีม้า “นิลมังกร” เป็นม้าคู่ใจ
สุดสาครได้เล่าเรียนวิชาต่างๆ จากพระโยคีจนเก่ง ถูกใจพระโยคีจึงได้มอบไม้เท้ากายสิทธิ์ให้
พอสามขวบก็มาลาแม่เพื่อไปตามหาพระอภัยมณีผู้เป็นพ่อ นางเงือกก็แสนห่วงใยแต่ก็จำยอม
๏ เคยกินนมชมชื่นระรื่นรส |
พ่อจะอดนมหมองลอองสี |
ทั้งย่อมเยาว์เบาความได้สามปี |
เล็กเท่านี้จะไปกระไรเลย ๚ |
ลืมบอกไปว่าสุดสาครนั้นได้บรรพชาเป็นมุนีน้อย เมื่อลาแม่แล้วก็ออกเดินทางไปตามหาพ่อ
และแล้วก็มาพบกับชีเปลือยไอ้เฒ่าเจ้าเล่ห์ หลอกเอาวิชาและหลอกให้นั่งภาวนาบนปากเหว
พอเผลอก็ถูกถีบตกเหวจนสลบไสล แล้วเอาม้านิลมังกรและไม้เท้ากายสิทธิ์หนีไป
เมื่อฟื้นขึ้นมาก็ร้องไห้โฮ นึกถึงพระเจ้าตาให้มาช่วยหนูด้วย ฮือๆ หนูคิดถึงแม่ ..
๏ โอ้เจ้าตาอาจารย์ของหลานเอ๋ย |
พระองค์เคยค่ำเช้าเฝ้าสั่งสอน |
มาครั้งนี้ชีวาตม์แทบขาดรอน |
พระอาจารย์มารดรไม่เห็นใจ |
เมื่อต่อตีผีดิบสักสิบโกฏิ |
พระมาโปรดหลานรักไม่ตักไษย |
โอ้ครั้งนี้มิรู้ด้วยอยู่ไกล |
ไม่มีใครบอกเล่าพระเจ้าตา ๚ |
ม้ามังกรหนีชีเปลือยมาได้ก็กลับมาหาสุดสาครแล้วก็ช่วยแหกปากร้อง เพื่อให้คนมาช่วย ทั้งคนทั้งม้าร้องจนป่าลั่น ............. สลบแล้วคืนเล่าเฝ้าโศกา ฯ
๏ บัดเดี๋ยวดังหง่างเหง่งวังเวงแว่ว |
สดุ้งแล้วเหลียวแลชะแง้หา |
เห็นโยคีขี่รุ้งพุ่งออกมา |
ประคองพาขึ้นจนบนบรรพต |
แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์ |
มันสิ้นสุดฦกล้ำเหลือกำหนด |
ถึงเถาวัลิพันเกี่ยวที่เลี้ยวลด |
ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน ๚ |
แค้นนี้ต้องชำระ ! สุดสาครเข้าไปตามชีเปลือยที่เมืองการเวก ไปแย่งไม้เท้าคืนมาได้
เฒ่าชีเปลือยตกใจกระโดดผลุงหนีไป ชาวเมืองวิ่งตามกันอลหม่าน เสียงดังเข้าไปในวัง
กษัตริย์เมืองการเวกออกมาเจอสุดสาครในชุดมุนีน้อยก็รู้สึกรักใคร่เอ็นดูยิ่ง จึงตรัสถามว่า ...
๏ เป็นพงศ์เผ่าท้าวพระยาหรือพาณิช |
กะจิริดรู้ศรัทธาจะหาไหน |
พระมุนีมีนามกรใด |
ธุระไรจึงจะมาถึงธานี ๚ |
๏ พระหน่อไทได้ฟังรับสั่งถาม |
จึงตอบความตามจริตกิจฤๅษี |
อาตมาอายุได้สามปี |
พระชนนีชื่อมัจฉาวิลาวรรณ์ ๚ |
สุดสาครก็เลยเล่าเรื่องชีเปลือยไอ้เฒ่าเจ้าเล่ห์ให้ฟัง หลังจากนั้นก็ตามจับตัวมาไต่สวน
กว่าจะจับได้ก็เหนื่อยนัก “พวกข้าเฝ้าเข้ากลุ้มรุมกันฉุด แกดิ้นหลุดแพลงพลิกเข้าจิกหัว”
เมื่อโดนจับได้แล้วแทนที่จะรับสารภาพ เฒ่าเจ้าเล่ห์กับทำปากแข็ง แถมยังกวนอีก!
๏ ฝ่ายชีเปลือยเหนื่อยอ่อนลงนอนนิ่ง |
ครั้นรับจริงกลัวจะสั่งให้สังหาร |
แกล้งบิดเบือนเหมือนเป็นไข้ไม่ให้การ |
ทำสะท้านเทิ้มเทิ้มระเริ้มริก |
เขาเตือนตีสีข้างผางถนัด |
ทำจุกอัดอั้นใจไม่กระดิก |
เขาจี้จิ้มทิ่มพุงสดุ้งพลิก |
หัวเราะริกรื้อกลับนั่งหลับตา ๚ |
พระเจ้ากรุงการเวกจึงสั่งให้นำไปผ่าอก แต่สุดสาคร ก็สงสาร “จึงทัดทานทูลท้าวเจ้ากรุงศรี”
เมื่อสุดสาครร้องขอชีวิตเจ้าชีเปลือย เจ้าเฒ่าเจ้าเล่ห์นั่นจึงรอดตายอย่างหวุดหวิด!!!
พระเจ้ากรุงการเวกมีธิดาน้อยองค์หนึ่งชื่อว่า เสาวคนธ์ แต่ไม่มีโอรส จึงโปรดสุดสาครนัก
ทั้งกษัตริย์และมเหสีได้เรียกพระธิดาเสาวคนธ์ให้มารู้จักสุดสาคร ให้เป็นพี่เป็นน้องกัน
๏ พระตรัสพลางทางเรียกธิดาราช |
มาร่วมอาสน์เนาวรัตน์แล้วตรัสสอน |
ให้อัญชลีพี่ยาสุดสาคร |
นางโอนอ่อนอภิวันท์จำนรรจา |
พี่จ๋าพี่พระแกลตุ๊กแกร้อง |
ทำบ่วงคล้องมันเสียทีเถิดพี่จ๋า |
กุมารอุ้มจุมพิตพระธิดา |
แล้วว่าอย่ากลัวตุ๊กแกเลยแม่น้อง |
ฉันจะตีที่หลังให้ดังผลุง |
น้องสดุ้งสรวลสันต์กันทั้งสอง |
น่าสงสารมารดรกรประคอง |
อุ้มให้สองทรามเชยเสวยนม |
สุดสาครนอนทับพระเพลาซ้าย |
แล้วดื่มสายโลหิตสนิทสนม |
จนอิ่มหนำฉ่ำชื่นรื่นอารมณ์ |
นางจูบเกล้าเผ้าผมเฝ้าชมเชย ๚ |
ชีวิตในวัยเด็กของสุดสาครก็น่ารักอย่างนี้แหละ มีขึ้นมีลง แต่ก็วาสนาดีเพราะมีเมตตาธรรม
ที่นางสุวรรณมาลีล่องเรือมาจนถึงเกาะแก้วพิสดารนั้น เพราะนางเป็นคู่หมั้นของอุศเรนเจ้ากรุงลังกา แต่นางไม่สนใจ ตอนหลังอุศเรนโดนสินสมุทรฆ่าตาย (ถ้าจำไม่ผิดนะครับ) นางลเวงน้องสาวอุศเรนจึงแค้นใจ ยกทัพมาแก้แค้น แต่เห็นว่าพระอภัยมณีหล่อก็เลยแย่งซะเลย คือแย่งไปจากนางสุวรรณมาลีด้วยเสน่ห์ยาแฝด พระอภัยก็สมยอม ครั้นถึงรุ่นลูกเป็นวัยรุ่น สุดสาครไปตามหาพ่อ นางละเวงก็เลยแนะลูกสาวให้ใช้เสน่ห์กับผู้ชาย
*** คงจำกันได้นะว่านางผีเสื้อสมุทรนั้นตายตอนไหน ตอนพระอภัยฯ อยู่บนเกาะแก้วพิสดารนั้นนางผีเสื้อมารบกวนไม่ได้ เพราะเกรงอิทธิฤทธิ์ของพระโยคี แต่เมื่อพระอภัยโดยสารสำเภาของนางสุวรรณมาลีออกมาจากเกาะแล้ว แม่ผีเสื้อก็โผล่มา แล้วท้ายที่สุดก็ตายเพราะเสียงปี่ของพระอภัยฯ
ระหว่างที่พระอภัยและสินสมุทรกำลังติดหญิงอยู่ในกรุงลังกานั้น นางสุวรรณมาลี พร้อมด้วยสุดสาคร เสาวคนธ์ (ธิดาเจ้าเมืองการเวก) และหัสไชย (น้องชายเสาวคนธ์ ซึ่งเกิดทีหลังที่เจ้าเมืองการเวกชุบเลี้ยงสุดสาคร) ทั้งหมดนี้ก็ได้ยกทัพไปบุกเมืองลังกาของนางลเวงวัณฬาราช เพื่อจะชิงตัวพระอภัยฯ
สุดสาครและหัสไชย (น้องชาย) ก็ได้อาสานางสุวรรณมาลีเข้าไปดูพระอภัยในวังของนางลเวง
นางลเวงแสร้งทำยินดีเตรียมต้อนรับสุดสาครและอนุชา แล้วก็แอบยุลูกสาวให้เผด็จศึกสุดสาครให้ได้ แต่นางสุลาลีวัน ลูกสาวนางลเวงไม่มีประสบการณ์ก็เลยทำอิดออดอิดเอื้อนกระมิดกระเมี้ยน
๏ ด้วยไม่เคยเลยหม่อมฉันประทานโทษ |
อย่ากริ้วโกรธกึ่งตรึกนึกไฉน |
นางฟังคำร่ำปลอบให้ชอบใจ |
กลัวทำไมมีผัวอย่ากลัวเลย |
ไม่ลำบากยากเย็นเป็นแต่เขา |
เข้าคลึงเคล้าต้องถูกดอกลูกเอ๋ย |
ชื่นอะไรนั้นไม่รื่นเหมือนชื่นเชย |
กลัวจะเคยเสียหนักอีกอย่าหลีกตัว ๚ |
จากนั้นก็ปลุกเสกเลขยันต์กันขนานใหญ่ แล้วก็อาบน้ำแต่งองค์ทรงเครื่องออกไปต้อนรับสุดสาคร สุดสาครถึงจะรุ่นหนุ่มแล้วแต่ก็ยังเป็นนักพรตรูปงามสวมใส่หนังเสือเป็นอาภรณ์ดังเดิม
๏ สุดสาครค้อนเคืองชำเลืองพิศ |
ระรื่นฤทธิ์รสสุคนธ์ด้วยมนต์ขลัง |
ให้เสียวซาบปลาบปลื้มจนลืมชัง |
เห็นเปล่งปลั่งพรั่งพร้อมลม่อมลไม ๚ |
เมื่อรู้ว่าสุดสาครต้องมนต์หลงเสน่ห์ตนแล้ว เมื่อได้โอกาสนางสุลาลีวันจึงให้สุดสาครปลดเครื่องนักพรต เพื่อมาถือเพศฝรั่งเมืองลังกาดูบ้าง “จึงว่าพี่นี้ไม่ขัดหัทยา อยากเป็นฝาหรั่งเล่นเย็นเย็นใจ”
๏ ห้ามเท่าไรไม่ยั้งไม่ฟังห้าม |
ตามเถิดตามบุญกรรมแกล้งทำเฉย |
พระกอดช้อนกรต้องประคองเชย |
ต่างไม่เคยขามเขินเผอิญเป็น |
กระดี้กระดิกพลิกเพลี่ยงเบือนเบี่ยงบิด |
เหมือนเรือติดตมตื้นจะขืนเข็น |
แต่สาวหนุ่มชุ่มชื่นระรื่นเย็น |
บังเกิดเป็นอัศจรรย์ไม่ทันรู้ |
ด้วยรวดเร็วเปลวไฟประไลยราค |
เหมือนขึ้นปากนกหินดินใส่หู |
พอลั่นฉับสับไกก็ไฟพรู |
เสียงฟุบฟู่ฟุ้งฟูมดังตูมตึง |
ต่างละเลิงเชิงชมภิรมย์รื่น |
อันรสอื่นหรือจะเปรียบประเทียบถึง |
นางเมียยั่วผัวเย้าเฝ้าเคล้าคลึง |
จนเหนื่อยจึงเคลิ้มหลับระงับไป ๚ |
ต่ อ จ า ก นั้ น ก็ มี ก า ร ร บ พุ่ ง กั น อ ยู่ อี ก ห ล า ย ต ล บ ! ! !
จนกระทั่งพระฤๅษีจากเกาะแก้วพิสดารมาเทศนาโปรดทัพทั้งสองให้เลิกแล้วต่อกัน จึงสงบศึกปรองดองกันได้โดยนางลเวงได้เชิญนางสุวรรณมาลีและทัพกษัตริย์ทั้งหมดเข้าเมือง นอกจากนี้นางลเวงยังยอมให้นางเสาวคนธ์ขุดโคตรเพชรในระหว่างชมสวนอีกด้วย
ต่อมานางเสาวคนธ์ที่เคยเล่นตุ๊กแกที่พระแกล(หน้าต่าง)กับสุดสาครในวัยเด็ก ก็งอนหนีกลับไป สุดสาครรู้เข้าก็ชวนหัสไชย(อนุชาเสาวคนธ์) ติดตามนางเสาวคนธ์ไปง้องอนอย่างกระชั้นชิด แต่ก็ไม่เป็นผล จึงได้แต่พร่ำรำพึงเป็นบทกลอนที่คุ้นหูมาทุกยุคสมัยว่า ....
“จะเรียนร่ำทำอะไรไม่ลำบาก .... ให้ยอดยากอย่างเดียวเกี้ยวผู้หญิง”
แต่ถ้าเนื้อคู่แล้วย่อมไม่แคล้วคู่กัน หนีได้ก็หนีไป หนีอย่างไรก็ไม่พ้น เสาวคนธ์เดินหน้าต่อไปหลายบทหลายตอน ทั้งแปลงกายเป็นฤๅษีจนกระทั่งไปตีได้เมืองวาหุโลม แต่สุดสาครก็ตามไปพบจนได้ แล้วก็ได้สุขสมอารมณ์หมาย
๏ ฝ่ายนารีพี่เลี้ยงแว่วเสียงตรัส |
กลับสงัดเงียบระงับหรือหลับไหล |
ค่อยแหวกม่านคลานแลอยู่แต่ไกล |
เห็นเนาในแท่นทองทั้งสององค์ |
นึกเอะใจใครหนอนอนคลอเคล้า |
พลางเคียงเข้าพินิจพิศวง |
สังเกตจำสำคัญได้มั่นคง |
รู้ว่าองค์เชษฐาสุดสาคร ๚ |
เรื่องสุดสาครก็ขอจบลงเพียงตรงนี้ แต่ก็ขอสรุปเรื่องพระอภัยมณีลงไปด้วยเลยว่า ตอนจบนั้นพระอภัยมณีไปบวชเป็นฤๅษีโดยมีนางสุวรรณมาลีและนางลเวงตามไปบวชเป็นชีด้วย
ส่วนศรีสุวรรณอนุชาของพระอภัยมณีก็กลับไปครองเมืองรมจักรของนางเกษราผู้เป็นมเหสี
๏ สินสมุทรไปบำรุงกรุงผลึก |
ได้ปราบศึกสืบวงศ์เหล่าพงศา |
สุดสาครเสาวคนธ์สุมณฑา |
ครองลังกาผาสุกสนุกสบาย ๚ |
เมื่อจบนิทานคำกลอนเรื่องพระอภัยมณีแล้ว ยังมีบทต่อที่เป็น นิทานเรื่องพระอภัยมณี ที่พิมพ์ในเล่มที่ ๓ มีใจความน่าสนใจตอนหนึ่งพอสรุปได้ว่า นางมัจฉา หรือนางเงือกแม่ของสุดสาครนั้น ได้รักษาศีล ๕ มาตลอด เพราะได้รับการสั่งสอนจากพระอภัยมณีเมื่อครั้งได้ครองคู่กันที่เกาะแก้วพิสดาร และมาฟังคำสอนของพระโยคีอยู่เสมอ ร้อนถึงพระอินทร์ลงมาตัดหางให้ จึงกลายเป็นมนุษย์ แล้วท้ายที่สุดสุดสาครก็มารับไปอยู่ด้วยกันที่เมืองลังกา แล้วสถาปนานามใหม่ว่า “จันทวดีพันปีหลวง”