ชีวิตนอกจากจะมีอันตรายทุกย่างก้าวแล้วแต่ในความอันตรายก็มีความสุขปะปนอยู่ด้วย ส่วนจะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับเจ้าของชีวิตจะลิขิตเอง เพราะทุกย่างก้าวของชีวิตที่เคลื่อนไหวย่อมมีอบัติลเกดขึ้นเสมอ สิ่งที่เป็นผลเรียกว่า ผลกรรม ผลจะเกิดขึ้นอย่างไร อยู่ที่เหตุ ซึ่งจะมีความเกี่ยวพันกันอยู่เสมอ ไม่ช้าก็เร็ว
การกระทำหรือกรรมของเจ้าชีวิต หากกระทำบ่อย ๆ ก็จะก่อเกิดความเคยชิน กลายเป็นนิสัยอันถาวร เกิดการกระทำอยู่เป็นนิจ ผลสุดท้ายจะก่ดเกิดชะตาชีวิตของตนเอง อันจะเป้นจุดเริ่มต้นของชาตินี้และชาติหน้าต่อไป
ชีวิตที่จะมีความสุขนั้น การดำรงตนก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะฝึกเราให้เกิดการกระทำขึ้นที่จะเป็นเหตุของความสุขได้ มองดูจากการประพฤติปฎบัติของคนอีสานเรา แต่เดิมมามักจะมีคาถาท่องอยู่ประจำในการดำรงชีวิต คือ.. คาถา 4 บ่ ... ได้แก่
1. คาถาว่า "บ่หย่าน" ทำให้คนอีสานมีความทรหดอดทน ไม่กลัวต่อความยากลำบาก หักเอาเบาสู้ จะทำอะไรจะไม่กลัว จึงเห็นคนอีสานเดินทางไปเสี่ยงโชคทุกมุมโลก ผมเองเคยไปดูงานหลายประเทศ มักจะพบจะเจอกับคนอีสานเราไปเสี่ยงโชคเป็นจำนวนมาก ไม่กลัวกับปัญหาที่จะเกิดขึ้นจึงเป็นนิสัยที่น่าจะปลูกฝั่งให้เกิดกับคนรุ่นใหม่ ๆ เพื่อนำไปสู้ชีวิตในทางสร้างสรรค์
2.คาถาว่า"บ่หยาก" คนอีสานเป็นคนที่มีความคิดในแง่บวก งานใดที่ตนทำจะมองเป็นเรื่องสนุกสนาน เรืองยากกลายเป็นเรื่องง่าย เรื่องใหญ่กลายเป็นเรืองเล็ก ทำให้มีจิตหึกเหิมทุกครั้งเมื่อใช้คาถาว่า "บ่หยากดอก"
3.คาถาว่า "บ่เป็นหยั่ง" คนอีสานเป็นคนมีจิตใจดี มีความปล่อยวาง ไม่ถือโกรธ เคียดแค้นกัน มีอะไรจะให้อภัยซึ่งกันและกัน ถ้อยทีถ้อยอาศัย ตามชุมชนต่าง ๆ จึงมีความรักความสามัคคี ช่วยเหลือเจือจุนกัน แต่ในปัจจุบันนิสัยดังกล่าวเริ่มหดหาย เพราะอิทธิพลของตะวันตกไหลบ่าเข้ามาจนวิถีชีวิตของชนบทไทยเรียบง่าย จะเริ่มหดหาย กลายเป็นคนฟุ่มเฟือยไปเสียแล้ว
4.คาถาว่า "บ่หงึด"คนอีสานมักเป็นตัวของตัวเอง มีความมั่นคงในจารีตประเพณี แม้จะประเพณีบางอย่างไม่ทันสมัย แต่ก็ยังสืบทอดกันตลอดมา ยังคงความเป็นคนอีสานอยู่เสมอ แม้จะไปอยู่ที่ไหนก็ยังคงความเป็นอีสาน ยังพูดภาษาท้องถิ่น ยังกินข้าวเหนียวส้มตำเหมือนเดิม ใครจะว่ายังไงก็ " บ่หงึด " ดอกเด้อ !
นิสัย 4 บ่ ของคนอีสาน เราควรจะสืบสานต่อ หากนำมาใช้ในการดำรงชีวิต ย่อมก่อเกิดให้ความเป็นอยู่มีความสุขนอกจากนี้ หากจะทำการงานสิ่งใด นำมาใช้ การงานนั้นก็ย่อมสำเร็จตามเป้าหมาย นิสัยดังกล่าว มีความเป็นเอกลักษณ์ยั่งยืนตลอดไป แต่ในปัจจุบันยังจะมีอยู่มากน้อยแค่ไหน...น่าคิด