เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. หน้าที่ทำการไปรษณีย์ สาขากระทรวงศึกษาธิการ ประชาชนและข้าราชการกระทรวงศึกษาธิการ ต่างมาเลือกหาซื้อไปรษณีย์แพนด้า ที่เริ่มนำออกมาจำหน่ายเป็นวันแรก และจะจำหน่ายอย่างเป็นทางการวันที่ 19 มิ.ย.นี้ เพื่อให้เขียนโหวต 4 ชื่อที่ผ่านการคัดเลือกรอบสุดท้ายโดยโปสการ์ดครอบครัวหมีแพนด้า ที่ไปรษณีย์ไทยผลิตขึ้น ได้ออกแบบเป็น 4 แบบหลากสีสันสวยงาม พร้อมชื่อแพนด้าน้อยสำหรับการโหวตเลือก 4 ชื่อ
นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด หรือ ปณท กล่าวว่า ยอดพิมพ์โปสการ์ดดังกล่าวจำนวน 30 ล้านใบ คาดว่าน่าจะเพียงพอต่อความต้องการของประชาชน แต่ ปณท คงเกาะกระแสอย่างใกล้ชิด ถ้ากระแสมาแรงมากจนโปสการ์ดไม่เพียงพอก็พิมพ์เพิ่มได้ทันที ส่วนราคาจำหน่ายใบละ 5 บาท ถือว่าไม่แพงเลย บางคนอาจไปเปรียบเทียบกับไปรษณียบัตร ราคาใบละ 2 บาท แต่ต้องซื้อแสตมป์ติดอีก แต่โปสการ์ดหมีแพนด้า มีแสตมป์ในตัว และราคาจำหน่ายใบละ 5 บาท ปณท สมทบเข้ากองทุนหมีแพนด้า องค์การสวนสัตว์ใบละ 2 บาท อีกประมาณ 2 บาทเศษ เป็นค่าบริหารจัดการ ค่าพิมพ์ ค่าโฆษณา รวมทั้งต้นทุนที่สูงกว่าปกติ เนื่องจากพิมพ์ 4 สี เป็นรูปครอบครัวหมีแพนด้า อีกด้านก็เป็นบล็อกพิมพ์จ่าหน้าถึงผู้รับ ซึ่งสามารถเก็บไว้เป็นที่ระลึกได้อีกด้วย และถ้า ปณท จำหน่ายโปสการ์ด 30 ล้านฉบับหมด จะมีรายได้เหลือประมาณ 10 ล้านบาทเศษเท่านั้น
หลังจากหมดเขตส่งโปสการ์ดโหวตชื่อแพนด้าน้อยในวันที่ 5 ส.ค.แล้ว ปณท จะใช้เจ้าหน้าที่ประมาณ 1,200 คน โดยจ้างนักเรียนมาแยกโปสการ์ด และมีเจ้าหน้าที่ ปณท อีกส่วนหนึ่งที่มากำกับดูแลการดำเนินการคัดแยก จนถึงขั้นตอนการจับสลากผู้โชคดีในวันที่ 10 ส.ค. ซึ่งถือว่า ปณท ต้องทำงานแข่งกับเวลามาก เพราะมีเวลาดำเนินการในส่วนนี้แค่ 4 วัน และคาดว่าประชาชนส่วนใหญ่จะส่งโปสการ์ดในช่วงใกล้วันหมดเขต ยิ่งทำให้ ปณท ต้องทำงานหนักยิ่งขึ้น จึงอยากแนะนำให้ประชาชนส่งโปสการ์ดโหวตชื่อมาแต่เนิ่นๆ
ส่วนที่เชียงใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศสวนสัตว์เชียงใหม่ ว่า ช่วงเช้าวันนี้ทางทีมวิจัยหมีแพนด้าตรวจสุขภาพของลูกแพนด้าน้อย โดยพยายามนำอาหารต่างๆนานามาให้หลินฮุ่ยเพื่อเบียงเบนความสนใจ จะได้นำลูกออกมาจากอ้อมอกหลินฮุ่ยได้ แต่หลินฮุ่ยรู้ทันทีมวิจัย ก็พยายามอยู่ห่างจากซี่กรง ทำให้ทีมงานต้องดำเนินการอยู่นานกว่า 15 นาทีจึงได้ตัวลูกแพนด้าน้อยมาทำการตรวจสุขภาพ โดยในวันนี้ทางทีมวิจัยได้นำลูกออกมาจากอ้อมอกแม่ได้นานกว่า 45 นาที
นายประเสริฐศักดิ์ บุญตระกูลทวี หัวหน้าโครงการวิจัยหมีแพนด้าประเทศไทย กล่าวว่า แพนด้าน้อยมีร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงมาก มีน้ำหนักมากถึง 955 กรัม ความยาวลำตัว 29 เซนติเมตร ความยาวของหางและขาและรอบอกเท่าเดิม สามารถนอนในตู้อบโดยไม่ต้องห่มผ้า แพนด้าน้อยชอบนอนในท่าคว่ำ ไม่ชอบนอนหงาย หากจับนอนหงายท้องจะร้องและดิ้นอย่างแรง การตรวจสุขภาพวันนี้แพนด้าน้อยยังไม่ได้กินนมเต็มที่ ทำให้น้ำหนักตัวคาดว่าจะน้อยกว่าการได้กินนมเต็มอิ่ม เฉลี่ยแล้วน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นจากแรกเกิดวันละ 50 กรัม ถือเป็นปริมาณที่สมบูรณ์
นายประเสริฐศักดิ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบของนายเหว่ย หมิง ผู้เชี่ยวชาญจากประเทศจีน ที่เลี้ยงลูกหมีเกิดใหม่มาแล้วทั่วโลกกว่า 200 ตัว พบว่าแพนด้าน้อยของเราเป็นแพนด้าน้อยที่พิเศษมากๆ ตัวหนึ่งของโลก นั้นคือตรงส่วนสีดำที่ขาหลัง แพนด้าทั่วไปจะมีสีดำจนถึงโคนขา แต่แพนด้าน้อยมีสีดำถึงแค่หัวเข่าเหมือนใส่ถุงเท้าดำไว้ ซึ่งเป็นลักษณะพิเศษที่ในร้อยตัวจะพบซัก 1 ตัวเท่านั้น
การนำแพนด้าน้อยออกมาตรวจสุขในวันนี้มีอุปสรรคที่เกิดขึ้นมาก็คือหลินฮุ่ย นั้นฉลาดมาก รู้กว่าทางทีมวิจัยจะมาเอาลูกไปจึงไม่ยอมมาใกล้กรง และเวลาเราเอาอาหารล่อก็จะเอามือข้างที่อุ้มลูกออกห่างและเอามืออีกข้างเอื้อมมาหยิบอาหาร ซึ่งเป็นภาพที่น่ารักน่าชังมาก แต่เราก็หลอกล่อจนได้ลูกมาในที่สุด