ยาลดน้ำหนัก โยโย่(น้ำหนักกลับมาเพิ่ม) 100% !
อันตรายของยาลดน้ำหนักเป็นเหตุผลหลักที่เราไม่ควรทานยาลดน้ำหนัก แต่อีกเหตุผลหนึ่งซึ่งสำคัญพอๆกัน และเป็นเหตุผลที่ทำให้แม้ว่าเราจะไม่กลัวตาย เราก็ไม่ควรทานยาลดน้ำหนักอยู่ดี เหตุผลนั้นก็คือ การทานยาลดน้ำหนักนั้น ไม่ว่าเราจะใช้ความพยายามแค่ไหน หรือทานยาหยุดก็ตาม สุดท้ายก็จะเกิดโยโย่อยู่ดี(น้ำหนักตัวกลับมาเพิ่ม) ขึ้นอยู่กับว่าจะช้าหรือเร็วแค่ไหน
ยาลดน้ำหนัก ทำลายการเผาผลาญ
นี่คือสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดโยโย่ขึ้น เพราะว่าเวลาที่เราทานยาลดน้ำหนัก ด้วยผลต่อระบบประสาทจะทำให้เราทานอาหารน้อยลงมากๆ เมื่อเราทานอาหารน้อยลงเราได้พลังงานน้อยลง ร่างกายเราจะไปดึงพลังงานจากไขมันที่สะสมในร่างกายเรามาใช้ น้ำหนักตัวจึงลดลง แต่การที่เราทานอาหารน้อยลงจะทำให้เราขาดสารอาหาร(โดยเฉพาะโปรตีน) ผลที่เกิดขึ้นกับร่างกายก็คือน้ำหนักของเราที่ลดลงได้ นอกจากเกิดจากไขมันที่ลดลงแล้ว เรายังสูญเสียโปรตีน(กล้ามเนื้อ)ไปด้วย (การที่เราสูญเสียกล้ามเนื้อไประหว่างลดน้ำหนักจะทำให้คนที่ทานยาลดน้ำหนัก สัดส่วนจะลดลงไม่มากอย่างที่ควรจะเป็น และจะเป็นการลดที่สัดส่วนไม่กระชับอีกด้วย)
เมื่อร่างกายสูญเสียโปรตีนร่างกายเราจะเผาผลาญน้อยลง นอกจากนี้จากการทานอาหารที่ได้พลังงานที่น้อยเกินไป ร่างกายเราจะมีการปรับตัวเพราะเข้าใจผิดว่าอยู่ในสภาวะขาดอาหาร ร่างกายจะเริ่มหาวิธีประหยัดพลังงานซึ่งจะทำให้อวัยวะต่างๆทำงานน้อยลง ซึ่งจะทำให้ร่างกายของเราเผาผลาญน้อยลง
ยิ่งเราทานยาลดน้ำหนักนานเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งเสียโปรตีน(กล้ามเนื้อ)ไปมากเท่านั้น และยิ่งทำให้ร่างกายเราทำงานน้อยลงเท่านั้น และร่างกายเราก็จะยิ่งเผาผลาญน้อยลงเท่านั้น และเมื่อร่างกายเราเผาผลาญน้อยลงไปเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งลดน้ำหนักยากและน้ำหนักเพิ่มง่าย
เช่น ปกติร่างกายเราอาจจะเผาผลาญประมาณ 2,000กิโลแคลอรี่/วัน หลังจากทานยาลดน้ำหนักไปซักพักหนึ่งแล้ว ระดับการเผาผลาญอาจลดลงเป็น 1,200-1,500กิโลแคลอรี่/วัน(หรือต่ำกว่า) และนี่จะเป็นจุดเริ่มต้นของหายนะ
จุดเริ่มต้นของโยโย่
เมื่อคนที่ทานยาลดน้ำหนักหยุดทาน แม้ว่าช่วงแรกๆอาจจะยังทานอาหารน้อยเพราะพึ่งจะเลิกทานยา ยังชินกับการทานน้อยๆ แต่เมื่อผ่านไปซักพักก็จะกลับมาทานในระดับปกติ ซึ่งโดยปกติแล้วเราจะได้พลังงานจากอาหารที่เราทานเฉลี่ยประมาณ 2,000กิโลแคลอรี่/วัน ถ้าร่างกายเราเป็นปกติจะเผาผลาญพลังงานประมาณ 2,000กิโลแคลอรี่/วันก็จะไม่มีปัญหาอะไร
แต่ผลจากการทานยาลดน้ำหนักทำให้การเผาผลาญของเราลดลงตาม ลองคิดดูว่า หากเราได้พลังงานจากการทานอาหารวันละ 2,000กิโลแคลอรี่ แต่ร่างกายเราเผาผลาญ (ใช้) เพียงวันละ 1,200-1,500กิโลแคลอรี่ พลังงานส่วนที่เหลือร่างกายก็จะเก็บเอาไว้ใช้ โดยร่างกายก็จะเก็บในรูปของไขมัน พลังงานส่วนเกินนี้จะทำให้ร่างกายเราสะสมไขมันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ น้ำหนักเราก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ(เพิ่มเดือนละประมาณ 3 กิโลกรัม)
สรุปก็คือหากใครทานยาลดน้ำหนัก เมื่อไหร่ก็ตามที่กลับมาทานอาหารปกติ น้ำหนักตัวจะกลับมาเพิ่ม(โยโย่) อย่างแน่นอน 100%
ยาหยุดไม่ช่วยอะไร อาจจะยิ่งทำลาย
บางคนอาจจะได้รับการบอกกล่าวจากหมอว่า มียาหยุดไม่ต้องห่วงโยโย่ ความจริงแล้วยาหยุดก็คือยาตัวเดิมแต่อาจจะมีปริมาณยาน้อยลง เหมือนทานยาพิษที่น้อยลงแต่นานขึ้น การทานยาหยุดไม่ได้ทำให้การเผาผลาญที่สูญเสียไปกลับคืนสู่สภาพปกติ แค่ช่วยให้ร่างกายค่อยๆปรับตัวได้เท่านั้นเอง ตรงกันข้าม ช่วงที่เราทานยาหยุดจะเป็นช่วงที่เราขาดสารอาหารด้วย ก็จะเป็นการเพิ่มช่วงเวลาทำลายการเผาผลาญของเรา จะยิ่งทำให้น้ำหนักตัวเราเพิ่มขึ้นง่ายด้วย
การควบคุมอาหารต่อ ก็แค่การชะลอ และทำให้โยโย่มากขึ้น
หลายคนอาจจะใช้วิธี หลังจากหยุดยาแล้วก็พยายามควบคุมอาหารต่อ โดยพยายามทานให้น้อยลง วิธีการนี้เป็นเพียงการชะลอการโยโย่ให้ยืดออกไปเท่านั้น เพราะว่าการเผาผลาญของร่างกายเราได้สูญเสียไปแล้ว วันใดก็ตามที่เรากลับมาทานอาหารแบบปกติ น้ำหนักตัวก็จะเพิ่มขึ้นอยู่ดี
ในขณะเดียวกันนั้น การที่พยายามควบคุมต่อ ก็จะยิ่งทำให้ร่างกายขาดสารอาหารนานขึ้น ร่างกายเราสูญเสียโปรตีน(กล้ามเนื้อ) มากขึ้น ร่างกายเราก็จะยิ่งเผาผลาญน้อยลงไปอีก และยิ่งร่างกายเราเผาผลาญน้อยลงน้ำหนักตัวก็จะกลับมาเพิ่มง่ายยิ่งขึ้นและลดลงยากยิ่งขึ้น และเมื่อรวมกับผลจากการที่เราอายุมากขึ้นทุกวัน น้ำหนักตัวเราก็จะยิ่งเพิ่มง่ายมากขึ้นและลดยากขึ้นเรื่อยๆ
เราสามารถสรุปได้เลยว่า “การทานยาลดน้ำหนัก ยังไงน้ำหนักก็จะกลับมาเพิ่มแน่นอน 100%”
ตอนจบของละครเรื่องนี้
ละครฉากนี้เราจะสามารถเห็นได้จากคนที่พยายามใช้วิธีการลดน้ำหนักด้วยการทานยาลดน้ำหนัก ผลที่ได้ก็คือการไปทานครั้งแรกร่างกายได้พลังงานจากอาหารน้อยลง น้ำหนักจึงลดลงพร้อมๆกับร่างกายเผาผลาญน้อยลง
หลังจากนั้นก็กลับไปใช้ชีวิตปกติทานอาหารปกติ น้ำหนักตัวก็ค่อยๆขึ้นมาจนเริ่มจะเท่าเดิม ก็ตัดสินใจกลับไปทานยาอีก น้ำหนักก็ลดลงอีกพร้อมๆกับร่างกายเผาผลาญน้อยลงกว่าเดิม
หลังจากนั้นก็กลับไปใช้ชีวิตปกติจนน้ำหนักเพิ่มแล้วก็กลับไปทานยาอีก จนร่างกายเผาผลาญน้อยลงเรื่อยๆจนเผาผลาญน้อยมาก ถึงตอนนี้แม้จะกลับไปทานยาน้ำหนักก็ไม่ลดลงแล้ว มีแต่รอให้น้ำหนักตัวเท่าเดิมกับเพิ่มขึ้นเท่านั้น ถึงตอนนี้แม้ว่าจะทานอาหารไม่มากก็มีโอกาสน้ำหนักตัวจะเพิ่มขึ้นได้(จบแบบไม่แฮปปี้เอ็นดิ่ง)
ที่น่ากลัวที่สุดก็คือ การทานยาลดน้ำหนักจะเป็นการเพิ่มภาระให้กับหัวใจและอวัยวะอื่นๆ ในขณะที่การลดน้ำหนักแบบนี้ทำให้ร่างกายเราสูญเสียโปรตีน เรื่องที่น่าตกใจก็คือกล้ามเนื้อหัวใจก็คือโปรตีนที่มีโอกาสจะถูกดึงไปใช้ได้เช่นกัน เมื่อหัวใจต้องทำงานหนักขึ้นในขณะที่กล้ามเนื้อหัวใจมีน้อยลง ตอนจบของละครเรื่องนี้อาจเป็นเหมือนข่าวร้ายที่ได้ยกตัวอย่างมาก็เป็นได้
นอกจากนี้การทานยาลดน้ำหนักจะทำให้ร่างกายเราได้รับสารอาหารไม่เพียงพอซึ่งจะทำให้ ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ กระดูกพรุน กล้ามเนื้ออ่อนแอ ผิวพรรณไม่สดใส แก่ก่อนวัย
ฟันธง, คอนเฟิร์ม
ยาลดน้ำหนักเหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาทางจิตใจที่ไม่สามารถบังคับตัวเองได้ “เท่านั้น” ส่วนใครที่ยังมีสติครบถ้วนและมีปัญญาพิจารณาได้ก็ไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะไปใช้วิธีนี้ หากใครรู้แล้วยังไปลองก็อย่าโทษใคร และขอให้ทำใจกับปัญหาที่รออยู่หลังจากทานยาลดน้ำหนักไปแล้ว
ขอบคุณบทความจาก www.LodnUmnUk.com