ชีวิตวัยทำงานของครู
ระยะแรก
ครูเรากว่าจะเริ่มบรรจุได้ก็อายุ เริ่มที่ประมาณ ยี่สิบสอง สาม ปีขึ้นไป ประมาณนี้ เริ่มต้นส่วนมากก็เริ่มด้วยวัยหนุ่มสาว อาจเป็นโสด บ้านพักครู หรือบ้านเช่า โชคดีพบคู่ครอง ประเภทหลวงส่งมาให้ เมียคุรุสภา อะไรทำนองนี้
ระยะก่อร้างสร้างตัว
จากนั้นก็เริ่ม มีครอบครัวเป้นฝั่งเป็นฝา มีทายาทสืบสันดาน ครูเราก็เริ่มศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม สร้างสรรค์ผลงาน จนมีวิทยฐานะเพิ่มขึ้น มีลูกเต้าต้องเลี้ยงดูเขา ประมาณ สองสาม คนแล้วความสามารถและความพร้อม ส่งเสียให้เขาได้ศึกษาหาความรู้ตามศักยภาพและความต้องการของตน กว่าตนเองจะเรียนจบปริญญาโท ลูกก็จบมัธยมปลาย หรือต่ออุดมศึกษา บางคนเรียนปริญญาโทก้นำคู่สมรสมาเรียนพร้อมกันก็มี จะได้จบไปพร้อมกัน เพราะฉะนั้นระยะนี้ครูก็มีรายจ่ายเพิ่ขึ้น อีกทั้งบุพการี ก้เริ่มชราเข้าสู่วันฃยเจ็บป่วย เราผุ้กตัญญูก้ต้องดูแลท่าน ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง เงินทองก็ชักหน้าไม่ถึงหลัง อาจต้องพึ่งพาแหล่งเงินกู้ สหกรณ์ออมทรัพย์ครู ชพค. ชพส. เรียกว่าเงินเถ้า เงินกระดูก ก็หยิบยืมมา แต่ครูเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ มีความประมาณตน เพียงพอก่อหนี้ ไม่ล้นพ้นเกินกว่าจะหาชำระได้
ระยะบั้นปลายชีวิตราชการ
วิถีชีวิตครูก็เปลี่ยนแปลงไป วางเป็นไปในทางที่ดีขึ้น ลูกเต้าที่เราส่งเสียเขาเริ่มมีการมีง่านทำ หรือถึงขนาดเป็นฝั่งเป็นฝาเราก็กลายสภาพเป็นปู่ย่าตายายไป เกิดความอบอุ่นใจได้เลี้ยงลูกเลี้ยงหลาน มันเป็นความสุขคล้ายตอนรับบทเป็นพ่อเป็นแม่ใหม่ ๆ บางคนคนก็ก้าหน้าเข้าไปอีก เรียนปริญญาเอก ภาระต่าง ๆ ด้านการเงิน ก็แทบจะไม่แบกภาระอะไร เพราะทุกอย่างก้อยู่ตัวแล้ว เงินเดือนก็รับเกือบเต็มเม็ดเต็มหน่วย ไม่ต้องชำระดกเบี้ย ซื้อรถ ซื้อบ้านอีกแล้ว ถึงมีก็เบาบาง
วัยปลาย
หากดำเนินชีวิตในช่วงนี้ หากดำเนินชีวิตดี วางแผนชีวิตเอาไว้ดี ก้จะได้รับผลของความพากเพียรในวัยหนุ่มสาว จนสามารถตักตวงเอาเอาสุขในบั้นปลายชีวิตได้ แต่หากิได้ลงทุนลงแรงอะไรมากนักในเวลาที่ผ่านมา อาจต้องใช้หนี้ อาจอดมื้อกินมื้อ ทุกอย่างย่อมเป็นไปตามกรรม ทำกรรมดีไว้ กรรมดีก็ตอบสนอง ถอเป็นเรื่องปกติ นี่แหละชีวิตครูไทย