ขึ้นชื่อว่าความสกปรกไม่มีใครชอบ
เสื้อผ้าสกปรกก็ไม่มีใครอยากสวมใส่ อาหารที่มีสิ่งเจือปนก็ไม่มีใครต้องการรับประทาน บ้านที่มีความสกปรก ย่อมจะนำโรคภัยมาให้ผู้ที่อยู่อาศัย ทุกคนล้วนแล้วแต่ไม่ชอบความสกปรกทั้งสิ้น
ขณะที่อยู่ในช่วงว่าง ๆ อยู่คนเดียว ทำให้ได้คิด มีโอกาสตรวจสอบสิ่งที่ไม่ดี สิ่งสกปรกที่มีอยู่ภายในตัวเรา เพื่อจะทำการซักล้างหรือทำความสะอาดบ้าง เพราะสิ่งที่เราได้ลงมือทำ ผลที่ได้ก็คือตัวเรา ส่วนบุคคลภายนอกเป็นอานิสงค์ที่แผ่กระจายจากคุณความดีที่เราได้กระทำนั่งเอง
ทุกเวลานาที มีความดี ความไม่ดีมาสู่เราหลายเรื่องในแต่ละวัน มีทั้งดีใจ เสียใจ มีได้ มีเสีย มีสุข มีทุกข์ มีเจ็บใจ มีความสบายใจ หมุนเวียนเปลี่ยนไป ตามหลักสัจธรรมที่ว่า ทุกสิ่งมีการเกิดขึ้นในเบื้องต้น ดำรงอยู่ในท่ามกลาง มีการดับไปในที่สุด
การที่เราเข้าใจในหลักสัจธรรมจะทำให้เรามีความเข้าใจในธรรมชาติของชีวิตมากขึ้น เมื่อยามประสบพบกับสิ่งที่เราไม่ต้องการ ไม่สมหวัง อย่างน้อยยังจะเป็นภูมิคุ้มกันให้เราได้ไม่ต้องทุกข์มากจนเกินไป
บางครั้งเราอยู่กับสิ่งที่สกปรก ทั้ง ๆ ที่ทราบว่าไม่ดี แต่เราก็รัก ก็คิดถึงมันอยู่ตลอดเวลา ไม่ยอมสลัดทิ้ง ทั้งนี้ ก็เนื่องจากสิ่งเหล่านั้นมีพลังมากจนอยู่เหนือพลังใจของเรา ทำให้พลังใจไม่สมารถต้านทานพลังนั่นได้ สิ่งที่สกปรกและควรที่เราจะล้างเสียทีในแต่ละวัน ก่อนจะเข้านอน ควรตรวจสอบสิ่งที่ผ่านมาในแต่ละวัน และอธิษฐานจิต เพื่อพัฒนาตนเองให้ดีก้าวหน้ายิ่งขึ้น ควรจะมีดังนี้
1. ล้างความคิด สิ่งเราคิดมีทั้งแง่บวก และแง่ลบ สร้างสรรค์และทำลาย ทางดีและชั่ว เห็นแก่ตัวและไม่เห็นแก่ตัว แบ่งเป็นฝ่ายสีเหลือง และสีแดง ควรจะล้างความคิดที่ไม่ดี ความคิดในแง่ลบ ไม่สร้างสรรค์ ความเห็นแก่ตัว ความคิดแบ่งเป็นฝ้กเป้นฝ่าย ออกเสียที
2.ล้างจิตล้างใจ ในจิตใจของเราจะมีกิเลสต่ง ๆ ที่เข้ามาทำให้จิตใจมีความสปรกเศร้าหมอง มีความโกรธ ความเกลียด ความรัก ความหลง มีความอาฆาตพยายาบาท มีความเมตตา ความกรุณา มีความเสียสละ ก็ควรจะล้างกิเลสที่ไม่ดีออกไปด้วยการอ่านหนังสือธรรมะ บำเพ็ญจิตภาวนาเท่าทีมีโอกาส เพื่อความสุข ความสงบ ความสะอาด ความสว่างของจิตใจของเรา
3.ล้างนิสัยที่ไม่ดี เพราะนิสัยเป็นพฤติกรรมที่เรากระทำและแสดงออกอยู่เนื่อง ๆ (กรรม) ซึ่งจะส่งผลต่อเราทั้งในปัจจุบันและอนาคต อยากรู้ว่าอนาคตจะเป็นเช่นใด ก็ดูการกระทำของเราในปัจุบัน ปัจจุบันเป็นเช่นใด เพราะนิสัยที่ทำในอดีตที่ผ่านมา สิ่งไหนดีมีประโยชน์ก็คงไว้และรักษาพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น สิ่งไหนไม่ดีก็พยายามลดละ ซึ่งต้องใช้เวลาในการละเลิกอยู่บ้าง หากมีความพยายามก็ต้องสำเร็จ
4. ล้างวจีที่ไม่ไพเราะ คำพูดที่ดี มีสาระจะต้องประกอบด้วยพูดแต่เรื่องดี ๆ มีประโยชน์ ถูกกาละเทศะ เป็นเรืองจริง และประกอบด้วยความเมตตา เกิดความรัก ความสร้างสรรค์ ความสมัครสมานสามัคคี ไม่สร้างความแตกแยก หากคำพูดใดมิได้เป็นไปดังว่าก็ควรพยายามลดละ เลิก ให้ลด้อยลงไป
หากได้พยามล้างสิ่งที่ไม่ดีดังกล่าวได้ ก็จะเป็นประโยชน์ต่อผู้กระทำเอง ต่อเพื่อนฝูง ต่อครอบครัว และผู้อยู่ใกล้ชิดก็จะไดรับความสุข ความร่มเย็นไปด้วยไม่มากก็น้อย
จงมาร่วมกันล้างความคิด ล้างจิตล้างใจ ล้างนิสัยที่ไม่ดี และล้างวจีที่ไม่ไพเราะกัน กันเถอะ