นางผีเสื้อสมุทรเป็นตัวละครจากวรรณคดีเรื่องพระอภัยมณี ที่คนรู้จักกันมากที่สุดตัวหนึ่งในวรรณคดีไทยทั้งหมด แม้จะไม่มีบทบาทมากนักในเรื่อง แต่ก็ถือเป็นต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมด อีกทั้งมีร่างกายสูงใหญ่ รูปร่างอัปลักษณ์ ทำให้คนจดจำนางได้มากขึ้น แต่ก็มักจะจดจำในแง่ร้าย โดยเฉพาะในความอัปลักษณ์ของนาง จนถึงกับมีคำเปรียบเทียบว่า "ผู้หญิงคนนั้นอ้วนและตัวใหญ่อย่างกับผีเสื้อสมุทร" ถ้าพิจารณาให้ลึกซึ้งแล้วนางผีเสื้อสมุทรมีชีวิตรักที่น่าสงสารมาก คงโทษใครไม่ได้ นอกจากตัวนางเองที่หลงรักพระอภัยมณี จนต้องรักสลายอย่างนี้ เพื่อเป็นการรำลึกถึงสุนทรภู่ จินตกวีเอกผู้ปั้นนางผีเสื้อสมุทรขึ้นมา วันนี้เอาชีวิตรันทดของนางมาเล่าให้ฟังค่ะ น่าสงสารจริงๆ .....
วันหนึ่ง นางผีเสื้อ ออกจากถ้ำไปเที่ยวหาอาหารกินตามปกติ โดยเอาหินแผ่นใหญ่ปิดปากถ้ำไว้ สินสมุทร ซึ่งต้องอยู่แต่ในถ้ำเหมือนกัน ก็เฝ้าดูแล พระอภัยมณี จนหลับไปแล้ว จึงวิ่งเล่นอยู่ในถ้ำจนเลยไปถึงปากถ้ำ ด้วยความซุกซนก็ลองผลักแผ่นหินที่ปิดปากถ้ำอยู่ ความที่มีเรี่ยวแรงผิดเด็กธรรมดาหลายเท่าหินนั้นก็เขยื้อนและล้มลงไป ทำให้มองเห็นหาดทรายอันสวยงาม มีท้องทะเลกว้างขวางออกไปสุดสายตา ซึ่งไม่เคยเห็นมาก่อน จึงวิ่งออกไปเล่นนอกถ้ำ เล่นทรายพอใจแล้วก็โดดลงไปในทะเล ก็สามารถว่ายน้ำและดำน้ำได้ เช่นเดียวกับมารดา ทั้งว่องไวแข็งแรง เที่ยวไล่จับปลาใหญ่มาขี่เล่นได้
จนกระทั่งไปเจอเงือกซึ่งตัวเป็นคนมีหางเป็นปลา เห็นแปลกประหลาดดี จึงจับตัวลากขึ้นมาบนหาด แล้วก็ลากเข้าไปในถ้ำให้บิดาดูว่าเป็นตัวอะไร พระอภัยก็ตกใจที่สินสมุทรออกไปนอกถ้ำได้ ถ้านางผีเสื้อรู้เข้าก็คงจะต้องตายกันทั้งพ่อลูกเป็นแน่ สินสมุทรก็สงสัยว่าทำแค่นี้ เหตุใดแม่จะดุร้ายขนาดนั้น พระอภัยจึงเล่าเรื่องเดิมให้ลูกฟัง สินสมุทรจึงรู้ความจริงว่าแม่นั้นเป็นยักษ์ แต่ที่เห็นทุกวันนั้นได้แปลงเป็นมนุษย์แล้ว
ฝ่ายเงือกที่ถูกจับมานั้น เป็นชายชราอายุห้าร้อยแปดสิบปีเศษ เมื่อรู้ว่าพระอภัยกำลังเดือดร้อน จึงขอชีวิตไว้และจะยอมรับใช้ทุกอย่าง พระอภัยก็ปรึกษาเรื่องภูมิประเทศในท้องทะเลแถบนี้ เงือกผู้เฒ่าก็บอกหนทางว่า ถ้าไปทางเหนือ จะถึงภูเขามหิงสิงขร ไปทางใต้ถึงเกาะแก้วพิสดาร ต้องเดินทางถึงเจ็ดเดือน ตลอดเขตแดนนี้ไม่มีบ้านเมือง นอกจากจะมีสำเภาจากเกาะลังกา แล่นผ่านมาบ้างเป็นบางปี
ถ้ามีเรือแตกก็ลอยคอไปอาศัยพระฤาษีที่เกาะแก้วพิสดาร พระฤาษีองค์นี้มีอายุประมาณพันเศษ มีฤทธิอำนาจปราบภูติพรายทั้งหลายได้ ถ้าหนีไปอาศัยอยู่ก็จะปลอดภัย เพราะนางผีเสื้อเข้าไปรบกวนไม่ได้ แต่หนทางก็ไกลไม่น้อยกว่าร้อยโยชน์ ถ้าตัวเงือกจะว่ายน้ำพาไป ก็จะต้อง เดินทางถึงเจ็ดวันเจ็ดคืน ส่วนนางผีเสื้อนั้นมีกำลังมาก ไล่ตามประมาณสามวันก็ทันกันจะต้องหาหนทางหลอก ให้นางไปค้างในป่าก่อนสักสองสามวันจึงจะพอหนีพ้นไปได้ พระอภัย ดีใจให้ สินสมุทช่วยพาเงือกไปส่งลงน้ำ แล้วกลบเกลื่อนร่องรอยเสียให้เรียบร้อย ก่อนที่จะกลับมาอยู่ในถ้ำ ก็ปิดปากถ้ำเสียตามเดิม
ฝ่ายนางผีเสื้อกลับมาตอนเย็น ก็เข้าป่าหาผลไม้นา ๆ ชนิด มาฝากลูกผัวเป็นอาหารเย็น แต่ตนเองนั้นกินปลาในท้องทะเลมาอิ่มแล้ว ทั้งสองพ่อลูกกินอาหารแล้วก็นอนหลับไป ส่วนนางผีเสื้อนอนไม่หลับกระสับกระส่ายอยู่จนเกือบรุ่งสว่าง จึงงีบไปและฝันว่าเทวดาประจำเกาะนี้ มาทำลายถ้ำที่อาศัย ทั้งทุบตีนางให้เจ็บปวดแล้วควักเอาดวงตาของนางไปเสียด้วย ก็ตกใจตื่นเล่าความฝันให้สามีฟัง
พระอภัยได้โอกาสก็ว่า ฝันครั้งนี้ร้ายนักอาจถึงที่ตาย แล้วก็ร้องไห้รำพันว่า ถ้าไม่มีนางผีเสื้อแล้ว ตนกับลูกก็จะไม่มีที่พึ่งอาศัยจะอยู่ต่อไปได้อย่างไร แล้วแนะนำให้ไปเสดาะเคราะห์ ด้วยการอดอาหารอยู่ที่เชิงเขาเป็นเวลาสามวันสามคืน จึงจะหมดเคราะห์ นางผีเสื้อก็ยินดีทำตามด้วยความรักลูกรักผัว มิได้ระแวงสงสัยอะไร
พอเช้าขึ้น นางผีเสื้อเข้าป่าไปแล้ว พระอภัยก็หอบปี่ชวนลูกเปิดประตูถ้ำออกไปที่ชายหาด เงือกเฒ่าก็พาเงือกเมียและลูกสาวมาคอยตามรับนัดและให้พระอภัยขี่คอตนเอง สินสมุทรขี่คอเมีย ส่วนลูกสาวก็ตามไปข้างหลัง ว่ายน้ำไปทั้งวันทั้งคืนแวะหาผลไม้กินตามเกาะเล็กเกาะน้อย โดยไม่ยอมหยุดพักเลย
พอครบสามวันนางผีเสื้อกลับมาถึงถ้ำด้วยความหิวโหยและอ่อนเพลีย ก็ไม่พบสองพ่อลูกทั้งปี่ก็หายไปด้วย จึงรู้ว่าได้พากันหลบหนีไปเสียแล้ว นางก็ร้องไห้เสียใจฟูมฟายน้ำตา กลิ้งเกลือกจนสลบไป พอฟื้นขึ้นมาก็มีความโกรธแค้น รีบออกติดตามพระอภัยและลูกชายไปทางทิศใต้ ตามที่พวกผีพรายลูกน้องบอกเล่า และว่าที่ไม่กล้าขัดขวางนั้น ก็เพราะเกรงกลัวฤทธิ์ของสินสมุทร
"นางผีเสื้อเหลือโกรธโลดทะลึ่ง โดดดังหนึ่งยุคุนธรขุนไศล
ลุยทะเลโครมครามตามออกไป สมุทรไทแทบจะล่มถล่มทลาย
เหล่าละเมาะเกาะขวางหนทางยักษ์ ภูเขาหักหินหลุดทรุดสลาย
เสียงครึกครื้นคลื่นคลุ้มขึ้นกลุ้มกาย ผีเสื้อร้ายรีบรุดไม่หยุดยืน"
ทางครอบครัวเงือกนั้น พาพระอภัยกับสินสมุทรหนีมาได้ห้าวันห้าคืน ก็ได้ยินเสียงนางผีเสื้อยักษ์ตามมาข้างหลัง พระอภัยสงสารเงือกก็บอกให้ส่งลงที่เกาะเล็กกลางทะเล แล้วรีบหนีเอาตัวรอดไปเถิด ถ้านางยักษ์ตามมาทัน ก็จะให้สินสมุทรกลับไปกับมารดา ส่วนตนเองจะขอยอมตายอยู่ที่นี่ แต่สินสมุทรไม่กลัวจะอยู่คอยห้ามมารดาไว้ ให้เงือกทั้งสามพาพระอภัยหนีต่อไป แต่เงือกเฒ่าหมดแรงลงต้องให้พระอภัยขี่คอลูกสาวแทน
พอนางผีเสื้อตามมาเจอ สินสมุทรก็แกล้งเจรจาหน่วงเหนี่ยวเอาไว้ให้ล่าช้าไว้ก่อน จนนางผีเสื้อโกรธจะจับตัว สินสมุทรก็ว่ายน้ำหนี ย้อนกลับไปทางที่ผ่านมา นางผีเสื้อก็หลงตามไป แต่สินสมุทรว่องไวทำอย่างไรก็จับตัวไม่ได้ จนสินสมุทรวิ่งขึ้นไปบนเกาะใหญ่แห่งหนึ่ง แล้ววิ่งหนีอ้อมไปรอบภูเขา พอดีจวนค่ำมืด สินสมุทรก็ค่อย ๆ ถอยหลังลงน้ำ แล้วก็ดำอึดไม่โผล่ตามพระอภัยไป ปล่อยให้มารดาวนเวียนหาตัวอยู่รอบเกาะนั้น กว่าจะรู้ว่าถูกหลอก พระอภัยก็หนีไปได้อีกไกลโข
แต่พอรุ่งเช้า นางผีเสื้อก็ตามมาเจอเงือกสองตายาย ซึ่งหมดแรงว่ายล้าหลังอยู่ จึงถูกจับตัวให้พาไปตามหาพระอภัย ทั้งสองตายายก็พาไปเสียอีกทาง จนครึ่งวันแล้วก็ยังไม่เจอ นางผีเสื้อจึงจับฉีกเนื้อกินเสียทั้งคู่ สิ้นเวรกรรมไป
ฝ่ายเงือกสาวพาพระอภัยกับสินสมุทร มาใกล้จะถึงเกาะแก้วพิสดารพอจะมองเห็นหลังคากุฏิมุงกระเบื้องอยู่รำไร กำลังเร่งว่ายเข้าไปให้ถึงเกาะ นางผีเสื้อก็มาถึงทันพอดีเหมือนกัน แต่คว้าไม่ถูก พระฤาษีลงมาขัดขวางไว้เสียก่อน นางผีเสื้อกลัวฤทธิ์พระฤาษีจึงหยุดอยู่ที่ชายหาดนั้นเอง ทั้งพ่อลูกและเงือกน้อยจึงรอดชีวิต ขึ้นเกาะแก้วพิสดารไปอย่างหวุดหวิดเต็มที
นางผีเสื้อก็ออดอ้อน ตัดพ้อต่อว่าพระอภัยต่าง ๆ นานา ไม่ยอมกลับถ้ำ จะขอลาตายอยู่ที่นี่ ทั้งพระอภัยและสินสมุทรก็สงสารนางผีเสื้อ แต่จำใจต้องตัดขาดจากกัน
"พี่มนุษย์สุดสวาทเป็นชาติยักษ์ จงคิดหักความสวาทให้ขาดสูญ
กลับไปอยู่คูหาอย่าอาดูร จงเพิ่มพูนภาวนารักษาธรรม์
อย่าฆ่าสัตว์ตัดชีวิตพิษฐาน หมายวิมานเมืองแมนแดนสวรรค์
จะเกิดไหนขอให้พบประสบกัน อย่าโศกศัลย์แคล้วคลาดเหมือนชาตินี้"
นางผีเสื้อก็ไม่เปลี่ยนใจ พระฤาษีช่วยตักเตือนสั่งสอนก็ถูกนางผีเสื้อด่าย้อนกลับให้อีก พระฤาษีจึงเสกทรายขว้างนางผีเสื้อให้เจ็บปวด จนต้องหลบหน้าลงไปใต้ทะเล
พระอภัยมณีจึงอาศัยพระฤาษี อยู่บนเกาะแก้วพิสดารพร้อมด้วยสินสมุทร และนางเงือกกำพร้า เช่นเดียวกับพวกเรือแตกหลายชาติหลายภาษา ที่มาอาศัยอยู่ก่อน พระอภัยจึงได้เรียนภาษาเหล่านั้น จนพูดได้คล่อง สินสมุทรก็ได้เรียนวิชาประสาไสยเพท และเวทมนตร์คาถาจากพระอาจารย์ อยู่อีกนานประมาณสองปีทั้งสองพ่อลูกจึงขอบวชเป็นฤาษี รักษาศีลสร้างกุศลต่อไป
ต่อมาอีกไม่ช้า เรือสำเภาของท้าวสิลราชกษัตริย์เมืองผลึก ซึ่งพานางสุวรรณมาลีพระธิดาไปเที่ยวชมทะเล แล้วเกิดถูกพายุใหญ่พัดหลงทาง เข้ามาถึงเกาะแก้วพิสดาร พระฤาษีจึงขอฝากพระอภัยและสินสมุทร ให้อาศัยเรือกลับไปบ้านเมืองด้วย
ฝ่ายนางผีเสื้อยักษ์นั้น หลบพระฤาษีจากเกาะแก้วพิสดารแล้ว ก็ไม่ได้กลับไปถ้ำที่อาศัย คงเฝ้าเกาะอยู่ห่าง ๆ แต่วันที่เรือสำเภาของท้าวสิลราชแล่นออกจากเกาะนั้น อาศัยเวทย์มนต์คาถาของพระฤาษีกำบัง นางผีเสื้อจึงไม่เห็น จนเรือแล่นไปได้หลายวันแล้ว ภูติผีพรายลูกน้องของนางยักษ์ที่อยู่รอบนอกจึงเข้ามาบอก นางก็ติดตามไปถึงสิบห้าวันจึงทันกัน นางผีเสื้อก็ทำลายเรือสำเภาแตกจมลงก้นทะเล ท้าวสิลราชว่ายน้ำไม่ไหวก็จมน้ำสิ้นพระชนม์ไป
สินสมุทรซึ่งสมัครเป็นลูกเลี้ยง ของนางสุวรรณมาลี ก็พานางว่ายน้ำไปถึงเจ็ดวันเจ็ดคืน จึงได้ขึ้นพักบนเกาะร้างแห่งหนึ่ง ส่วนพระอภัยเกาะกระดานบานประตูเรือลอยไปขึ้นอีกเกาะหนึ่ง นางผีเสื้อไม่สนใจผู้ใด คงติดตามพระอภัยมาจนทัน แต่จับตัวไม่ได้ เพราะพระอภัยหนีขึ้นไปอยู่บนหน้าผา แล้วสวดภาวนาเวทมนตร์ของพระฤาษี ที่ให้ไว้คุ้มตัว
นางผีเสื้อก็ต้องเฝ้าอ้อนวอนอีกครั้ง พระอภัยก็ไม่ยอมใจอ่อน นางจึงร่ายมนตร์ให้ฝนตกฟ้าร้องจนแทบจะทนไม่ได้ เพราะไม่มีหนทางที่จะหนีไปไหนอีกแล้ว พระอภัยจำต้องตัดสินใจลาสิกขา จากเพศฤาษีมาเป่าปี่ จนนางผีเสื้อสมุทรขาดใจตายไปตามเสียงปี่ และกลายร่างเป็นศิลาตามเดิม พระอภัยลงจากภูเขามาดูเมียคู่ยากแล้วก็ได้แต่พร่ำรำพันไปตามประสา
"สงสารนักภัคินีเจ้าพี่เอ๋ย เป็นคู่เชยเคียงชิดพิศมัย
ถึงรูปชั่วตัวดำแต่น้ำใจ จะหาไหนได้เหมือนเจ้าเยาวมาลย์
ตั้งแต่นี้มีแต่จะแลลับ จนสิ้นดับกาลาปาวสาน
จนม้วยดินสิ้นฟ้าแลบาดาล มิได้พานพบกันเหมือนก่อนมา"
ชีวิตรักรันทดของนางยักษ์ขิณีผีเสื้อสมุทร อันเกิดจากความต่างชาติเชื้อ ต่างผิวพันธุ์ ต่างชั้นวรรณะกัน ก็ถึงคราสิ้นสุดลงที่จุดนี้เอง.