Æ การเป็นบุตรขอบด้วยกฎหมายของ
บิดามารดา Å
* การสมรสในที่นี้ หมายถึง การจดทะเบียนสมรสกัน โดยถูกต้องตามกฎหมาย
๑.๑ เด็กเกิดจากหญิงที่มิได้มีการสมรสกับชายให้ถือว่าเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของหญิงนั้น
๑.๒ เด็กเกิดแต่หญิงขณะเป็นภริยาชาย ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของชายผู้เป็นสามี
๑.๓ เด็กเกิดแต่หญิง ภายใน ๓๑๐ วัน นับแต่วันที่การสมรสกับชายได้สิ้นสุดลง ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า เป็นบุตรชอบด้วยกฎหายของชายผู้เคยเป็นสามี
๑.๔ ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า บุตรที่เกิดจากหญิง ก่อนที่ได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลแสดงว่าการสมรสเป็นโมฆะ หรือภายในระยะเวลา ๓๑๐ วัน นับแต่วันนั้น เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของชายผู้เป็นสามี หรือเคยเป็นสามี
๑.๕ กรณีที่หญิงทำการสมรสใหม่ และคลอดบุตรภายใน ๓๑๐ วัน นับแต่วันที่การสมรสเดิมสิ้นสุดลง ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า เด็กที่เกิดแต่หญิงนั้นเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของชายผู้เป็นสามีคนใหม่ เว้นแต่ มีคำพิพากษาของศาลแสดงว่า เด็กมิใช่บุตรชอบด้วยกฎหมายของชายผู้เป็นสามีคนใหม่นั้น
๑.๖ ในกรณีที่ชายหรือหญิง สมรสซ้อน เด็กที่เกิดในระหว่างสมรสซ้อนนั้น ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของชายผู้เป็นสามี ซึ่งจดทะเบียนสมรสครั้งหลัง
* ถ้าศาลพิพากษาว่า บุตรนั้นมิใช่บุตรชอบด้วยกฎหมายของชายผู้เป็นสามี ซึ่งได้จดทะเบียนสมรสครั้งหลัง ให้นำข้อสันนิษฐานตาม ข้อ ๑.๒ และ ๑.๓ มาใช้บังคับ
* ให้นำข้อ ๑.๖ มาใช้บังคับแก่เด็กที่เกิดภายใน ๓๑๐ วัน นับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด ให้การสมรสซ้อนนั้นเป็นโมฆะด้วย
การฟ้องไม่รับเด็กเป็นบุตรกรณีที่กฎหมายให้สันนิษฐานว่าเด็กเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมาย ของชายผู้เป็นสามีหรือเคยเป็นสามี ชายนั้นจะไม่รับเด็กเป็นบุตรของตน ก็ได้ โดยฟ้องเด็กกับมารดาเด็กเป็นจำเลยร่วมกัน โดยพิสูจน์ว่า
๑. ตนไม่ได้อยู่ร่วมกับมารดาเด็ก ในระยะเวลาตั้งครรภ์ คือ ระหว่าง ๑๘๐ วัน ถึง ๓๖๐ วัน ก่อนเด็กเกิดหรือ
๒. ตนไม่สามารถเป็นบิดาของเด็กได้ เพราะเหตุอย่างอื่น
* ถ้าขณะยื่นฟ้อง มารดาเด็กไม่มีชีวิตอยู่ จะฟ้องเด็กแต่ผู้เดียวเป็นจำเลยก็ได้
* ถ้าเด็กไม่มีชีวิตอยู่ ไม่ว่ามารดาของเด็ก จะมีชีวิตอยู่หรือไม่ จะยื่นคำร้องขอให้ศาลแสดงว่า เด็กนั้นไม่เป็นบุตรก็ได้
* ชายผู้เป็นหรือเคยเป็นสามี จะฟ้องคดีไม่รับเด็กเป็นบุตรไม่ได้ ถ้าปรากฏว่า ตนเป็นผู้แจ้งการเกิดของเด็กในทะเบียนคนเกิดเองว่า เป็นบุตรของตนหรือจัดหรือยอมให้มีการแจ้งดังกล่าว
* ผู้มีสิทธิฟ้องคดีไม่รับเด็กเป็นบุตร *
๑. ชายที่ถูกสันนิษฐานว่าเป็นบิดา
๒. ผู้มีสิทธิได้รับมรดกร่วมกับเด็ก หรือผู้จะเสียสิทธิรับมรดก เพราะการเกิดของเด็ก
* ผู้มีสิทธิฟ้องคดีตามข้อ ๒ จะฟ้องได้ต่อเมื่อ
๑. ชายผู้เป็นสามีหรือเคยเป็นสามี ตายก่อนพ้นระยะเวลาที่ชายผู้เป็นหรือเคยเป็นสามีจะพึงฟ้องได้ และต้องฟ้องภายใน ๖ เดือน นับแต่วันที่รู้ถึงการตายของชายผู้เป็นหรือเคยเป็นสามี
๒. เด็กเกิดภายหลังการตายของชายผู้เป็นหรือเคยเป็นสามี และต้องฟ้องภายใน ๖ เดือน นับแต่วันที่รู้ถึงการเกิดของเด็ก
* แต่ไม่ว่าเป็นกรณีใด ห้ามมิให้ฟ้องเมื่อพ้น ๑๐ ปี นับแต่วันเกิดของเด็ก *
ระยะเวลาการฟ้องคดีไม่รับเด็กเป็นบุตร
- การฟ้องคดีไม่รับเด็กเป็นบุตร ชายผู้เป็นหรือเคยเป็นสามี ต้องฟ้องภายใน ๑ ปี นับแต่วันรู้ถึงการเกิดของเด็ก แต่ห้ามมิให้ฟ้องเมื่อพ้น ๑๐ ปี นับแต่วันเกิดของเด็ก
- กรณีที่ศาลพิพากษาว่า เด็กมิใช่บุตรของชาย ผู้เป็นสามีคนใหม่ หรือชายผู้เป็นสามีในการสมรสครั้งหลัง ถ้าชายผู้เป็นสามีหรือเคยเป็นสามีที่ต้องด้วยข้อสันนิษฐานว่าเด็กเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของตน ประสงค์จะฟ้องคดีไม่รับเด็กเป็นบุตรให้ฟ้องคดีภายใน ๑ ปี นับแต่วันที่รู้ว่ามีคำพิพากษาถึงที่สุด
* * เด็กจะฟ้องคดีปฏิเสธความเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของชายนั้นก็ได้ โดยร้องขอต่ออัยการ
เด็กเกิดจากบิดา มารดา ที่มิได้สมรสกันจะเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของบิดาต่อเมื่อ
๑. บิดามารดาได้สมรสกันในภายหลัง
๒. บิดาได้จดทะเบียนว่าเป็นบุตร (มารดาและบุตรต้องให้ความยินยอมด้วย)
๓. ศาลพิพากษาว่าเป็นบุตร