การดูคนนั้น จะดูแต่รูปลักษณ์ภายนอกอย่างเดียวไม่สามารถจะบอกได้ว่าเป็นคนดีหรือคนเลว ต้องใช้เวลาในการคบหา และอยู่ใกล้ชิด ศึกษานิสัยใจคอกันพอสมควร จึงจะทราบได้ว่าเขาเป็นคนเช่นไร
คนใจบุญ หรือใจบาปก็เช่นกัน จะดูให้รู้ก็ต้องใช้เวลา ดูนิสัย การกระทำ การพูด และความประพฤติอื่น ๆ ประกอบกันเช่นกัน
แต่นักปราชฌ์สมัยโบราณท่านชั่งสังเกตุลักษณะของคนดีไม่ดี เพื่อสั่งสอนให้อนุชนรุ่นหลังได้นำไปปรับปรุงตน อย่างเช่น ท่านเหลียวฝานได้ให้โอวาทแก่ลูกชาย ถึงวิธีสังเกตคนบาปหนาไว้น่าสนใจ เพื่อที่จะเป็นแนวทางในการดูตนเองและปรับปรุงตนเอง ว่า
... ลูกจงสังเกตุคนที่บาปหนา มักจะปรากฎบุคคลิกภาพที่อาภัพให้เห็นได้ง่าย ๆ เช่น
เป็นคนขี้หลงขี้ลืม
ปวดหัวมึนงง งว่งเหงาหาวนอน
แม้จะไม่มีเรื่องร้ายแรงอะไรเกิดขึ้น ก็มีจิตใจที่หงุดหงิด เศร้าซึม
หวาดกลัว หาความสุขความร่าเริงไม่ได้ เห็นคนก็ไม่กล้าสบตา
ไม่ชอบฟังเทศน์ฟังธรรม
บางทีทำดีกับใครกลับได้ผลในทางตรงกันข้าม
กลางคืนนอนก็ฝันร้าย
พูดจาเลอะเลือน
จิตใจท้อแท้
เหล่านี้ล้วนเป็นนิมิตของคนบาปหนาทั้งสิ้น ถ้าลูกรู้สึกว่าเป็นเช่นนี้ ก็จงรีบหาทางแก้ไขโดยเร่งด่วน