ถ้าพูดถึงสิ่งของชิ้นหนึ่ง “ความใหม่” ย่อมสร้างความตื่นเต้น และความหวงแหนให้กับเจ้าของเป็นอย่างมาก แต่เมื่อสิ่งของชิ้นนั้นผ่านช่วงเวลานานพอสมควร เห็นจนชินตาบ่อยขึ้น ทำให้ความรู้สึกที่มี ไม่เหมือนกับครั้งแรกที่ได้มา แต่กลับเห็นเป็นเรื่องปกติ และชินชา จนวันหนึ่งต้องหาสิ่งที่ใหม่ และดีกว่ามาทดแทนความเก่าของสิ่งของชิ้นนั้น
เหมือนกันกับ “ชีวิตคู่” ที่เมื่อครั้งเจอรักแรกพบ ทุกสิ่งบนโลกนี้ก็เปลี่ยนเป็นสีชมพูขึ้นมาทันที เกิดอาการหัวใจเต้นถี่ขึ้นทุกครั้งที่พบเจอ หรือแม้กระทั่งได้พูดคุยกัน แต่พอตัดสินใจแต่งงานใช้ชีวิตร่วมทางกันแล้ว ความหวานฉ่ำในตอนแรกอาจเปลี่ยนไป นั่นเป็นสิ่งที่ต้องยอมรับกัน แต่ไม่ใช่ยอมแพ้ เพราะวันนี้ทีมงาน Life and Family มีเครื่องปรุงรสให้ชีวิตรักมีรสชาติที่กลมกล่อมมาฝากกัน เพื่อนำไปเป็นส่วนผสม ปรุงความรักให้ยืนยง และมีความสุขตลอดไป
1. ใส่ความสุขเต็มร้อยเข้าบ้าน
เมื่อเกิดความเครียดเรื่องงาน หรือเรื่องอื่นๆ ไม่ควรใส่เข้าบ้าน แต่ควรตักทิ้งออกให้หมด และนำความสุขกลับเข้ามาใส่แทน ด้วยการทำกิจกรรมร่วมกัน เช่น รับประทานอาหารร่วมกัน ดูโทรทัศน์ด้วยกัน (แต่ไม่ควรเป็นเรื่องการเมืองนะครับ ควรเป็นละคร หรือรายการทั่วไป) หรือเล่นวีดีโอเกมร่วมกันก็ได้ (ถ้าทั้งสองมีความชอบเหมือนกัน
2. ใส่ความเมตตา-ปรารถนาดีต่อกัน
คำว่า “คู่ชีวิต” คงต้องมีบ้าง ที่คนทั้งสอง ย่อมมีความคิด และความเข้าใจที่แตกต่างกัน เพราะเป็นเรื่องปกติที่คนเราไม่สามารถรับรู้ความคิดเห็นของฝ่ายตรงข้ามได้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น สิ่งสำคัญขอให้ใส่ความเมตตา ความปรารถนาดี และการให้อภัยแก่กัน เพราะเป็นเครื่องปรุงที่จะช่วยลดความแตกแยกที่เกิดจากความแตกต่างลงได้ นี่คือหลักธรรมข้อสำคัญที่จะช่วยอุ้มชีวิตรักให้ยั่งยืน
3. ใส่หัวใจพี่น้อง และเพื่อนสนิทให้กัน
นอกจากจะอยู่ในฐานะคู่รักกันแล้ว ชีวิตคู่ต้องสวมบทบาท และใส่หัวใจของความเป็นพี่น้อง และความเป็นเพื่อนสนิทให้แก่กันด้วย เพราะจะแสดงถึงความรักที่เอ็นดู คุยได้กันทุกเรื่องในแบบฉบับของเพื่อน และมีความห่วงใย แบ่งปัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกันในแบบฉบับของพี่น้อง ทั้ง 2 สิ่งนี้จึงจำเป็นต้องปรุงรสให้เข้ากับชีวิตรักด้วย จะช่วยให้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
4. ใส่ใจการดูแล และเอาใจใส่คู่รัก
เวลาที่เครียด หรือมีปัญหาในเรื่องต่างๆ ควรใช้คำพูดที่ฟังแล้วสบายใจ เช่น “ไม่ต้องกังวลไปนะครับ เราต้องผ่านมันไปด้วยกัน ไว้ใจผมนะ” หรือ “วันนี้พี่/คุณ ทำงานเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ฉันอุ่นนมร้อนๆ ไว้ให้คุณดื่มอยู่ในห้องครัวค่ะ” เป็นต้น คำพูดที่แสดงถึงความเป็นห่วง และเอาใจในลักษณะนี้ จะช่วยให้ชีวิตรักของคุณมีความสุขมากยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกอย่างการให้สิ่งของเนื่องในโอกาสพิเศษจะช่วยให้เขา และเธอมีความสุขไม่น้อย
5. ใส่ใจสุขภาพกาย-ใจของกันและกัน
มีคนเคยบอกว่า “สุขภาพกาย” เป็นเรื่องสำคัญ และเชื่อมโยงไปสู่ทุกส่วนของร่างกาย ถ้าสุขภาพกายไม่ดี จะส่งผลให้สุขภาพใจไม่ดีตามไปด้วย ทำให้เกิดความหงุดหงิดง่าย ไม่มีอารมณ์ทำกิจกรรมร่วมกันในครอบครัว ทางที่ดีควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ วันละนิดจิตแจ่มใส ทำให้ใจเย็น ไม่ใจร้อนหรือวู่วามกระทำการใดๆ ที่ทำให้เกิดการแตกหัก รวมถึงการดูแลตัวเองให้ดูดีอยู่เสมอ ไม่ปล่อยเนื้อปล่อยตัวจนทรุดโทรม เพื่อให้คู่รักมองแล้วสบายใจ และมีความสุขทุกครั้งที่สัมผัส
6. ใส่ความละเอียดอ่อนก่อนขึ้นเตียง
ทั้งสองคน ควรสร้างความประทับใจให้กับคู่รักก่อนเข้านอนทุกครั้ง เช่น ทำตัวให้มีกลิ่นหอมเวลานอน คู่รักจะได้รู้สึกสดชื่น หรือไม่ก็สื่อสารกันด้วยภาษารักก่อนนอน เช่น “ฝันดีนะครับ” “ฝันดีนะค่ะ” ในส่วนของเสื้อผ้า ก็มีส่วนสำคัญเหมือนกัน โดยเฉพาะผู้หญิง ควรเลือกชุดที่ใส่แล้วเซ็กซี่ น่าชวนมอง และดึงดูดความสนใจของคนรัก เป็นต้น
7. ใส่ความรู้สึกที่ดี และความเชื่อใจต่อกัน
วันใดที่คู่รักมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป เช่น คำพูดไม่หวานเหมือนแต่ก่อน กลับบ้านดึก หรือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรบ่อยครั้ง ในฐานะที่เป็นคู่รัก ไม่ควรตีโพยตีพายไปก่อน แต่ควรจะดูพฤติกรรมไปเรื่อยๆ เพราะบางที เขาอาจจะมีงานด่วนจริงๆ ก็ได้ แต่ถ้าเป็นบ่อยจนผิดวิสัย ขอให้ใช้คำถามที่แสดงถึงความเป็นห่วง หรือให้กำลังใจกับเขา เช่น “อาทิตย์นี้คุณกลับบ้านดึกเกือบทุกวันเลย งานเยอะหรอค่ะ มีปัญหาอะไร บอกฉันได้ทุกเรื่องนะค่ะ” อย่าบ่น หรือใช้เสียงสูงใส่กัน แต่ขอให้เชื่อใจกัน เพราะเมื่อมีคำว่า “รักเรา” เข้าแทรกในชีวิตแล้ว ความเชื่อใจกันเท่านั้น ที่จะลดความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นได้
8. ใส่ความอบอุ่นด้วยสัมผัสรัก (Touch Love)
คำพูดบางคำ อาจไม่สามารถให้ความรู้สึกที่ดีเยี่ยม ได้ดีเท่ากับการสัมผัสร่างกาย ดังนั้นการสัมผัสกันบ่อยๆ จะช่วยให้ชีวิตรักมีไออุ่น และมีความสุขมากขึ้น เช่น การกอด การหอมแก้ม หรือการจับมือ เช่น ทุกๆ เช้าก่อนไปทำงาน และหลังจากทำงาน ถ้าลองได้กอด และหอมแก้มกันแล้ว จะช่วยให้มีกำลังใจ และสานสัมพันธ์รักได้เป็นอย่างดี แต่ทั้งนี้ต้องกล้าที่จะแสดงออก ไม่ใช่ปากบอกว่ารัก แต่ไม่เคยทำให้เขาและเธอไม่เคยรู้สึกถึงคำว่า “รัก” เหมือนกับที่ปากบอกเลย
ที่มา : ผู้จัดการ
|