นอกจากปัจจุบันนี้โลกของเราจะถูกย่อให้เล็กลงจนไร้พรมแดนด้วยอินเตอร์เนตแล้ว นับวันๆโลกใบนี้ก็คล้ายจะแคบลงไปอีก เมื่อค่ายผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆยังพยายามที่จะคิดค้นอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆขึ้นมาเพื่อเอาใจ และตอบโจทย์ไลฟสไตล์ของคนรุ่นใหม่มากยิ่งขึ้น ตั้งแต่มือถือดูทีวีได้ มาสู่ไอโฟน และเจ้าแบล็กเบอร์รี่ ของเล่นชิ้นใหม่ของเหล่าคนดัง
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเจ้าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ส่งออกสู่ท้องตลาดเหล่านี้ จะช่วยให้การดำเนินชีวิตของเราง่ายขึ้นกว่าเดิมเยอะ แต่ก็ต้องยอมรับว่าการเสพติดเจ้าเครื่องมือนี้มากเกินไปก็อาจทำให้เราติดนิสัยทางสังคมที่ไม่ดีโดยไม่รู้ตัวเหมือนกัน
เจ้านิสัยไม่ดีที่ว่า ที่ถือเป็นหนึ่งในมารยาททางสังคมที่น่ารังเกียจในขณะนี้ คือ การให้ความสนใจกับเจ้าอุปกรณ์พกพาขนาดเท่าฝ่ามือมากเกินไป จนละเลยหรือลดความสำคัญของการสนทนา หรือประชุมทางธุรกิจ ซึ่งปัญหาเหล่านี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยในที่ทำงาน จนทำให้บรรยากาศของที่ทำงานดูน่ารำคาญ เจ้าของปัญหาก็ทั้งเสียเวลาและเสียเงินอีกด้วย
“มันเกิดขึ้นตลอดเวลา และมีทีท่าว่าจะเลวร้ายลงเรื่อยๆจนกลายเป็นการเสพย์ติด” เจน เวสต์แมน เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ระดับสูงและผู้เขียนเรื่อง "Dive Right In -- The Sharks Won't Bite." กล่าว
นอกจากนี้ จากผลการสำรวจเมื่อเดือนมีนาคมของ Yahoo!HotJobs เว็บบอร์ดสำหรับคนทำงาน พบว่า 1 ใน 3 ของผู้ตอบแบบสอบถามกว่า 5000 คนยอมรับว่าพวกเขามักจะเช็คอีเมลระหว่างที่เข้าประชุม
ขณะที่นาย ทอม มุชแบลช์ บรรณาธิการผู้จัดการเนื้อหาระดับสูง กล่าวว่า นิสัยการใช้มือถือสำหรับท่องล่องอินเตอร์เนต เป็นนิสัยที่ทำให้เราต้องสิ้นเปลืองเงินทอง นอกจากนี้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ยังเป็นตัวทำลายสมาธิในการทำงานของเรา และทำให้การทำงานหย่อนประสิทธิภาพลง เพราะคนทำงานจะไม่สนใจทำงานอย่างเต็มที่
ผลวิจัยจาก Yahoo!HotJobs ยังพบว่าเกือบ 5%ของผู้ตอบแบบสอบถามบอกว่า พวกเขาเคยถูกตำหนิจากการแสดงนิสัยไม่ดีในการใช้เจ้าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ พร้อมยอมรับว่านิสัยนี้เป็นจุดอ่อนของตัวเอง
“ฉันนั่งรถไปกับสามีของฉัน ขณะที่เขากำลังพูดกับฉัน แต่ฉันกลับกำลังเช็ดอีเมล มันเป็นสิ่งที่ช่วยไม่ได้ ตราบที่ฉันต้องการรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น“ เวสแมนกล่าว
ผลการวิจัยยังแสดงให้เห็นว่าการใช้งานหลายๆอย่างในคราวเดียวบนเจ้าเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ อาจต้องกินเวลาค่อนข้างมาก และมักเกิดความผิดพลาดบ่อยครั้งมากกว่าการทำงานเพียงอย่างเดียว
เห็นผลวิจัยแล้วอย่าเพิ่งคิดว่าเป็นเรื่องเล่นๆหล่ะ เพราะว่าเรื่องเล็กๆนี่แหละ ได้กลายเป็นปัญหาในแวดวงการเมืองมะกันมาแล้ว กรณีที่ว่าคือ เมื่อทอม โกบิซาโน่ นักธุรกิจพันล้านชาวอเมริกัน ต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟหลังการประชุมกับผู้นำเสียงข้างมากของพรรคเดโมแครตรายหนึ่ง ที่ให้ความสนใจกับเจ้ามือถือแบล็กเบอร์รี่มากกว่าเรื่องที่ประชุม เล่นเอาเศรษฐ๊พันล้านหัวเสียบอกกับผู้สื่อข่าวว่า “มันเป็นการกระทำที่หยาบคายมาก” ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้โกบิซาโน ตัดสินใจโหวตสมาชิกพรรคเดโมแครตออกแล้วโหวตให็สมาชิกจากพรรครีพับลิกันแทน
เรียบเรียงจากรอยเตอร์