บ่อยครั้งที่ครูต้องหน้าแตก...
...เชื่อว่าประสบการณ์ การเป็นครูของ คุณครูหลายๆท่านอาจจะเคยพบเจอกับเรื่องราวเช่นนี้...ปัญหานี้..และแก้ปัญหานี้
...ครูรัชนี นำมาฝากด้วยรักและปรารถนาดีค่ะ
บ่อยครั้งที่ครูต้องหน้าแตก...แตกอีกแล้ว..กับการหน้าแตก งานนี้ไม่มีใครผิด ไม่มีใครถูก ถ้าบางคนอาจจะมีความเห็นว่าต้องมีฝ่ายผิดข้างหนี่งนั้น "ครูขอรับผิดเพียงผู้เดียว"
เกี่ยวกับมารยาทของนักเรียน ซึ่งมาจากพื้นฐานการเลี้ยงดู การอบรมสั่งสอนที่แตกต่างกัน บางกลุ่มกล่าวให้ลึก ๆ ว่าเป็นเรื่องของดีเอ็นเอ เป็นนิสัยถาวร เป็นสิ่งที่ขุดไม่ได้ เกลาไม่ออกล้วนแล้วแต่เหตุผลที่สาหัสสากรรจ์ อันหมายถึงพฤติกรรมการแสดงออก การดำเนินชีวิต การจัดการตัวเองของแต่ละคน ในที่นี้ก็คือพฤติกรรมของนักเรียน ได้แก่การทำความเคารพ การพูด การแสดงออกที่ทำให้ผู้อื่นมีความสุข และพึงพอใจเหล่านี้ถือเป็นมารยาท ซึ่งจะเกิดขึ้นได้เป็นนิสัยอันถาวรต้องมาจากการฝึกตั้งแต่เล็ก ๆ อย่างเช่นคำกล่าวที่ว่า "วินัยดีต้องเริ่มที่บ้าน"
แต่พวกเราเป็นครูบ้านนอก เราขอรับวินัย..ของเด็กให้มาเริ่มที่โรงเรียน ก่อนที่พวกเราจะนำนักเรียนไปร่วมกิจกรรม หรือมีแขกมาเยี่ยมโรงเรียนเราจะซักซ้อมเรื่องมารยาทก่อนเป็นอันดับแรก "เมื่อเห็นใครไหว้ครู หรือเห็นครูไหว้ใคร หนูต้องไหว้ตาม โดยที่ครูไม่ต้องบอกนะคะ" ทุกคนรับปากทุกครั้งว่าจะทำตามเพราะง่ายดีกับคำว่า "ครับ/ค่ะ" เพียงแค่นี่ครูก็ชื่นใจ
ทำไมครูจะต้องหน้าแตก???...เพราะนักเรียนลืมข้อตกลง ลืมสัญญานั่นเอง มีวันหนึ่งได้นำนักเรียนไปนำเสนอโครงการคุณธรรมการทำความดีเฉลิมพระเกียรติฯ โรงเรียนคุณธรรมชั้นนำ ที่สำนักงานเขตพื้นที่.....ก่อนขึ้นเวทีนักเรียนจะต้องนำเสนอ ตอบข้อซักถามของคณะกรรมการที่นิทรรศการของตนเอง นักเรียน 3 คนที่เป็นตัวแทน หญิง 2 และชายอีก 1 ได้ไปยืนประจำที่ของตนเอง ครูที่ไปด้วย 3 ท่านต่างก็ยิ้มแย้ม แจ่มใส ให้กำลังใจ ไปยืนใกล้ ๆ เพื่อให้นักเรียนมีความมั่นใจมากขึ้น
เมื่อคณะกรรมการมาถึงนักเรียนหญิง 2 คนไหว้อย่างอ่อนหวาน ประทับใจครูผู้อบรมก็พอใจที่สุดแล้ว แต่นักเรียนชายยังไม่ยอมไหว้สักที เมื่อครูสะกิดแล้วสะกิดอีกก็ยัง จนถึงสามครั้งก็ยัง นอกจากนั้นยังทำหน้าตาเฉยเมยไม่ยิ้มไม่แย้มให้เห็น......... ครูเริ่มหน้าชา...ตึง..พร้อมที่จะแตก หรือแตกไปแล้วก็ได้ เมื่อนักเรียนตัวแทนโรงเรียนคุณธรรมชั้นนำมีพฤติกรรมเช่นนี้ ภายหลังได้ถามถึงสาเหตุที่ไม่ยอมไหว้ ได้รับคำตอบว่า..."กรรมการไม่มองหน้า" ครูคิดว่าการอบรมครั้งต่อไปจะได้เริ่มเวอร์ชั่นใหม่ว่า.."ต่อไปใครจะมองหน้าหรือไม่มองหน้าก็ต้องไหว้ววววว" เสมอ ๆ ๆ ๆ...นะจ๊ะนักเรียนที่รัก...
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ต้องปรับปรุงพฤติกรรมส่วนตัวคือเมื่อไปโรงเรียนต้องพยายามที่จะให้เกียรตินักเรียนบ้าง...มองนักเรียนที่ตรงหน้า ที่เดินผ่านไปทุก ๆ ครั้ง แต่ในทางปฏิบัตินักเรียนทุกคนเมื่อเห็นครู แม้ไม่ได้มองหน้าเด็กก็ถามทักทาย ให้ ได้ยินทุกวันจนเป็นที่คุ้นเคยและประทับใจ "คุณครูขาสวัสดีค่ะ/คุณครูครับสวัสดีครับ" ทุกครั้งที่พบกัน....
หลังจากนั้นมา ครูเริ่มหน้าแตกน้อยลง จนในที่สุดก็หายจากอาการหน้าแตก โดยไม่ต้องใช้โลชั่นหรือครีมทาเลย..ขอบใจนักเรียนมากนะคะ...
|