: ริว ปาณรวัฐ จิตสัมผัส
ริว จิตสัมผัส ตีสิบ
ด้านหนึ่ง “ริว” ไม่แตกต่างจากคนธรรมดาทั่วไป มีอาชีพวีเจ พิธีกร จัดรายการเจเนอเรชันเอ็กซ์มิวสิก จัดรายการวิทยุให้กรมประชาสัมพันธ์ เป็นผู้บริหารรายการโทรทัศน์ของตัวเองทางช่องเคเบิลทีวี
ทำรายการจ๊อบชาแนล ชี้โอกาสสร้างงาน สอนอาชีพเสริม นอกจากนี้ ยังเป็นวิทยากรบรรยายรณรงค์ต่อต้านยาเสพติด เป็นอาสาสมัครในหลายโครงการที่เกี่ยวกับเยาวชน
ในเวลาว่าง เขายังรับเป็นครูสอนร้องเพลงโดยไม่คิดเงินให้กับเด็กวัยรุ่นที่รวมตัวกันมาเรียน พร้อมกับฝากงานร้องเพลงกลางคืนเพื่อหารายได้พิเศษให้กับเด็กมาแล้วหลายคน ดูเผินๆ เขาก็เป็นแค่วัยรุ่นธรรมดาคนหนึ่ง แต่ใครจะรู้ว่าชีวิตอีกด้านมีเรื่องที่ใครได้ฟังต้องร้องว่า เหลือเชื่อ! คงต้องขึ้นคำเตือนเหมือนกับรายการทีวีที่มีเรื่องลึกลับว่า “เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ผู้รับชมโปรดใช้วิจารณญาณในการชม”
ริว จิตสัมผัส - ปาณรวัฐ ลิ่มรัตนอาภรณ์
ชีวิตคู่ขนาน
เพราะอีกด้านของหนุ่มรุ่นใหม่ ริว มีความสามารถในการทำนายทายทัก หรือพูดง่ายๆ ว่า “ดูดวง” โดยใช้จิตสัมผัสผ่านลายมือ (เขียนหนังสือ) โดยอุทิศชีวิตให้กับการดูดวงตั้งแต่ 6 โมงเย็นถึงตี 3 ถ้าเป็นวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ รับดูดวงเต็มที่ ทั้งหมดนี้ ทำโดยไม่เรียกร้องเงินทอง
ชายหนุ่มวัย 31 ปี เกิดในครอบครัวธรรมดาที่สุไหงโก-ลก ชีวิตมีเรื่องมหัศจรรย์หลายอย่าง สมัยอยู่ปวช. ริวพูด อ่าน เขียน ภาษาจีนได้เองใน 3 วัน (โดยไม่ได้เรียน) ย้อนไปสมัยเด็กๆ อากงซึ่งเลี้ยงริวมาเล่าว่า หลานมีอาการแปลกๆ ทุกครั้งเวลาไปงานศาลเจ้า ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงตีกลอง ริวจะตัวสั่น แต่พอออกจากงานก็หาย ขึ้นป.6 ทานเนื้อสัตว์ไม่ได้ ทานได้แต่ข้าวกับผลไม้นานนับสัปดาห์ จึงหันมากินเจ พร้อมๆ กันนั้นก็ทำอาหารเจได้ (ทั้งที่ไม่เคยเรียน) ทำซาลาเปาเจได้จากความฝัน
หลังจากนั้นก็เริ่มมีลางสังหรณ์ เวลาไปโรงพยาบาล ถ้าริวได้จับตัวคนไข้ จะรู้เลยว่าคนไข้คนนั้นจะเสียชีวิตเมื่อใด ลางสังหรณ์ดังกล่าวเป็นจริงถึง 11 คน และกลายเป็นสาเหตุของการไม่อยากไปเยี่ยมใครที่โรงพยาบาลอีก เขาเชื่อว่าตัวเองเป็นสื่อกลางที่คอยส่งสารจากเทพกวนอูถึงมนุษย์ กวนอูเป็นเทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์ จงรักภักดี ยึดถือกตัญญู
“ตั้งแต่เกิดมา ริวไม่เคยเห็นท่าน แต่รับรู้ได้จากเสียงและความรู้สึก บางคนคิดว่าริวคิดไปเอง ซึ่งก็เป็นสิทธิของเขา”
ริว จิตสัมผัส - ปาณรวัฐ ลิ่มรัตนอาภรณ์
เสียงจากเทพเจ้า
แม้ชายหนุ่มจะมีลางสังหรณ์แต่เด็ก แต่เขาบอกว่าเพิ่งจะรับดูดวงเมื่อองค์กวนอูบอกว่า เขามีวุฒิภาวะแล้ว ให้ใช้ความสามารถนี้ทำประโยชน์แก่คนรอบข้าง ปรากฏว่าผู้คนต่างร่ำลือถึงความแม่นยำ เรื่องส่วนตัวที่ไม่เคยบอกใคร เรื่องลับๆ ในครอบครัว แต่ริวทักได้ถูกต้อง ด้วยคำบอกเล่าปากต่อปาก ภายในเวลาอันสั้น ผู้คนมากมายมาขอให้ดูดวงให้ ทั้งในกรุงเทพฯ ต่างจังหวัด หรือแม้แต่ (คนไทย) ในต่างประเทศ
“ริวจะไม่เข้าไปทักสุ่มสี่สุ่มห้า เราเป็นวัยรุ่นธรรมดา ไม่ได้เป็นซินแส ไม่ได้ศึกษาโหราศาสตร์ เวลาไปดูที่ไหน จะได้เห็นสายตาแสดงความแปลกใจว่าคนนี้น่ะหรือหมอดู จริงๆ ก็ถูกของเขา เราไม่ใช่หมอดู เป็นแค่คนธรรมดาที่ทำหน้าที่สื่อกลาง” ริว กล่าว
หมอริว ผู้ไม่อยากถูกเรียกว่าหมอดูเผยว่า ในการรับดูดวง จะไม่ทำนายอนาคต ไม่พูดถึงอดีต แต่จะชี้ให้เห็นถึงปัจจุบันว่าติดอะไร หรือต้องแก้อย่างไร ไม่รับดูดวงให้บุคคลที่สาม ไม่เปิดเผยเรื่องคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต การดูดวงของเขาเน้นเรื่องสุขภาพและครอบครัว ด้วยถือว่าต่อให้รวยล้นฟ้า แต่ต้องหาหมอกินยา กลับบ้านไม่เจอใคร ครอบครัวไปคนละทาง ชีวิตไม่มีทางพบความสุข
ดวงด้านธุรกิจไม่ดู เรื่องความรักก็เช่นกัน หลายคนมักถามเรื่องคู่ ซึ่งจะดีไม่ดีอยู่ที่คนสองคนไม่เกี่ยวกับหมอ (ดู) เขาบอกว่าเรื่องไม่ดีในสังคมล้วนเกิดจากครอบครัวไร้สุข เด็กติดยา พ่อแม่ทะเลาะกัน มีปัญหาไม่พูด ต่างคนต่างคิดว่าตัวเองถูก จึงอยากแก้เรื่องเหล่านี้ ที่น่าตกใจคือผู้หญิงสมัยนี้ทำแท้งกันมาก ซึ่งเจ้าตัวมักตกใจว่าริวรู้ได้อย่างไร ทั้งที่ไม่เคยบอกผู้ใดมาก่อน
สู้กับตัวเอง
“ไม่อยากให้ใครมาปฏิบัติกับเราเหมือนเราพิเศษกว่าคนทั่วไป องค์กวนอูบอกไม่ให้มีคนติดตาม ไม่ให้ตั้งเป็นสำนัก จะร่ำรวยมีจนอยู่ที่วาสนา แต่อย่าหวังเงินทองจากการดูหมอ ถ้าโลภ จะเอาความสามารถนี้คืน” ริว กล่าว
หมอดูยุคนี้มีทั้งที่ดีไม่ดีปะปนกัน หมอดูเป็นแค่แผนที่ ไม่กำหนดชะตาใครได้ ดูแล้วต้องพิจารณาด้วยเหตุผล หมอดูไม่ดีก็มีเยอะ หลายคนอยากดูหมอ เพราะอยากเปลี่ยนแปลงชีวิตแต่ไม่มีเงินทอง ริวจึงดูดวงโดยไม่เรียกร้องเงิน แต่บางครั้งคนก็ให้เงินด้วยศรัทธา จะนำไปทำบุญและกันส่วนหนึ่งไว้เป็นค่าเดินทางที่ต้องเดินทางไปดูให้คนอื่น
ริวเปิดใจว่า ถ้าต้องการดูดวงเพื่อเรียกร้องเงินทองจริงๆ ภายใน 1 เดือนคงมีทุกอย่างที่อยากมีไปแล้ว ยอมรับว่าต้องสู้กับตัวเองพอสมควร มีหนหนึ่งเกิดความโลภ จากผลตอบแทนใน 3 วันได้รับเงินมาครึ่งแสน ทำให้กลัวว่าถ้าวันหน้าไม่มีคนให้เงินมากขนาดนี้จะรู้สึกอย่างไร พอเริ่มรู้ว่าตัวกำลังโลภ ท่านกวนอูก็มาเตือน ได้คุกเข่าขอขมาท่าน ทุกวันนี้ยึดถือคำ 1 คำ คำว่ากตัญญู
70% ต้องเดินด้วยขาตัวเอง
นอกเหนือจากเวลางาน ริวใช้ชีวิตปกติ ไปเที่ยว ดูหนัง กินข้าว ฟังเพลง ควบคู่ไปกับแนวทางที่ท่านกวนอูวางไว้ คือ รู้จักหน้าที่ ถึงเวลากินก็กิน เวลานอนก็นอน ไหว้พระสวดมนต์ ทำกิจวัตร แผ่เมตตาอุทิศบุญกุศลให้คนที่ดูดวงให้ในแต่ละวัน การเปิดเผยเรื่องราวของคนอื่นนั้น ถ้าไม่ทำบุญให้มาก จะไม่สามารถทำได้
ที่น่าแปลกคือ การดูดวงแบบทุ่มสุดตัว แต่ละวันได้นอนเพียง 2 ชั่วโมง แต่สุขภาพกลับดีขึ้น ไมเกรน ร้อนใน โรคเลือดข้นหายไป ชายหนุ่มเชื่อว่า มนุษย์เรา 70% ต้องเดินด้วยขาตัวเอง แต่อีก 30% อาศัยสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง การกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นสิ่งมีเหตุผล เพื่อให้หัวใจมีธรรมะ จะได้ไม่กล้าทำสิ่งผิด คนส่วนใหญ่ถ้ามีเวลาจะเข้าหาตัวเอง แต่ริวจะสละเวลาช่วยเหลือผู้อื่น
บทสัมภาษณ์วันนี้อาจเป็นเรื่องที่เชื่อได้ยาก จะเชื่อหรือไม่ ขึ้นกับวิจารณญาณของผู้อ่านเอง อย่างไรก็ตาม แนวคิดดีๆ ในการมีชีวิตเพื่อผู้อื่นของชายคนนี้ ก็เป็นแนวทางที่สังคมไทยกำลังต้องการไม่ใช่หรือ?
ที่มา โพสทูเดย์