ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมเรื่องราวจากสมาชิก  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

วันนี้มาแปลก!!!รณรงค์..ลดโลกร้อน..ใช้ส้อมและช้อน..แทนตะเกียบ??.(ดีต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมด้วย)


เรื่องราวจากสมาชิก เปิดอ่าน : 7,140 ครั้ง
Advertisement

วันนี้มาแปลก!!!รณรงค์..ลดโลกร้อน..ใช้ส้อมและช้อน..แทนตะเกียบ??.(ดีต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมด้วย)

Advertisement

❝ มีข้อมูลน่าสนใจ...จากการที่เรา(หรือ ผู้ประกอบการร้านอาหารนิยมใช้ตะเกียบสะดวกใช้...แบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง)...ลองอ่านข้อมูลเหล่านี้ดู....คุณอาจเปลี่ยนใจ...กลับมาใช้ ช้อนกะส้อม วัฒนธรรมแบบไทยๆ....ปลอดภัยกว่า.......ข้อมูลส่วนหนึ่งมาจากประเทศจีน..ประเทศที่ใช้ตะเกียบมากที่สุดในโลก.เขารณรงค์กันมานานแล้ว แล้วประเทศไทย..มีข้อมูลเรื่องนี้บ้างหรือเปล่า...มีใครใส่ใจเรื่องเล็กๆเหล่านี้บ้างไหม???..พิจารณา...ดูเถิด.....(จากมุมมองเล็กๆ...ของคนเล็กๆ..คนหนึ่ง...ด้วยความปรารถนาดี VIPบล็อก...) ❞

 

ข่าวสารที่มาทางอินเตอร์เน็ตเมื่อกลั่นกรองให้ดีๆ ก็ได้ความรู้  อย่างเรื่องที่จะเล่านี้ก็มาทางอินเตอร์เน็ต  เราจะไม่พูดถึงความถูกต้องของเนื้อข่าวหรือถามแหล่งที่มา  เอาเป็นว่าข่าวสารนี้เราได้ข้อคิดเตือนใจอะไรบ้าง  ต้องขอขอบคุณผู้ได้ส่งข่าวสารที่เป็นประโยชน์มาให้

 

ตะเกียบไม้คู่ใช้แล้วทิ้ง  แสนจะสะดวกสบายทั้งผู้ให้และผู้รับบริการในร้านอาหาร  ท่านรู้หรือไม่ว่าปลอดภัยแค่ไหน  วิธีการผลิตตะเกียบไม้ในสภาพแวดล้อมของคนผลิตและขนส่งดูไม่น่าไว้ใจนัก   จากท่อนไม้เล็กๆที่เป็นตะเกียบแล้วต้องมีการฟอกขาวด้วย ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์  และ ซัลเฟอร์  (น่าจะเป็นซัลเฟอร์ไดออกไซด์)  ระหว่างการขนส่งทางเรือข้ามน้ำข้ามทะเลก็เจอทั้งหนูและแมลงสาบ  แล้วนำมาห่อโดยไม่ได้ฆ่าเชื้อ   จึงมีทั้งเชื้อโรคและสารตกค้างติดอยู่ในรูพรุนของเนื้อไม้จนถึงเวลาใช้   ทำให้มีความเสี่ยงต่อการท้องเสีย  หอบหืด  เคยมีผลการทดลองของนักเรียนที่ญี่ปุ่นนำน้ำที่แช่ตะเกียบอยู่ 7 วัน  ซึ่งมีกลิ่นเหม็นมาเพาะถั่วเขียว  ปรากฏว่าโตช้า  หยุดโตเมื่อสูงประมาณ 5-6 เซนติเมตรและตาย   ผลทดสอบควันจากการเผาตะเกียบพบว่ามีฤทธิ์เป็นกรด  เขาแนะนำว่าก่อนใช้ให้ลองดมกลิ่นดูแล้วแช่น้ำร้อนสัก 2-3 นาที  ดีที่สุด คือ พกตะเกียบส่วนตัวไปเอง   ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรต้องพิสูจน์กัน  แต่ข้อมูลต่อไปนี้อาจจะช่วยให้เราคิดใหม่ได้   เขาบอกว่ากว่าจะมาเป็นตะเกียบคู่สำหรับใช้แล้วทิ้ง 3,000 4,000 คู่ ต้นไม้ต้องใช้เวลาถึง 20 ปี   เฉพาะในไต้หวันแต่ละปีมีการใช้ตะเกียบกว่า 1,000 ล้านคู่  แปลว่าต้นไม้ 29 ล้านต้น  ต้องถูกตัดโค่นลง  ประมาณกันเอาเองก็แล้วกันว่าในประเทศอื่นๆ รวมทั้งโลกต้นไม้จะหมดไปกี่ต้นจากการใช้ตะเกียบแบบนี้

 

 



ใช้สารเคมีฟอกสีไม้ให้ขาว (ไม่มีการอบฆ่าเชื้อโรค)


การบรรจุตะเกียบใส่ซอง (ไม่มีการอบฆ่าเชื้อก่อนส่งให้ร้านอาหาร)


ตะเกียบที่ใช้แล้วทิ้ง เป็นขยะมลพิษจากสารเคมีที่ตกค้าง

สารฟอกขาวในตะเกียบ

 

เวลารับประทานก๋วยเตี๋ยว ใคร ๆ ก็คงต้องใช้ตะเกียบในการรับประทาน แต่ทราบหรือไม่ว่า ในตะเกียบนั้นมีสารฟอกขาวอยู่ด้วย วันนี้เกร็ดความรู้มีมาบอกกัน...


อันตรายจากสารฟอกขาวที่อยู่ในตะเกียบ เป็นชนิดเดียวกับสารฟอกขาวที่ใช้แช่ถั่วงอก โดยสารฟอกขาวจะมีสารซัลเฟอร์ไดออกไซด์เป็นส่วนประกอบ เมื่อโดนน้ำร้อนหรือของที่มีอุณหภูมิสูง สารซัลเฟอร์ไดออกไซด์จะเปลี่ยนเป็นสารซัลฟูริค หรือสารชนิดเดียวกับในแบตเตอรี่รถยนต์ สารดังกล่าวจะละลายออกมาจากตะเกียบ ปะปนอยู่ในอาหารที่กินเข้าไป หากผู้ที่เป็นโรคหอบหืด หรือคนแพ้ง่ายจะมีอาการทันที แต่หากร่างกายแข็งแรงสารเหล่านี้ก็จะสะสม ในร่างกาย ซึ่งการปนเปื้อนของสารจะละลายออก มาเมื่อตะเกียบถูกน้ำร้อนหรือความร้อน เช่น การ กินสุกี้ หรือหม้อไฟต่าง ๆ แต่ถ้านำไปใช้กับอาหาร ที่ไม่ร้อนก็ไม่พบว่าสารฟอกขาวเจือปนออกมา


สำหรับอันตรายของสารฟอกขาวที่เข้าไปสะสมในร่างกายจะค่อย ๆ ทำให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายต่ำลง และเกิดโรคต่าง ๆ ได้ง่ายกว่าปกติ เพราะเมื่อร่างกายไม่มีภูมิต้านทาน ถ้าได้รับเชื้อต่าง ๆ จะไม่มีระบบการทำลาย และสิ่งต่าง ๆ ที่เข้าสู่ร่างกายได้ง่ายนั้น จะไปสะสมทำให้เกิดโรคอื่น ๆ ที่จะกระตุ้นให้เกิดโรคมะเร็งได้


ดังนั้น หากต้องใช้ตะเกียบชนิดดังกล่าวในการกินของร้อน ๆ สามารถป้องกันได้ด้วยการแช่ในน้ำร้อนประมาณ 3-4 นาที แล้วเทน้ำทิ้งไป จากนั้นจึงนำตะเกียบมาใช้ได้ ส่วนตะเกียบชนิดไม้ไผ่แม้จะไม่มีสารฟอกขาว แต่ต้องทำความสะอาดให้ดีและทำให้แห้งเพื่อไม่ให้เกิดเชื้อรา เพราะจะทำให้เกิดสารอัลฟาทอกซิน หรือสารก่อมะเร็งได้


ครั้งหน้าจะใช้ตะเกียบก็อย่าลืมทำความสะอาดให้เรียบร้อยก่อนนำมาใช้ จะได้ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ.


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์



หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นของจีนรายงานว่า เจ้าหน้าที่คุ้มครองผู้บริโภคในกรุงปักกิ่ง ได้เข้าตรวจค้นโรงงานผลิตตะเกียบไม้ไผ่ประเภทใช้คั้งเดียวแล้วทิ้ง พร้อมทั้งยึดตะเกียบเกือบ 5 แสนคู่ไว้เป็นของกลาง หลังจากสืบทราบว่าตะเกียบที่ผลิตจากโรงงานนี้ ไม่ผ่านการฆ่าเชื้อโรค ก่อนที่จะบรรจุใส่ซองขาย

นายวู เจ้าของโรงงานดังกล่าวยอมรับว่า เขาไม่มีใบอนุญาติในการทำธุรกิจ และมีรายได้ในการขายตะเกียบประมาณ 1,000 หยวน หรือราว 4,000 บาทต่อวัน ซึ่งราคาตะเกียบนั้นตกคู่ละ 17 สตางค์ แต่ถ้าเศรษฐกิจดี เขาขายตะเกียบได้ถึง 1 แสนคู่ต่อวัน

นับตั้งแต่จีนได้ทำการปฏิรูปเศรษฐกิจในช่วงปี 1970 จีนประสบปัญหาอย่างมากในการควบคุมตรวจสอบมาตรฐานการผลิตสินค้า ซึ่งนอกจากจะขาดแคลนบุคคลากรที่เข้ามาบังคับใช้กฏหมายแล้ว นักธุรกิจหลายคนที่หวังแต่จะทำกำไรแต่ขาดคุณธรรม ที่จริงแล้วข่างเรื่องอันตรายจากการใช้ตะเกียบไม่ใช่เรื่องที่พึ่งค้นพบใหม่ เพราะเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา ทางการของฮ่องกงและไต้หวัน ได้ออกข่าวเตือนเรื่องอันตรายจากการใช้ตะเกียบ เนื่องจากเจ้าหน้าที่คุ้มครองผู้บริโภคของทั้งสองแห่งนี้ได้ทำการสุ่มตรวจตะเกียบไม้ไผ่แบบใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง และนำมาตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งปรากฏว่าตะเกียบไม้ไผ่ที่ดูขาวสะอาดน่าใช้นั้น เป็นผลจากการฟอกสีโดยใช้สารซัลเฟอร์ไดออกไซด์ มีผู้ผลิตบางรายที่นำไม้ที่ไม่มีคุณภาพมาทำตะเกียบ จึงต้องใช้สารฟอกสีทำให้ตะเกียบดูขาวสะอาด ซึ่งสารนี้เป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยเฉพาะกับคนที่เป็นโรคหอบหืด เพราะจะทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน และหายใจขัดข้อง

ในขณะเดียวกันกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และกลุ่มคุ้มครองผู้บริโภค ได้รณรงค์ให้คนหันมาใช้ตะเกียบซึ่งนำมาจากบ้าน และพกติดตัวไว้ใช้เวลารับประทานอาหารที่ภัตตาคาร ซึ่งนอกจากจะเป็นการอนุรักษ์ป่าไม้แล้ว ยังสามารถลดปริมาณขยะได้คนละ 11 กิโลกรัมต่อปี

 
นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมจีนต้านตะเกียบใช้ครั้งเดียวทิ้ง
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 1 มีนาคม 2551 08:27 น.

       วอลล์สตรีตเจอร์นัล – นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทนไม่ไหว ออกมาต่อต้านตะเกียบไม้แบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง ซึ่งนิยมกว้างขวางในจีน อ้างเป็นการทำลายป่า แต่ผู้ผลิตตะเกียบโต้ ผลิตตะเกียบจากไม้โตเร็ว
       
       ขณะนี้ กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมกำลังพยายามรณรงค์ให้ประชาชน 1,300 ล้านคนในจีนหันมาคีบบะหมี่ โดยใช้ตะเกียบ ที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ แทนตะเกียบไม้ ที่ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่คุ้นเคยกันในสังคมจีนทุกระดับมานานถึง 30 ปีแล้ว ตั้งแต่แรงงานอพยพ ที่นั่งกินลูกชิ้นปลา ที่แผงอาหารข้างถนน ไปจนถึงนักธุรกิจ ที่งานรัดตัว จนต้องสั่งเซซามิ มารับประทาน โดยโรงงานในจีนผลิตตะเกียบชนิดใช้แล้วทิ้งถึงราวปีละ 63,000 ล้านคู่
       
       กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ที่กำลังรวมตัวกันมากขึ้นในจีน มองตะเกียบไม้เปราะบางนี้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของการบริโภค ที่ควบคุมไม่ได้ภายในประเทศ และกำลังทำลายป่า
       
       ร้านอาหารและบริษัทรายใหญ่ พากันตื่นตัวขานรับกระแสอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมนี้ โดยตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนเป็นต้นมา ร้านอาหารในกรุงปักกิ่งราว 300 ร้าน ประกาศนำตะเกียบแบบนำกลับมาใช้ใหม่ได้ มาบริการลูกค้า ขณะที่บริษัทไมโครซอฟต์ ,บริษัทอินเทล และบริษัทอินเตอร์เนชั่นแนล บิสซิเนส มาชีนส์ ได้เชิญให้กลุ่มกรีนพีซ มารณรงค์ต่อต้านการใช้ตะเกียบทำลายสิ่งแวดล้อม ที่โรงอาหารของบริษัท เพื่อให้พนักงานตื่นตัว
       
       ด้านศิลปินนักร้องชื่อดังของจีนอย่าง หลี่ อี้ว์ชุน ก็ออกมาร่วมรณรงค์ต่อต้าน และยิ่งกระหน่ำต่อต้านเป็นพิเศษในช่วงโปรโมตขายอัลบัมเดี่ยว ชื่อ “กรีน” ซึ่งเป็นเพลงเกี่ยวกับการรักษาป่า
       
       รัฐบาลจีนเอง แม้ไม่ออกมาประกาศสนับสนุนการรณรงค์ของนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ซึ่งล่าสุด มีกรีนพีซ เป็นหัวเรือใหญ่ อย่างเป็นทางการ แต่บางหน่วยงานก็สนับสนุนอย่างเงียบ ๆ เช่น เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ ได้ออกประกาศคู่มือฉบับใหม่สำหรับร้านอาหาร เพื่อกระตุ้นให้ร้านเหล่านี้ลดการใช้ตะเกียบแบบใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง ขณะที่คณะกรรมการโอลิมปิกปักกิ่งห้ามใช้ตะเกียบชนิดนี้ระหว่างการวิ่งผลัดคบเพลิงโอลิมปิก และกิจกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ “โอลิมปิกสีเขียว” ในปีนี้ นอกจากนั้น เมื่อปี 2549 รัฐบาลจีนยังได้ออกมาตรการหักภาษีบริโภคร้อยละ 5 สำหรับสินค้าที่ทำลายสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
       
       อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมผู้ผลิตตะเกียบใช้แล้วทิ้งของจีน ออกมาตอบโต้ว่า นักรณรงค์เหล่านี้เป็นพวกที่เข้าใจข้อมูลอย่างผิด ๆ เหมือนพวก "ฉีเหรินโยวเทียน" ในนิทานคติของจีน ซึ่งหมายถึงผู้คนจากแคว้นฉีในสมัยโบราณ ที่พากันวิตกจริตหวาดกลัวว่าท้องฟ้าจะถล่มลงมาอย่างไร้เหตุผล 
       
       “อุตสาหกรรมตะเกียบกำลังสร้างงานจำนวนมหาศาลสำหรับคนยากคนจนในภูมิภาคที่มีป่าไม้” นายเหลียน กวง กล่าว เขาเป็นผู้ก่อตั้งและเป็นประธานสมาคมการค้าตะเกียบไม้ในมณฑลเฮยหลงเจียง นายเหลียนยังระบุด้วยว่า ตะเกียบไม้ที่กำลังถูกต่อต้านเวลานี้ ไม่ได้ทำลายป่าไม้ เนื่องจากทำมาจากไม้ที่โตเร็ว เช่น ต้นเบิร์ช, ต้นพอพเล่อร์ และต้นไผ่
       
       ตะเกียบไม้ยังกลายเป็นประเด็นถกเถียงกันตามสื่อมวลชนของจีนอีกด้วยว่า มีอันตรายมหันต์จริงหรือ? หนังสือพิมพ์ เซ้าเทิร์น วีกเอ็นด์ ถึงขนาดตีพิมพ์เรื่องเล่าที่มีสีสัน ว่าเรื่องตะเกียบไม้กำลังทำให้ครอบครัวแตกสลายจากการขัดแย้งระหว่างลูกสาวที่ได้รับข้อมูลจากวิทยาลัยกับบิดาซึ่งเป็นผู้บริหารอุตสาหกรรมตะเกียบ
       
       ลูกสาวสาวกสีเขียว ถึงขนาดตราหน้าบิดาว่า "เป็นปิศาจ เป็นอาชญากรทำลายป่าไม้"
       
       ทั้งนี้ ชาวญี่ปุ่นเป็นผู้คิดค้นตะเกียบใช้แล้วทิ้ง ซึ่งเข้ามาแพร่หลายในจีนในช่วงต้นทศวรรษ 1980 หลังจากชาวญี่ปุ่นย้ายฐานการผลิตตะเกียบเข้ามาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน เพื่อลดต้นทุนการผลิต นับจากนั้นมา จีนก็ได้กลายเป็นยักษ์ผู้ผลิตตะเกียบรายใหญ่สุดของโลก มีการจ้างงานในอุตสาหกรรมการผลิตนี้ ประมาณ 100,000 คน สอดรับกับความต้องการภายในประเทศที่กำลังบูม
       
       นอกจากการรณรงค์ต่อต้านแล้ว กลุ่มกรีนพีซ และนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมคนอื่น ๆ ยังช่วยกันรณรงค์ให้ประชาชนพกตะเกียบส่วนตัว เวลาไปรับประทานอาหารนอกบ้าน เพื่อตัดปัญหาการทำลายป่า
       
       เสี่ยว เหว่ย นักร้องเพลงแนวร็อคแห่ง Catcher in the Rye ก็ได้จับมือกับกรีน พีซ ไชน่า รณรงค์ ชูคำขวัญ "นำตะเกียบของท่านมาเอง" (Bring your own Chopstick)ซึ่งมีตัวย่อเก๋ไก๋คือ B.Y.O.C.โดยชักชวนให้แฟนๆเพลงนำตะเกียบของตัวเองมาด้วยเวลาไปกินอาหารตามร้านอาหาร เสี่ยว เหว่ยสวมกางเกงยีนสีซีดขาดวิ่น เสื้อเชิร์ตลายดอกสีฟ้าน้ำทะเล หยิบตะเกียบคู่เขื่องจากกระเป๋าเสื้อออกมาโชว์ คุยว่า "นี่เป็นตะเกียบทำจากโรส วูด จากประเทศปาปัว นิว กีนี"
       
       แต่การโน้มน้าวให้ชาวจีนนับหลายล้านคนวางตะเกียบนั้น มิใช่เรื่องเล็กเลย ในประเทศที่มีกระแสหวาดระแวงเรื่องความสะอาดนี้ ชาวจีนหลายคนเห็นว่าตะเกียบแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง ดีกว่าตะเกียบของร้านอาหารที่อาจทำความสะอาดมาไม่ดี ผู้จัดการร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดในกรุงปักกิ่งรายหนึ่งระบุว่า ลูกค้าต้องการใช้ตะเกียบ ที่ใช้แล้วทิ้งเลย ก็ด้วยเหตุผลเรื่องสุขอนามัยนั่นเอง
       
       ทว่า ก็มีหลายคน ประสานเสียง "ยี้!"ใส่ความคิดพกตะเกียบของตัวเอง "ใช้เสร็จแล้ว เราจะไปล้างมันที่ไหน? เอาน้ำลายตัวเองล้างน่ะหรือ?ลืมไอ้ความคิดรักษาสิ่งแวดล้อมบ้าๆแบบนี้ไปเถอะ และหันมาคำนึงถึงการปฏิบัติได้จริง" นายเดวิด ถังนักสังคมศาสตร์และเจ้าของภัตรคารแห่งหนึ่งในฮ่องกงค้านหัวชนฝาไม่เห็นด้วยกับพวก B.Y.O.C.
       
       พวกกรีน พีซยังไม่ลดละความพยายาม ได้ว่าจ้างให้นักออกแบบอุตสาหกรรมชื่อดังในไต้หวัน ออกแบบตะเกียบแบบพกพา หลังจากการวิจัยและถกเถียงไม่กี่เดือน ก็ได้ตะเกียบพับเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทำจากสแตนเลสรีไซเคิล ที่สามารถใส่ไว้ในกระเป๋า
       
       อย่างไรก็ตาม B.Y.O.C.ก็ได้กลายเป็นวิถีชีวิตของนักเคลื่อนไหวชาวจีนวัยหนุ่มสาวกลุ่มหนึ่ง อย่างนางมาร์กาเร็ต หยาง วัย 28 ปี มีอาชีพเป็นนักวิจัยการตลาดให้แก่บริษัทอินเทลในปักกิ่ง นางหยางได้แสดงวิธีการปฏิบัติตามอุดมคติสีเขียวในร้านอาหารแห่งหนึ่ง เธอวางตะเกียบส่วนตัวลงบนโต๊ะเสียงดังใส่หน้าบริกรที่กำลังนำตะเกียบใช้ครั้งเดียวทิ้งมาให้ จนบริกรต้องรีบเผ่นออกไป เมื่อเสร็จกิจการกินอาหาร นางหยางก็สาธิตวิธีการล้างตะเกียบ โดยร้องบอกให้บริกรนำน้ำร้อนใส่ถ้วยมาให้ เมื่อล้างตะเกียบเสร็จ เธอก็โยนตะเกียบลงในกระเป๋าผ้าฝ้าย.


ขอแถมอีกเรื่อง...เกี่ยวกับตะเกียบเหมือนกัน...
!!!! ระวัง หน่อไม้จีนดองที่มาจาก-จีน ทำจากตะเกียบไม้ 2 !!!!

!!!! ระวัง หน่อไม้จีนดองที่มาจาก-จีน ทำจากตะเกียบไม้ 2 !!!!

หมดแล้วค่ะ

 


เห็นหรือยังละครับ....อย่างนี้....มันไม่ธรรมดาซะแล้ว.............

โพสต์โดยสมาชิกหมายเลข 3113 วันที่ 2 มิ.ย. 2552


วันนี้มาแปลก!!!รณรงค์..ลดโลกร้อน..ใช้ส้อมและช้อน..แทนตะเกียบ??.(ดีต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมด้วย)

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

สาว 6 อาชีพกับเส้นเลือดขอด

สาว 6 อาชีพกับเส้นเลือดขอด


เปิดอ่าน 7,136 ครั้ง
ฟังเพลงเทศ

ฟังเพลงเทศ


เปิดอ่าน 7,141 ครั้ง
F-16 ร่วง!!

F-16 ร่วง!!


เปิดอ่าน 7,137 ครั้ง
ทำงานให้สมกับเงินเดือน

ทำงานให้สมกับเงินเดือน


เปิดอ่าน 7,409 ครั้ง

:: เรื่องปักหมุด ::

อัศจรรย์

อัศจรรย์

เปิดอ่าน 7,145 ☕ คลิกอ่านเลย

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
10 บ้านผีสิงที่น่ากลัวที่สุด (ในประเทศไทย)!!!!
10 บ้านผีสิงที่น่ากลัวที่สุด (ในประเทศไทย)!!!!
เปิดอ่าน 7,163 ☕ คลิกอ่านเลย

BEST PRACTICE    กับ  การตรัสร้ของพระพุทธเจ้า
BEST PRACTICE กับ การตรัสร้ของพระพุทธเจ้า
เปิดอ่าน 7,147 ☕ คลิกอ่านเลย

บทเรียนสำเร็จรูป กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ม.3
บทเรียนสำเร็จรูป กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ม.3
เปิดอ่าน 7,142 ☕ คลิกอ่านเลย

พระคาถาเงินล้าน
พระคาถาเงินล้าน
เปิดอ่าน 7,146 ☕ คลิกอ่านเลย

ฟ้องด้วยภาพโดย HandWriting?
ฟ้องด้วยภาพโดย HandWriting?
เปิดอ่าน 7,144 ☕ คลิกอ่านเลย

สอนลูกทำการบ้าน
สอนลูกทำการบ้าน
เปิดอ่าน 7,153 ☕ คลิกอ่านเลย

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

มาตราวัด มาตราชั่ง กับมาตราเงินของสยาม
มาตราวัด มาตราชั่ง กับมาตราเงินของสยาม
เปิดอ่าน 24,862 ครั้ง

เที่ยวท่องสองฝั่งโขง อุบลฯ-ปากเซ
เที่ยวท่องสองฝั่งโขง อุบลฯ-ปากเซ
เปิดอ่าน 11,653 ครั้ง

ฟุตซอล(Futsal): กติกาข้อ 13 การเตะโทษ
ฟุตซอล(Futsal): กติกาข้อ 13 การเตะโทษ
เปิดอ่าน 56,588 ครั้ง

อาหารต้านสารก่อมะเร็งที่พบบ่อยในธรรมชาติ
อาหารต้านสารก่อมะเร็งที่พบบ่อยในธรรมชาติ
เปิดอ่าน 14,448 ครั้ง

มินาโมโตะ ชิซุกะ : ตัวละครจากการ์ตูนโดราเอมอน
มินาโมโตะ ชิซุกะ : ตัวละครจากการ์ตูนโดราเอมอน
เปิดอ่าน 37,306 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ