เสียงเพลงแววดังมาจากกร้านคาราโอเกะ
"...อ้ายนัดมารอ ที่ บ.ข.ส. ขนส่ง
ผู้บ่าวฝั่งโขง อ้ายคงสิลืมนัดแล้ว
นั่งถ่าจนสาย แต่อ้ายบ่มีวี่แวว
หลอกน้องให้มานั่งแกร่ว ถ่าแล้วก็บ่เห็นมา
ผู้บ่าวหนองคาย จั๋งได๋อ้ายจังลืมได้
นัดกับน้องไว้ ว่าซิไปยามย่า
ไปเบิ่งบั้งไฟ พญานาคมื้อวันออกพรรษา
ดีใจสิได้ไหว้ย่า ฟ่าวมาถ่าอ้ายแล้วฟ่าว......"
เสียงเพลงนัดรอบ่พ้ออ้าย ร้องโดยนักร้องเสียงพิณ จินตรา พูนลาภ เสียงดังมาตามสายลม จากร้านอาหารแสบอีหลี ซึ่งมีตู้คาราโอเกะ หยอดเหรียญให้บริการแก่ลูกค้า
ร้านอาหารดังกล่าวลูกค้าได้หยอดเหรียญที่ตู้คาราโอเกะฟังเพลงกำลังสนุกสนาน แต่ในขณะนั้นตัวแทนของผู้สร้างสรรค์เพลงดังกล่าวผ่านมาพอดี จึงแจ้งเจ้าหน้าที่, แป้นพิมพ์ ๑ อัน เครื่องรับสัญญาณไมโครโฟน ๑ อัน,เครื่องปรับสัญาณเสียง ๑ เครื่อง, เครื่องขยายเสียง ๑ เครื่อง ไมโครโฟน ๒ ตัวและโทรทัศน์สี ๑ เครื่อง เป็นของกลาง โดยกล่าวหาว่าละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นเพื่อการค้า
พนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางฐาน ละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นเพื่อการค้า ศาลพิพากษาว่าจำเลยผิดตามฟ้อง และริบของกลางทั้งหมด
จำเลยอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาต่อศาลฎีกาว่าของกลางทั้งหมด เป็นเพียงเครื่องมืออำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าเท่านั้น ไม่ใช่เครื่องมือที่ใช้ในการกระทำผิด จึงริบไม่ได้
กรณีนี้ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.๒๕๓๗ ได้วางหลักกฎหมายไว้ว่า
บรรดาสิ่งที่ได้ทำขึ้นหรือนำเข้ามาในราชอาณาจักรอันเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์...ให้ตกเป็นของเจ้าของลิขสิทธิ์... ส่วนสิ่งที่ได้ใช้ในการกระทำความผิดให้ริบเสียทั้งสิ้น
ศาลฏีกาพิพากษาว่า... โดยสภาพของกลางมีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำละเมิดต่องานอันมีลิขสิทธิ์ของผู้เสียหาย จึงเป็นทรัพย์สินที่ต้องริบ หาใช่เป็นเพียงเครื่องอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้า หรือไม่ใช่เครื่องมือในการกระทำความผิดแต่อย่างไร(คำพิพากษาฎีกาที่ ๕๑๐๓/๒๕๔๘)
...เจ้าของร้านอุตส่าห์นั่งถ่ารอ ก็เลยฟาวไม่ได้ตู้คาราโอเกะ โทรทัศน์สี และอุปกรณ์อื่น ๆ ของกลางคืนจ่อย...