ตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2542 ได้ให้ความหมายของคำว่า “สายลับ” หมายถึงผู้เข้าไปสืบความลับ หรือ จะเรียกว่า สายก็ได้
ส่วนคำว่า “สาย” นอกจากจะหมายถึงเรื่องเวลาแล้วยังหมายถึง ผู้เข้าไปสืบความลับ หรือความเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายหนึ่ง เช่น ระวังคนใช้เป็นสายให้โจร เป็นต้น
คำว่า “สายลับ” ในที่นี้หมายถึงบุคคลที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมอบหมายให้เข้าไปสืบความลับ หรือความเคลื่อนไหวของผู้กระทำความผิด โดยเฉพาะความผิดที่มีการกระทำเป็นขบานการ หรือมีเครือข่ายสลับซับซ้อน ซึ่งอยากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะรู้หรือรู้ตัวผู้กระทำความผิด และสามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้
ความผิดฐานจำหน่ายยาเสพติดฯ(ยาบ้า)เป็นการกระทำความผิดที่มีขบวนการซับซ้อนและมีขุมเครือข่ายมากมาย มีบุคคลเกี่ยวข้อง หลายชั้น และหลายขั้นตอน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงจำเป็นต้องอาศัยสายลับเข้าไปสืบหาข้อมูล และความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้กระทำความผิด จะเห็นว่าในการจับกุมแต่ละครั้งจึงเกิดการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของฝ่ายเจ้าหน้าที่และฝ่ายพ่อค้าอยู่เสมอ
มีปัญหาว่า เมื่อนำคดีเข้ามาสู่การพิจารณาคดีของศาลจะต้องนำสายลับมาเบิกความต่อศาลหรือไม่ หากไม่นำมาเบิกความจะลงโทษจำคุกจำเลยได้หรือไม่ ?
กรณีดังกล่าวเคยมีคดีขึ้นสู่ศาลข้อเท็จจริงได้ความว่า ก่อนเกิดเหตุเจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุมสืบว่า จำเลยทั้งสองมีพฤติกรรมลักลอบจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน(ยาบ้า) ให้แก่คนขับรถบรรทุก ได้มีการวางแผนจับกุมจำเลยทั้งสองโดยวิธีการล่อซื้อ โดยนำธนบัตรที่ใช้ล่อซื้อใปถ่ายสำเนา พร้อมลงบันทึกในรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีไว้เป็นหลักฐาน แล้วมอบให้สายลับไปล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนที่บ้านตามที่สืบทราบ
ในการล่อซื้อมีเจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุมนั่งรถบรรทุกร่วมกับสายลับไปที่บ้านที่เกิดเหตุดังกล่าว เห็นพฤติการณ์ในการล่อซื้อระหว่างสายลับกับจำเลยทั้งสอง และสายลับได้นำเมทแอมเฟตามีน 2 เม็ด มามอบให้เจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุมโดยแจ้งว่าซื้อมาจากจำเลยที่ 1
ชั้นจับกุมตรวจค้นพบธนบัตรที่ใช้ล่อซื้ออยู่ในกระเป๋าเงินของจำเลยที่ 2 พบเมทแอมเฟตามีน 20 เม็ด บรรจุในหลอดกาแฟปิดหัวท้ายอยู่ในกระเป๋าสีฟ้าตกอยู่ใกล้กับถังขยะซึ่งอยู่ในบ้านที่เกิดเหตุ และอุปกรณ์ในการบรรจุเมทแอมเฟตามีน ได้แก่ หลอดกาแฟยาว 2 หลอด หลอดกาแฟตัดสั้นปิดด้านท้าย 1 หลอด ไฟแช็กแก๊ส 1 อัน และมีดคัทเตอร์ 1 เล่ม อยู่ในลิ้นชักโต๊ะทำงานที่จำเลยที่ 2 นั่งอยู่
จำเลยต่อสู้ว่า โจทก์มิได้นำสายลับมาเบิกความ จึงยังเป็นที่สงสัยว่าสายลับได้ล่อซื้อเมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า) จากจำเลยหรือไม่?
การดังกล่าวศาลฏีกาเห็นว่า การใช้สายลับไปล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนย่อมมีความจำเป็นที่จะต้องปกปิดตัวสายลับเพื่อความปลอดภัยของสายลับเอง และเพื่อประโยชน์แก่ทางราชการในการที่จะใช้สายลับคนนั้นล่อซื้ออีก การที่โจทก์ไม่นำสายลับมาเบิกความอันเป็นการเปิดเผยตัวสายลับจึงหาได้ทำให้พยานหลักฐานอื่นของโจทก์มีพิรุธสงสัยไม่ พยานหลักฐานโจทก์ไม่มีเหตุให้ระแวงสงสัยดังที่จำเลยที่ ๑ ฏีกาจึงลงโทษจำเลยได้ (คำพิพากษาฎีกาที่ ๑๔๙/๒๕๕๐)
...สายลับจึงเป็นบุคคลสำคัญในการป้องกันและปราบปรามผู้กระทำความผิด ต้องเสี่ยงอันตรายถึงชีวิต เพื่อค้นหาความจริง ความยุติธรรม ปกป้อง และคุ้มครองความสงบสุขของสังคม จึงเป็นผู้ปิดทองหลังพระตลอดมา...ใครว่าไม่สำคัญ !!!