Advertisement
สมองของคนเรา ร้อยละ 80 จะเติบโตในช่วง 0-2 ปีแรก และจะพัฒนาได้ดีจนถึงช่วง 3 ปีแรก เรียกว่าเป็นหน้าต่างของโอกาสที่กำลังเปิดกว้างอย่างเต็มที่ พ่อแม่จึงต้องกระตุ้นพัฒนาการให้กับลูกอย่างครบถ้วนทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสังคม
นิตยสารรักลูก ร่วมกับโรงพยาบาลบี.แคร์ฯ โรงพยาบาลไทยนครินทร์ จัดสัมมนา เจาะกล ยุทธ์... สร้างลูกสมองดี เชิญแพทย์ด้านพัฒนาการเด็กมาให้คำแนะนำ
พ.ญ.ดวงรัตน์ วังเกล็ดแก้ว กุมารแพทย์โรงพยาบาลไทยนครินทร์ กล่าวว่า สมองดี หมายถึงสมองที่ทำให้เจ้าของเป็นคนดี มีความสุข มีการเรียนรู้ได้ดีตามศักยภาพ ตามวัย ฉลาด เอาตัวรอดได้ มีความสร้างสรรค์ แต่ต้องไม่ละเลยเรื่องคุณธรรมและต้องเข้าใจความรู้สึกของคนอื่นด้วย
"พ่อแม่เปรียบเสมือนครูคนแรกของลูก เลี้ยงดูลูกได้เองด้วยวิธีตามธรรมชาติ เริ่มต้นด้วยการปลูกฝังให้ลูกได้คิด ได้เล่น ได้เรียนรู้ กระตุ้นให้ลูกได้พัฒนาสมองด้วยกิจกรรมง่ายๆ ในช่วงขวบปีแรก พ่อแม่ควรดูแลลูกอย่างใกล้ชิด และควรเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ นอกจากลูกจะได้สารอาหารครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว เวลาที่ลูกอยู่ในอ้อมแขนของแม่ยังเป็นการกระตุ้นและส่งเสริมประสาทสัมผัสทั้ง 5 ไม่ว่าจะเป็น ตา หู ผิวหนัง จมูก ลิ้น หรือเวลาอุ้มลูกก็ให้อยู่ในระดับที่ลูกมองแม่ได้ เพราะเป็นช่วงที่ลูกต้องการความรักและความผูกพันจากพ่อแม่ผ่านการพูดคุย เลี้ยงดู และเล่นไปพร้อมๆ กัน โดยเฉพาะวัยต่ำกว่า 2 ขวบเด็กกำลังเตาะแตะ ควรเรียนรู้ผ่านการสื่อสารพูดคุยและการอ่านหนังสือ เล่านิทาน เพราะจะเป็นตัวกระตุ้นการสร้างเครือข่ายสมองของลูกด้วย"
|
สิ่งสำคัญในการพัฒนาศักยภาพสมอง คือกรรมพันธุ์ การเลี้ยงดู สิ่งแวดล้อม อาหาร แต่ในเด็กที่สมองปกติถ้าขาดการกระตุ้น ขาดการเอาใจใส่จะส่งผลเสียได้ ที่สำคัญการที่เด็กคนหนึ่งจะเป็นเด็กเก่งได้ไม่ใช่ส่งเสริมเพียงด้านใดด้านหนึ่งเท่านั้น ต้องพัฒนาทั้งสติปัญญา กล้ามเนื้อมัดเล็ก (มือ) กล้ามเนื้อมัดใหญ่ (แขน ขา) ภาษา สังคม และอารมณ์ควบคู่กันไปด้วย
พ.ญ.อดิศร์สุดา เฟื่องฟู กุมารแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กล่าวว่า สมองของคนเรามีอิทธิพลอย่างมากในการเรียนรู้ต่อความฉลาด บุคลิกภาพ และสภาพจิตใจของเด็กทั้งหมด การที่เด็กสมองดีควรเรียนรู้ได้ดีตามศักยภาพตามวัยของเขา และมีวิธีการคิดที่มีเหตุผล มีความคิดสร้างสรรค์ พฤติ กรรมเหล่านี้ล้วนเกิดจากการเลี้ยงดูของพ่อแม่
"ช่วงวัยที่สมองลูกกำลังพัฒนาพ่อแม่ต้องให้โอกาสลูกได้เรียนรู้และลองทำสิ่งใหม่ๆ ส่งเสริมตามพัฒนาการง่ายๆ เช่น การเลือกนิทานให้เหมาะสมกับอายุ ในช่วงอายุตั้งแต่ 6 เดือนจนถึง 1-2 ขวบ หนังสือรูปภาพและหนังสือสอนคำศัพท์จะเหมาะกับช่วงนี้ ในช่วงอายุ 3 ขวบจะเริ่มมีพัฒนาการด้านจินตนาการ สังเกตได้จากการที่เขาเริ่มกลัวโน่นกลัวนี่ หนังสือที่เหมาะสมและแนวที่ชอบจะเป็นพวกเจ้าหญิงเจ้าชาย คุณพ่อคุณแม่อาจต้องดูด้วยว่าลูกเราชอบตัวละครตัวไหน เพราะความชอบจะเพิ่มความสนใจให้กับเขามากเป็นพิเศษ ต้องพิจารณาว่านิทานแต่ละเล่มที่เลือกเหมาะสมกับลูกของเราด้วย หลักในการเสริมสร้างให้ลูกมีมุมมองที่ดีทำได้ด้วยการเล่านิทานหรืออ่านหนังสือให้ฟัง เพราะจะทำให้เด็กมีสมาธิดี สร้างสรรค์ประสบการณ์และจินตนา การ ช่วยกระตุ้นกระบวนการคิดในการมีส่วนร่วมและเข้าใจเรื่องราว
สิ่งสำคัญคือพ่อแม่ต้องไม่ละเลยเรื่องจิตใจ ด้วยการให้เข้าใจความรู้สึกของคนอื่น อย่าให้เขาเป็นคนฉลาดแต่เอาเปรียบคนอื่น ควรปลูกฝังลูกเรื่องคุณธรรม จริยธรรม เพื่อให้เขาเข้าใจจิตใจของคนอื่น เพราะการที่โตขึ้นจะเก่งอยู่คนเดียวแต่ไม่สามารถทำงานร่วมกับคนอื่นได้จะทำให้เขาอยู่ร่วมกับสังคมยาก
พ.ญ.กันดาภา ฐานบัญชา สูตินรีแพทย์ฯ โรงพยา บาลบี.แคร์ เมดิคอลเซ็นเตอร์ กล่าวในหัวข้อ "กิน เล่น นอน สูตรลับสร้างลูกฉลาด" ว่าเรื่องง่ายๆ ในชีวิตประจำวันที่พ่อแม่ทำได้คือฝึกให้ลูกให้ทำกิจวัตรประจำวัน เริ่มต้นจากทักษะด้านต่างๆ สร้างนิสัยและวินัยไปพร้อมๆ กับการส่งเสริมพัฒนาการให้ลูก
"การสร้างบรรยากาศในการกินของลูกนั้น ควรทำไปพร้อมๆ กับคุณพ่อคุณแม่ ชวนลูกกินแล้วยกตัวอย่างให้เห็นภาพ เช่น "เห็นไหมคุณพ่อก็กินผัก คุณแม่ก็กินผัก คุณตาคุณยายก็กินผักแล้วลูกกินผักหรือยังคะ" ครั้งแรกลูกอาจยังไม่กิน เราต้องใช้เวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์ อย่าใจร้อน ค่อยเป็นค่อยไป ใจเย็นๆ อาจต้องใช้การเล่านิทาน ต้องเลือกนิทานที่มีเนื้อหาของเด็กที่รับประทานผักแล้วร่างกายแข็งแรง เล่าให้ฟังสัก 2-3 สัปดาห์ลูกจะรู้สึกว่ากินผักแล้วก็ดีนะ
ส่วนการนอน พ่อแม่เริ่มต้นด้วยการฝึกให้เด็กนอนเป็นเวลา ทำกิจกรรมก่อนนอนสม่ำเสมอจนเป็นกิจวัตร เช่น อาบน้ำ นวดสัมผัส หรือสร้างบรรยา กาศก่อนนอน เช่น อ่านนิทาน ฟังเพลงหรือกล่อมเบาๆ เพื่อให้รู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย วิธีนี้พิสูจน์แล้วว่าจะช่วยให้ลูกน้อยหลับสนิทและยาวนานยิ่งขึ้น ฝึกการเข้านอนด้วยตัวเอง เป็นการสร้างนิสัยเพื่อพัฒนาการที่ดีของลูกน้อย
ขอบคุณข้อมูลจาก : ข่าวสด
คุณครูใช้พลังเสียงแต่ละวันมากไหม? ลองดู (ไมค์wireless,รองรับFM) Rolton K400FM ไมค์ลอย ไมค์ไร้สาย ไมค์ช่วยสอน ลำโพงพกพา ลำโพง ไมค์ลอย K400 FM ในราคา ฿494 - ฿592 ที่ Shopeehttps://s.shopee.co.th/50IAUAsJw0?share_channel_code=6
Advertisement
เปิดอ่าน 12,094 ครั้ง เปิดอ่าน 12,128 ครั้ง เปิดอ่าน 13,713 ครั้ง เปิดอ่าน 30,901 ครั้ง เปิดอ่าน 13,115 ครั้ง เปิดอ่าน 14,181 ครั้ง เปิดอ่าน 36,421 ครั้ง เปิดอ่าน 4,684 ครั้ง เปิดอ่าน 12,891 ครั้ง เปิดอ่าน 706 ครั้ง เปิดอ่าน 11,610 ครั้ง เปิดอ่าน 12,494 ครั้ง เปิดอ่าน 13,209 ครั้ง เปิดอ่าน 20,548 ครั้ง เปิดอ่าน 42,799 ครั้ง เปิดอ่าน 17,380 ครั้ง
|
เปิดอ่าน 9,986 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 5,377 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 12,994 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 15,207 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 19,870 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 11,222 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 10,222 ☕ คลิกอ่านเลย |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡
เปิดอ่าน 26,235 ครั้ง |
เปิดอ่าน 10,623 ครั้ง |
เปิดอ่าน 386,956 ครั้ง |
เปิดอ่าน 72,300 ครั้ง |
เปิดอ่าน 130,003 ครั้ง |
|
|