Advertisement
วันงดสูบบุหรี่โลก |
จำนวนผู้อ่าน : 5527 |
เริ่มมีการจัดงานวันงดสูบบุหรี่โลกในวันที่ 31 พฤษภาคม ค.ศ.1988 โดยองค์การอนามัยโลก เนื่องจากเล็งเห็นอันตรายของบุหรี่ต่อสุขภาพ ของผู้สูบบุหรี่และผู้ไม่สูบบุหรี่แต่ได้รับควันบุหรี่ การจัดงานวันงดสูบบุหรี่โลกก็เพื่อกระตุ้นให้ผู้สูบบุหรี่เลิกสูบ และให้รัฐบาลชุมชนและประชากรโลก ตระหนักถึงความสำคัญและเข้าร่วมกิจกรรม
การสูบบุหรี่หรือได้รับควันบุหรี่เป็นประจำเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งปอด ถุงลมโป่งพอง และโรคระบบทางเดินหายใจอื่น ๆ นอกจากนี้ยังส่งผลทำให้มีโอกาสเกิดโรคบางโรคมากกว่าผู้ที่ไม่ได้รับควันบุหรี่ เช่น โรคหัวใจขาดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง และโรคอื่น ๆ อีกหลายโรค บุหรี่ยังทำให้เสียทรัพย์โดยไม่จำเป็นอีกด้วย
องค์การอนามัยโลกระบุชัดเจนว่า การสูบบุหรี่เป็นสาเหตุสำคัญของการป่วยและเสียชีวิตก่อนวัยอันควรที่สามารถป้องกันได้ และกำหนดให้ วันที่ 31 พฤษภาคม ของทุกปีเป็นวันงดสูบบุหรี่โลก ( World No Tobacco Day) มีการกำหนดคำขวัญในการรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ในแต่ละปี
มะเร็งในปอด
เมื่อต้นเดือนเมษายน พ.ศ.2548 นาย ปีเตอร์ เจนนิ่งส์ (Mr. Peter Jennings) นักข่าว ABC พบว่า เป็นมะเร็งที่ปอด สถาบัน American Cancer Society (ACS) ได้พยากรณ์ว่า ประชากรอเมริกามากกว่า 172,000 คน เป็นมะเร็งปอด ซึ่ง 60% ของประชากรที่เป็นมะเร็งปอดจะเสียชีวิตภายใน 1 ปี 70-80% จะเสียชีวิตภายใน 2 ปี และจากสถิติพบผู้ป่วยจะเสียชีวิตจากมะเร็งปอดมากกว่ามะเร็งลำไส้, มะเร็งเต้านมและมะเร็งต่อมลูกหมาก |
|
Mr. Peter Mazzon ผู้อำนวยการร่วมของโครงการมะเร็งปอดแห่ง Cleveland Clinic ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับการวิจัยและรักษาของมะเร็งปอดไว้ว่า มะเร็งปอดเป็นมะเร็งที่ยากในการวินิจฉัยในระยะแรก เพราะมะเร็งปอดในระยะแรกนั้นผู้ป่วยจะไม่มีอาการแสดง เช่น ไม่มีอาการไอ ไม่เจ็บหน้าอกหรือหายใจลำบากแต่อย่างใด แต่ถ้าผู้ป่วยมาด้วยอาการดังกล่าวข้างต้นมักจะเป็นมะเร็งปอดในระยะหลังเสียแล้ว
ความเป็นมา
อะไรที่เป็นอาการแสดงของมะเร็งปอดในระยะแรก
ผู้ป่วยที่มาพบแพทย์นั้นไม่ใช่อาการที่บ่งบอกว่าเป็นมะเร็งปอด บางคนมาหาแพทย์จากการอาการไอเพราะสูบบุหรี่ ถุงลมโป่งพองหรือจากการเป็นหวัดเรื้อรัง ผู้ป่วยบางคนพบโดยบังเอิญจากการเอกซเรย์ปอดธรรมดาหรือจากการเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ที่ปอด พบว่าผู้ป่วย 9 ใน 10 คน ที่เป็นมะเร็งปอดนั้นสาเหตุมาจากการสูบบุหรี่ ดังนั้นการวินิจฉัยเพื่อหามะเร็งปอดควรทำโดยนำบุคคลที่ยังไม่มีอาการใดๆ แต่มีประวัติสูบบุหรี่หรือบุคคลที่มีภาวะเสี่ยงในการเกิดมะเร็งปอด มาตรวจเอกซเรย์ปอดธรรมดา ตรวจเสมหะ หรือทำเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ ซึ่งในปัจจุบันยังไม่มีการวินิจฉัยเพื่อป้องกันและลดอัตราการเสียชีวิตของมะเร็งปอด ขณะนี้ศูนย์มะเร็งแห่งชาติ (The National Cancer Institute) ได้ทำการวิจัยโดยใช้เอกซเรย์ปอดธรรมดาและเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ ในจำนวนคน 5,000 คน และดูผลของการวินิจฉัยทั้งสองกลุ่มว่ามีความแตกต่างกันอย่างไรซึ่งใช้เวลาในการวิจัยถึงปี พ.ศ. 2552
|
ผู้ป่วยจะมีอายุยืนนานเท่าใดหลังจากตรวจพบว่าเป็นมะเร็งปอด
อัตราการอยู่รอดของผู้ป่วยมะเร็งปอดขึ้นอยู่กับระยะของโรค ส่วนมากจะพบผู้ป่วยในระยะท้ายทำให้อัตราการเสียชีวิตจึงสูงซึ่งผู้ป่วยจะมีชีวิตอยู่รอดราว 15% ในระยะ 5 ปี และ 1ใน 8 คน จะมีชีวิตอยู่รอดมากกว่า 5 ปี มะเร็งในระยะท้ายมักจะกระจายไปที่สมอง กระดูกทำให้มีชีวิตอยู่ได้ประมาณ 12-18 เดือนและมีประมาณ1-2% ที่มีชีวิตอยู่รอดหลัง 5 ปีไปแล้ววิธี
การรักษามะเร็งปอด
การรักษาโดยการผ่าตัดเลาะก้อนเนื้องอกออกนั้นเป็นวิธีการรักษาที่ดีที่สุดในการรักษามะเร็งปอด ส่วนการให้ยาเคมีบำบัด การฉายแสงมีประโยชน์ในบางสถานะของโรค มะเร็งปอดยากในการรักษาด้วยสาเหตุ 2 ประการคือ
1. เป็นในระยะที่มะเร็งกระจายไปที่ต่อมน้ำเหลืองหรือที่อวัยวะอื่นๆ แล้ว
2. เพราะผู้ป่วยสูบบุหรี่มานาน มีถุงลมโปร่งพอง ทำให้ผู้ป่วยผ่าตัดไม่ได้และอาจไม่เหมาะที่จะได้รับการผ่าตัด |
มีวิวัฒนาการอะไรในการป้องกันมะเร็งปอด
วิวัฒนาการในการป้องกัน วินิจฉัย และรักษาในระยะเวลา 1-2 ปี ยังไม่มีวิธีการใดที่จะนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ได้ การป้องกันที่ง่ายที่สุดคือ การไม่สูบบุหรี่และรณรงค์ให้ประชาชนงดสูบบุหรี่ ส่วนการตรวจโดยการค้นหาลักษณะของยีน หาโปรตีนที่ผิดปกติในเลือดของผู้ป่วยมะเร็งปอดอาจจะวินิจฉัยหามะเร็งปอดระยะแรกได้ ที่ Cleveland Clinic กำลังศึกษาวิจัยสิ่งผิดปกติจากลมหายใจของผู้ป่วยโดยดูลักษณะ รูปแบบสารเคมีจากลมหายใจ ถ้าสำเร็จก็จะเป็นการวินิจฉัยที่ง่ายและอาจเป็นวิธีที่ดีในการตรวจมะเร็งปอดอีกด้วย
มีวิวัฒนาการอะไรใหม่ๆ บ้างในปัจจุบันที่สามารถรักษามะเร็งปอดได้
โดยทั่วไปการให้ยาเคมีบำบัดนั้นเพื่อต้องการฆ่าเซลล์มะเร็งแต่มันก็ทำลายเซลล์ธรรมดาด้วยเช่นกัน ความหวังที่จะให้ยา (target therapy) เพื่อฆ่าเฉพาะเซลล์มะเร็งอย่างเดียวโดยไม่มีผลทำลายเซลล์ปกติก็ได้ผลเป็นที่น่าพอใจในระดับหนึ่ง นักวิจัยบางกลุ่มกำลังศึกษาถึงวิธีการใช้ยาเคมีบำบัดโดยเคลือบกับอนุภาคเล็กๆ ขนาดเล็กมากใกล้เคียงกับขนาดเม็ดเลือดและจะนำยาเคมีบำบัดนี้มาใช้ในการรักษาเพื่อฆ่าเซลล์มะเร็งโดยตรง จากข้อมูลที่กล่าวมาข้างต้นนั้นยังต้องใช้เวลาในการศึกษาวิจัย เพื่อนำมาพัฒนาในการรักษามะเร็ง แต่วิธีที่ง่ายที่สุดและได้ผลในการป้องกันมะเร็งปอดคือ การไม่สูบบุหรี่ มันเป็นความจริงที่ทุกๆ คนทราบดีถาม-ตอบวันงดสูบบุหรี่โลก
|
บุหรี่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
บุหรี่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ทั้งต่อผู้สูบเอง และผู้ที่อยู่ใกล้ชิดที่สูดหายใจเอาอากาศที่มีควันบุหรี่เข้าไป เพราะควันบุหรี่ประกอบด้วยสารที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพทั้งสิ้น เช่น คาร์บอนมอนอกไซด์ นิโคติน ทาร์ เป็นต้น จากการสำรวจพบว่า ผู้ที่เป็นมะเร็งปอดนั้น ร้อยละ 90 เป็นผลเนื่องมาจากการสูบบุหรี่ และถ้าสูบเกินวันละ 1 ซอง จะมีโอกาสเป็นมะเร็งปอดมากกว่าผู้ที่ไม่สูบถึง 5-20 เท่า นอกจากนี้ ผู้ที่ป่วยด้วยโรคหลอดลมอักเสบร้อยละ 80 และโรคหัวใจร้อยละ 50 ก็มีผลมาจากการสูบบุหรี่เช่นเดียวกัน
กฎหมายคุ้มครองสุขภาพประชาชนเรื่องบุหรี่
ทั้ง 2 ฉบับ ได้แก่
1. พระราชบัญญัติคุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่ พ.ศ.2535
มีสาระสำคัญคือ การประกาศเขตปลอดบุหรี่ โดยแบ่งเขตปลอดบุหรี่ออกเป็น 4 กลุ่มคือ
- เขตปลอดบุหรี่อย่างแท้จริง เช่น รถยนต์โดยสารประจำทางทั้งที่ปรับอากาศและไม่ปรับอากาศ แท็กซี่ ตู้รถไฟปรับอากาศ ห้องชมมหรสพ
- เขตปลอดบุหรี่ทั้งหมดเช่น โรงเรียน ห้องสมุด ยกเว้น ห้องส่วนตัว
- เขตปลอดบุหรี่เกือบทั้งหมด เช่น สถานพยาบาล ศูนย์การค้า สถานที่ราชการ และรัฐวิสาหกิจ หากจะสูบก็ให้สูบเฉพาะเขตสูบบุหรี่
- เขตปลอดบุหรี่อย่างน้อยครึ่งหนึ่งของพื้นที่นั้นๆ เช่น ตู้รถไฟโดยสารทั่วไป(ไม่ปรับอากาศ) และร้านขายอาหารทั่วๆ ไป เฉพาะบริเวณที่มีระบบปรับอากาศ แต่ต้องจัดเขตสูบบุหรี่ไม่ให้เกินครึ่งหนึ่งของพื้นที่ทั้งหมด
2. พระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ
มีสาระสำคัญคือการห้ามขายบุหรี่ให้เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี หากฝ่าฝืนมีโทษจำคุก 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 2,000 บาท ห้ามขายสินค้าอื่นและแถมบุหรี่ให้ หรือ ขายบุหรี่แล้วแถมสินค้าอื่นๆ และห้ามการโฆษณาทั้งโดยทางตรงและทางอ้อม การรณรงค์ต่อต้านการสูบบุหรี่ มิใช่จะกระทำแค่วันเดียว แต่ต้องทำอย่าง ต่อเนื่อง เพื่อสุขภาพและอนามัยที่ดีแก่ตนเองและผู้ใกล้ชิด
|
|
วันที่ 28 พ.ค. 2552
Advertisement
เปิดอ่าน 7,144 ครั้ง เปิดอ่าน 7,137 ครั้ง เปิดอ่าน 7,174 ครั้ง เปิดอ่าน 7,143 ครั้ง เปิดอ่าน 7,139 ครั้ง เปิดอ่าน 7,145 ครั้ง เปิดอ่าน 7,138 ครั้ง เปิดอ่าน 7,144 ครั้ง เปิดอ่าน 7,137 ครั้ง เปิดอ่าน 7,142 ครั้ง เปิดอ่าน 7,141 ครั้ง เปิดอ่าน 7,139 ครั้ง เปิดอ่าน 7,140 ครั้ง เปิดอ่าน 7,139 ครั้ง เปิดอ่าน 7,135 ครั้ง เปิดอ่าน 7,139 ครั้ง
|
เปิดอ่าน 7,139 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,138 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,141 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,139 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,135 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,149 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,158 ☕ คลิกอ่านเลย |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡
เปิดอ่าน 15,730 ครั้ง |
เปิดอ่าน 93,196 ครั้ง |
เปิดอ่าน 19,074 ครั้ง |
เปิดอ่าน 17,553 ครั้ง |
เปิดอ่าน 9,454 ครั้ง |
|
|