หลายๆ คนอาจยังไม่รู้ว่าตัวเลขทำให้เกิดมงคลได้ โดยเฉพาะเลข ๑ - ๑๐ มาเกี่ยวข้องและมีอิทธิพลกับชีวิตของเราอย่างไร อมรรัตน์ เทพกำปนาท สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม มีคำตอบมาไขข้อข้องใจคุณค่ะ
ในชีวิตประจำวันของคนเรานั้น มักมีตัวเลขมายุ่งเกี่ยวด้วยเสมอ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ก็ตาม เราก็หนีตัวเลขไปไม่พ้น บางคนอาจจะรู้สึกว่าตัวเลขเป็นเรื่องยุ่งยาก (ยกเว้นเลขหวย) แต่โดยแท้จริงเลขรอบๆตัวเราที่ดูเหมือนมีมากมาย ถ้านับแล้วก็จะไม่พ้น ๑๐ ตัว ดังนี้ คือ เลข ๑,๒,๓,๔,๕,๖,๗,๘,๙ และ ๑๐ หรือ ๐ (ศูนย์) ซึ่งเมื่อนำมาผสมกันก็จะเกิดเป็นตัวเลขอันหลากหลายอย่างที่เห็น และหลายๆตัวก็มีค่า มีความหมายต่อการดำเนินชีวิต หรือต่อความเชื่อของแต่ละบุคคลไม่น้อย ไม่เช่นนั้นเราคงจะไม่เห็นบางคนยอมเสียเงินเป็นแสนๆเพื่อจะได้หมายเลขทะเบียนรถที่ตนคิดว่าเป็นเลขสวยหรือเป็นเลขมงคลอย่างที่ปรากฏเป็นข่าว
อย่างไรก็ดี ในจำนวนเลข ๑-๑๐ หรือ ๑ - ๐ นี้ จะมีเลขบางตัวเท่านั้นที่คนส่วนใหญ่ถือว่าเป็นเลขมงคล ที่ให้โชคให้ลาภ เช่น ๑, ๕ และ ๙ ส่วนเลขตัวอื่นๆนั้น ดูเหมือนจะถูกมองข้ามหรือไม่ค่อยมีความหมายสักเท่าไรนัก ทั้งๆที่ตัวเลขแต่ละตัว หากจะมองให้ลึกซึ้ง ต่างก็มีนัยที่น่าสนใจไม่น้อย ด้วยเหตุนี้ สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม จึงอยากจะเชิญชวนให้ทุกท่านได้ลองมองให้เห็นความเป็นมงคลที่ซ่อนอยู่ในแต่ละตัวเลข ดังต่อไปนี้
เลข ๑ (หนึ่ง) เลขนี้ไม่ต้องอธิบาย คนโดยมากก็ถือเป็นเลขมงคลของตนอยู่แล้ว เนื่องจากใครก็ตามที่ได้หมายเลข ๑ นั่นหมายความว่า เขาจะได้รับเกียรติ หรือได้รับสิ่งต่างๆเป็นคนแรก หรือถ้าเป็นของรางวัลที่ ๑ ก็มักเป็นของที่มีคุณค่าหรือราคาสูงกว่าเบอร์อื่นๆ นอกจากนี้ “หนึ่ง” ยังให้ความรู้สึกถึงความเป็นเลิศ และชัยชนะสูงสุด เลข ๑ จึงเป็นเลขที่มงคลที่คนส่วนใหญ่ปรารถนา
เลข ๒ (สอง) ถ้าเป็นรางวัล ก็อาจจะดูด้อยค่า น้อยราคาไปนิดหนึ่ง แต่หากจะมองในแง่บวก จะเห็นว่าเลขนี้ หมายถึง สิ่งที่เป็นคู่ และอะไรที่เป็นคู่ ย่อมจะให้ความรู้สึกที่สุข สดชื่น มีความหวัง และบ่งบอกถึงการช่วยเหลือซึ่งกันและอยู่ เช่น คู่รัก คู่มิตร คู่คิด คู่ใจ เป็นต้น ดังนั้น เลขสองจึงเป็นเลขมงคลที่มีนัยแห่งความอบอุ่นและเป็นมิตร
เลข ๓ (สาม) แม้หลายคนอาจจะมองว่า อะไรที่มี “มือที่สาม” มาเกี่ยวข้องมักจะก่อให้เกิดความแตกแยกร้าวฉาน แต่จริงๆแล้วเลข ๓ กลับเป็นจำนวนนับของสิ่งมงคลหลายอย่าง โดยเฉพาะในทางศาสนา เช่น พระรัตนตรัย ที่หมายถึงดวงแก้ว ๓ ดวง ได้แก่ พระพุทธ พระธรรมและพระสงฆ์ พระไตรปิฎก หมายถึง พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าที่มี ๓ หมวดคือ พระวินัย พระสูตร และพระอภิธรรม ตรีมูรติ คือเทพเจ้าในศาสนาพราหมณ์ที่มี ๓ องค์ ได้แก่ พระพรหม พระวิษณุ และพระศิวะ เป็นต้น ด้วยเหตุนี้ เลขสาม จึงมีมงคลที่น้อมนำเราไปสู่สิ่งที่ดีงามของชีวิต
เลข ๔ (สี่) ก็คล้ายๆกับเลขสามที่ว่า เป็นเลขที่กำกับให้เราประพฤติปฏิบัติตามหลักธรรมที่จะเป็นหนทางไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองในอนาคตได้ เช่น พรหมวิหาร ๔ อันได้แก่ เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา ซึ่งจะทำให้เราเป็นที่รักของคนรอบข้าง และอิทธิบาท ๔ อันได้แก่ ฉันทะ วิริยะ จิตตะ และวิมังสา ที่จะเป็นแนวทางนำเราไปสู่ความสำเร็จในกิจการต่างๆ เลขสี่ จึงเป็นอีกหนึ่งตัวเลขที่พาเราไปพบกับความก้าวหน้าในชีวิต
เลข ๕ (ห้า) นอกจากจะมีเสียงคล้ายเสียงหัวเราะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ! ที่ให้ความสนุกสนาน รื่นเริงแล้ว เลขนี้ ยังเกี่ยวกับเรื่องความเชื่อหลายอย่าง เช่น วันที่ใช้ในการปลุกเสกเครื่องรางของขลัง นิยมใช้วันเสาร์ ๕ ผู้หญิงที่มีลักษณะงามที่เรียกว่า เบญจกัลยาณี ต้องงาม ๕ ประการ คือ ผมงาม เนื้องาม(เหงือกและริมฝีปากแดง) ฟันงาม ผิวงาม และวัยงาม เป็นต้น นอกจากนี้ยังมี เบญจศีล หรือ ศีล ๕ อันเป็นหลักธรรมที่ช่วยจรรโลงโลกให้ร่มเย็น เพราะความไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกันอีกด้วย เลขห้าจึงเป็นเลขที่มีความเป็นมงคลอันหลากหลายตามแต่จะนำไปใช้
เลข ๖ (หก) เลขนี้แม้เสียงภาษาไทย จะทำให้รู้สึกเสียการทรงตัว แต่หากออกเสียงภาษาจีนว่า “หก” ที่หมายถึง “ฮก” อันเป็นหนึ่งในสามเทพเจ้า “ฮก ลก ซิ่ว” แล้ว ก็คงจะทำให้รู้สึกเป็นมงคลขึ้น เพราะเทพฮก ผู้มีทีท่าอ่อนโยน จะอุ้มทารกในมือ เเสดงถึง มีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมือง มีความสุขสมปรารถนา ส่วนเทพซิ่ว จะถือผลท้อเซียน ใบหน้าเหี่ยวย่นเเสดงถึงความมีสุขภาพเเข็งเเรง มีอายุยืน และเทพลกจะถือหยกปรารถนาในมือ อันหมายถึง ความร่ำรวยมั่งคั่ง และความก้าวหน้า นอกจากเทพฮกแล้ว ทิศ ๖ ในทางพุทธศาสนา ก็เป็นอีกมงคลหนึ่งที่จะช่วยให้เราสัมพันธ์กับคนที่เกี่ยวข้องด้วยอย่างเหมาะสม ซึ่งได้แก่ ทิศเบื้องหน้า คือ บิดามารดา ทิศเบื้องขวา คือ ครูอาจารย์ ทิศเบื้องหลัง คือ บุตร/ภรรยา ทิศเบื้องซ้าย คือ มิตรสหาย ทิศเบื้องล่าง คือ คนรับใช้/คนงาน และทิศเบื้องบน คือ พระสงฆ์ บุคคลผู้แวดล้อมเราเหล่านี้ ล้วนเป็นผู้สามารถสนับสนุนส่งเสริมให้เราก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงได้ทั้งสิ้น หากเราจะรู้จักปฏิบัติให้ถูกต้องตามสถานะและความสัมพันธ์กับตัวเรา เลขหก จึงเป็นอีกเลขหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม
เลข ๗ (เจ็ด) จะเป็นเลขที่มีบทบาทกับชีวิตเราไม่น้อย เช่น รุ้งมี ๗ สี สัปดาห์หนึ่งมี ๗ วัน ซึ่งหลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมถึงเป็น ๗ วัน ทั้งนี้ ก็เพราะว่ามันเกี่ยวพันกับโหราศาสตร์และเทวดาประจำดาวนพเคราะห์ที่มี ๙ ดวง แต่อีกสองดวงคือ ดาวราหูและดาวเกตุ จะมองไม่เห็น คนโบราณจึงกำหนดให้สัปดาห์หนึ่งมี ๗ วัน เพื่อให้บูชาเทวดาประจำวัน และเตือนให้กระทำความดี ไม่หลงผิด และในทางพุทธศาสนา ก็เชื่อว่าเมื่อพุทธเจ้าประสูติ ทรงเดินไปได้ ๗ ก้าว และแต่ละก้าวก็มีดอกบัวมารองรับ ส่วนคริสต์ศาสนาก็เชื่อว่า พระเจ้าสร้างโลกใน ๗ วัน จึงถือว่าเลขนี้เป็นเลขแห่งความอุดมสมบูรณ์ และแม้แต่ในวงการกีฬา โดยเฉพาะทีมปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ฯ นักกีฬาคนใดได้ใส่เสื้อหมายเลข ๗ มักจะเป็นนักเตะที่มีฝีเท้ายอดเยี่ยมในระดับตำนาน เช่น ไบรอัน ร็อบสัน เอริก กองโตนา และเดวิด เบคแคม เป็นต้น เลขเจ็ดจึงเป็นเลขมงคลในดวงใจของอีกหลายๆคน
เลข ๘ (แปด) จีนถือเป็นเลขมงคลยิ่ง เพราะหมายถึงโป๊ยเซียน อันได้แก่ ทิ ก๋วย ลี้ เทพผู้สามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ฮั่น เจง หลี ผู้มีความกล้าหาญและเป็นสัญลักษณ์แห่งโชคลาภ ลื่อทงบิน เทพแห่งช่างตัดผม ทำให้ค้าขายมีกำไรร่ำรวยเป็นเศรษฐี เจียง กั๋ว เล้า เทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งอายุยืน มีเสน่ห์เป็นที่นิยมรักใคร่ของคน น่าใช้หัว ผู้เป็นสัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ และเป็นเทพแห่งมวลบุปผาชาติ ฮ่อเซียนไกว ผู้เป็นสัญลักษณ์แห่งความสวยงาม สติปัญญาดี ฮั่นเซียงจื้อ ผู้เป็นสัญลักษณ์แห่งเทพพยากรณ์ เช่า ก๊ก กู่ ผู้เป็นสัญลักษณ์แห่งยศฐาบรรดาศักดิ์ การเข้ารับราชการ แค่เซียน ๘ องค์นี้ ก็ทำให้เลขแปดเป็นมงคลเลขที่คนปรารถนาไม่น้อยแล้ว
เลข ๙ (เก้า) เลขนี้เพียงเสียงที่อ่านก็ทำให้คนรู้สึกถึงความมีอนาคตที่ก้าวไกล เพราะหมายถึงความก้าวหน้ารุ่งเรือง ข้อสำคัญ ยังเป็นรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดชมหาราช พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทยอีกด้วย จึงถือได้ว่าเป็นเลขแห่งความเป็นมิ่งมงคลยิ่ง
เลข ๑๐ (สิบ) เป็นเลขที่ให้รู้สึกถึงความเต็มสมบูรณ์ เช่น ได้คะแนนเต็มสิบ และในทางปฏิบัติยังเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ดีงามหลายประการ อาทิ บัญญัติสิบประการ (บทบัญญัติที่พระเป็นเจ้ามอบแก่โมเสส) ทศพิธราชธรรม (ธรรมของพระราชาหรือข้อพึงปฏิบัติของผู้บริหาร) เป็นต้น หรือหากจะคิดเป็นเลข ๐ (ศูนย์) อันเป็นเลขตัวสุดท้าย เลขนี้กลับมีปรัชญาแฝงให้คิดอยู่ไม่น้อย เพราะ “ศูนย์” จะมีลักษณะเป็นวงกลมที่เป็นทั้งจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด หมุนเวียนต่อเนื่องกันไป ไม่รู้จบ ซึ่งจะหมายถึง ความว่างเปล่า ไม่มีตัวตนก็ได้ หรือถ้าไปเติมท้ายตัวอื่น ก็กลับทำให้เลขนั้นมีค่าทวีคูณขึ้นหลายเท่า ทั้งเลขสิบและศูนย์ จึงมีความเป็นมงคลที่ชวนให้คิดอย่างลึกซึ้ง
เลขทั้งหมดนี้ หลายคนอาจคิดว่าต่างก็มีข้อด้อยหรือมุมลบแฝงอยู่ แต่เราจะมองโลกในแง่ร้ายให้ชีวิตหดหู่ไปไย สู้มองทุกอย่างให้รื่นรมย์ เป็นเรื่องบวก โดยเริ่มง่ายๆจากตัวเลขรอบตัวเรานี่แหละ