Advertisement
“มาร์ค” เสนอตัวเป็นพรีเซ็นเตอร์สามีซื่อสัตย์-รักครอบครัว ป้องกันเอดส์ |
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ |
27 พฤษภาคม 2552 13:24 น. |
|
|
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี |
|
|
|
“อภิสิทธิ์” เสนอตัวเป็นพรีเซ็นเตอร์รณรงค์สามีซื่อสัตย์ รักครอบครัว ไม่วอกแวก รั้วป้องกันแม่บ้านติดเอดส์ ชี้ปัญหาเด็กยโสธรถูกปฏิเสธเข้าเรียนไม่ควรเกิดขึ้น ขัดหลักสิทธิมนุษยชน-รัฐธรรมนูญ สธ.รับลูกประสาน สพฐ.ชี้แจงโรงเรียนต้องไม่กีดกันเด็กติดเชื้อ ย้ำต้องปกปิดข้อมูลผู้ป่วย เพราะสังคมยังรังเกียจ คาดทั่วไทยมีเด็กได้รับผลกระทบจากเอดส์ 4 แสนกว่าคน ในจำนวนนี้เป็นเด็กติดเชื้อ 2แสนคน
วันนี้ (27 พ.ค.) เมื่อเวลา 8.30 น.ที่อิมแพค คอนเวนชัน เซ็นเตอร์ เมืองทองธานี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเปิดการสัมมนาระดับชาติเรื่องเอดส์ ครั้งที่ 12 โดยกล่าวในการปาฐกถาพิเศษ “เชื่อมั่นประเทศไทย ร่วมเป็นผู้นำแก้ไขปัญหาเอดส์” ว่า สถานการณ์การระบาดของโรคเอดส์ขระนี้ มีผู้ป่วยประมาณ 33 ล้านคนทั่วโลก ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศกำลังพัฒนาและประเทศยากจน สำหรับประเทศไทยพบว่าในช่วง 20 ปี ที่ผ่านมามีผู้ป่วยสะสมประมาณ 1 ล้านคน ครึ่งหนึ่งเสียชีวิตไปแล้ว เหลือผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ที่มีชีวิตอยู่ประมาณ 5 แสนคน โดยไทยตั้งเป้าที่จะลดจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ 50% จาก 15,000 คน ในปี 2550 เหลือ 7,500 คน ในปี 2554 หรือในอีกปี 2 ข้างหน้า ซึ่งหากประสบผลสำเร็จจะช่วยลดความสูญเสียค่าใช้จ่ายต่อเนื่อง และลดการสูญเสียชีวิตซึ่งเป็นทรัพยากรที่สำคัญของประเทศด้วย
“ในอดีตไทยได้รับการยกย่องชื่นชมในมาตรการป้องกันแก้ไขปัญหาเรื่องเอดส์ โดยเฉพาะความสำเร็จในการใช้แนวทางการยอมรับความจริงอย่างเปิดเผยเกิดขึ้นครั้งแรกในสมัยที่นายชวน หลีกภัย เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แม้ในช่วงแรกจะได้รับการต่อต้านเนื่องจากธุรกิจการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบมาก แต่ถือเป็นแนวทางที่ถูกต้องในการแก้ปัญหาของผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ และได้รับการสานต่อนโยบายเรื่อยมา รวมทั้งได้นายมีชัย วีระไวทยะ รณรงค์การใช้ถุงยางอนามัยซึ่งสามารถชะลอการเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อ” นายอภิสิทธิ์กล่าว
นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า แม้ปัจจุบันมีการพัฒนาปรับปรุงระบบการรักษาพยาบาลผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ช่วยให้ผู้ป่วยเข้าถึงยาได้มากขึ้น แต่ปัญหาไม่ได้อยู่กับที่แต่มีการเปลี่ยนแปลงโดยเฉพาะกลุ่มผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ จากเดิมที่เป็นในกลุ่มหญิงบริการทางเพศ ผู้ติดยา ซึ่งสามารถป้องกันได้ง่าย เป็นกลุ่มเยาวชน แม่บ้านและกลุ่มชายรักชาย โดยเฉพาะเยาวชนที่เปราะบางสามารถติดเชื้อได้ง่าย เพราะพฤติกรรมทางเพศที่เปลี่ยนแปลงไป เยาวชนมีเพศสัมพันธ์เร็วขึ้นเฉลี่ย อายุกว่า 17 ปี หรืออาจน้อยกว่านั้น ทัศนคติของวัยรุ่นที่มีเพศสัมพันธุ์อย่างฉาบฉวย และการใช้ถุงยางอนามัยลดลง ประกอบกับสภาพสังคมที่มีความสลับซับซ้อน เยาวชนได้รับการกระตุ้นจากสิ่งเร้า เช่น เทคโนโลยี และสื่อต่างๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นปัญหาที่มีความท้าทายที่จะต้องร่วมกันสร้างความตระหนักให้ประชาชน
“ทั้งนี้ พบว่าปัจจุบันกลุ่มชายรักชายติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์เพิ่มขึ้นจาก 17% เป็น 28% กลุ่มผู้ติดยาเสพติด 48% และในกลุ่มแม่บ้านที่พบว่ามีการติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์จากสามี 30-40% ซึ่งเกิดจากการขาดความตระหนักของสามีเพราะหากมีความซื่อสัตย์ รักครอบครัว ไม่วอกแวก จะไม่มีความเสี่ยงในการติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ซึ่งผมพร้อมที่จะเป็นพรีเซ็นเตอร์ในเรื่องนี้” นายอภิสิทธิ์กล่าว
นายอภิสิทธิ์กล่าวด้วยว่า ส่วนด้านการรักษาพยาบาลขณะนี้โรงพยาบาลในสังกัดของกระทรวงสาธารณสุขสามารถให้บริการผู้ป่วยได้รับยาต้านไวรัสแล้ว 120,000 ราย โดยในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยรายใหม่ที่เข้ารับยาต้านไวรัสเพิ่ม 2,000-3,000 รายต่อเดือน ถือว่าเป็นไปตามเป้าหมาย แต่ยังมีปัญหาและอุปสรรคผู้ที่อยู่ในระบบประกันสังคมที่ไม่สะดวกในการรับยาโดยเฉพาะในต่างจังหวัดที่ต้องเดินทางไกล ซึ่งตนในฐานะประธานคณะกรรมการเอดส์แห่งชาติจะผลักดันในการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้
นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องต่อไป เช่น การความรู้ ความเข้าในเรื่องโรคเอดส์ คลอบคลุมการเรียนการสอนเรื่องเพศศึกษา ที่สำคัญต้องเคารพสิทธิของผู้ป่วยซึ่งกรณีที่มีข่าวเด็กถูกปฏิเสธการเข้าเรียนที่ จ.ยโสธร ไม่ควรเกิดขึ้นเพราะผิดหลักการทั้งในเรื่องของสิทธิมนุษยชนและสิทธิตามรัฐธรรมนูญ โดยต้องการคุ้มครองไม่ให้ถูกเลือกปฏิบัติ กีดกัน การถูกรังเกียจจากสังคม ให้ทุกคนมีเกียรติมีศักดิ์ศรีเท่าเทียบกับคนทั่วไป
ด้านนพ.ม.ล.สมชาย จักรพันธ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จะประสานไปยังสำนักงานการศึกษาพื้นฐาน (สพฐ.) เพื่อดูแลกรณีเด็กติดเชื้อเอดส์ที่ถูกกีดกันเข้าเรียนตามปกติ เพราะถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนทุกคน ขณะนี้โรงเรียนทุกแห่งต้องรับเด็กเข้าเรียน และปกปิดข้อมูลของผู้ป่วย เนื่องจากหลายครั้งที่เกิดปัญหาเมื่อผู้ปกครองอื่นทราบก็จะตั้งข้อรังเกียจและกดดันไม่ให้โรงเรียนรับเด็กเข้าเรียน ทั้งที่เด็กไม่แสดงอาการป่วย เช่นเดียวกับกรณีดังกล่าว ที่ผู้ปกครองทราบว่าเด็กมาจากบ้านโฮมฮัก จึงตั้งข้อสงสัยและรังเกียจจนกระทั่งกดดันให้โรงเรียนไม่รับเด็กดังกล่าว
“ปัญหาดังกล่าวเคยเกิดขึ้นเมื่อ 10 ปีก่อน และ สธ.ได้พยายามอธิบายวิธีปฏิบัติตนต่อผู้ป่วยเอดส์ให้โรงเรียนเข้าใจอยู่เสมอ แต่ผู้ปกครองส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจ โดยขณะนี้มีเด็กอายุ 0-18 ปี ที่ได้รับผลกระทบจากโรคเอดส์ เช่น พ่อแม่เสียชีวิตจากโรคเอดส์ ติดเชื้อเอดส์ หรือเด็กติดเชื้อด้วย ประมาณ 4 แสนรายทั่วประเทศ ในจำนวนนี้คาดว่าจะมีเด็กติดเชื้อประมาณ 2 แสนราย นอกจากเด็กแล้วยังมีหน่วยงานราชการ 2-3 แห่ง กีดกันผู้ติดเชื้อไม่รับทำงาน โดยต้องใช้ผลตรวจเลือดยืนยันซึ่งเป็นสิ่งที่ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชน อาทิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อัยการ ผู้พิพากษา เป็นต้น ซึ่งเรื่องดังกล่าว นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จะได้ประสานหน่วยงานต้นสังกัดให้เข้าใจและปรับเปลี่ยนต่อไป” นพ.ม.ล.สมชาย กล่าว
|
|
วันที่ 27 พ.ค. 2552
Advertisement
เปิดอ่าน 7,154 ครั้ง เปิดอ่าน 7,135 ครั้ง เปิดอ่าน 7,134 ครั้ง เปิดอ่าน 7,137 ครั้ง เปิดอ่าน 7,135 ครั้ง เปิดอ่าน 7,142 ครั้ง เปิดอ่าน 7,138 ครั้ง เปิดอ่าน 7,137 ครั้ง เปิดอ่าน 7,136 ครั้ง เปิดอ่าน 7,137 ครั้ง เปิดอ่าน 7,133 ครั้ง เปิดอ่าน 7,136 ครั้ง เปิดอ่าน 7,138 ครั้ง เปิดอ่าน 7,134 ครั้ง เปิดอ่าน 7,131 ครั้ง เปิดอ่าน 7,168 ครั้ง
|
เปิดอ่าน 7,138 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,137 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,458 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,138 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,139 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,133 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,133 ☕ คลิกอ่านเลย |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡
เปิดอ่าน 14,064 ครั้ง |
เปิดอ่าน 20,068 ครั้ง |
เปิดอ่าน 9,397 ครั้ง |
เปิดอ่าน 19,117 ครั้ง |
เปิดอ่าน 22,952 ครั้ง |
|
|