ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมเรื่องราวจากสมาชิก  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

สมุนไพรที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง...


เรื่องราวจากสมาชิก เปิดอ่าน : 7,149 ครั้ง
Advertisement

สมุนไพรที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง...

Advertisement

สมุนไพรที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง

  สมุนไพรต่างๆ จำนวน 18 ชนิดนี้เป็นสมุนไพรที่ขอแนะนำให้ท่านหามารับประทาน หรือนำมาทำเครื่องดื่ม ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพของท่านมาก อาทิ

1. หญ้าหวาน

   หญ้าหวานเป็นสมุนไพรที่มีค่าดัชนีแอนติออกซิเดนท์สูงสุด (18.88) ในบรรดาผัก-สมุนไพรที่นำมาวิจัยทดสอบในครั้งนี้ของนักวิจัยทางโภชนาการในปี 2545 ซึ่งเมื่อ
พิจารณาธรรมชาติขององค์ประกอบทางเคมีในหญ้าหวานแล้ว พบว่าในหญ้าหวานมีสารประกอบฟีนอลิคค่อนข้างสูงถึง 448.59 มิลลิกรัม ส่วนปริมาณเบต้า-แคโรทีน 5.10 มิลลิกรัม แซนโทฟิลล์ 5.30 มิลลิกรัม และวิตามินซีแม้จะไม่สูงนักแต่ก็ไม่ถือว่าน้อยคือ 16.50 มิลลิกรัม จึงคาดว่าสารที่โดดเด่นที่น่าจะทำให้หญ้าหวานมีดัชนีแอนติออกซิเดนท์สูงน่าจะเป็นสารประกอบฟีนอลิค
  ปัจจุบันหญ้าหวานนิยมนำมาทำเป็นเครื่องดื่มประเภทชา อย่างไรก็ตาม ความนิยมในการบริโภคหญ้าหวานยังเทียบไม่ได้กับชาเขียว หรือชาใบหม่อน อาจเป็นเพราะผู้บริโภคยังไม่ทราบ คุณประโยชน์ของหญ้าหวานอย่างแน่ชัด แต่จากสรรพคุณของหญ้าหวาน ซึ่งสามารถให้รสหวานแทนน้ำตาลได้โดยไม่ทำให้อ้วน ก็เป็นที่น่าสนใจอยู่แล้ว คาดว่าต่อไปหญ้าหวาน น่าจะได้รับความนิยมจากผู้บริโภคพอๆกับชาใบหม่อนเลยทีเดียว

- หญ้าหวานนำมาใช้เป็นเครื่องดื่มชาสมุนไพร ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน เนื่องจากในใบของหญ้าหวานมีสารที่เรียกว่า สตีวีโอไซด์ (stevioside) ซึ่งเป็นสารที่
ให้ความหวานมากกว่าน้ำตาลทราย 250 – 300 เท่า แต่สารดังกล่าวไม่ให้พลังงานจึงไม่ทำให้อ้วน ผู้ที่ชอบดื่มชาใส่น้ำตาลหรือน้ำผึ้ง หากลองมาดื่มชาสมุนไพรหญ้าหวานแล้วจะติดใจในรสชาติและสรรพคุณของชาถ้วยนี้


2. ชาใบหม่อน

  ชื่อพื้นเมือง มอน (อีสาน)
ปัจจุบันคำว่าปลูกหม่อนเลี้ยงไหมดูจะเชยไปเสียแล้ว เพราะประโยชน์ของหม่อนไม่ใช่มีแค่นั้น ยอดใบหม่อนและผลอ่อนนำมารับประทานได้ ใบหม่อนยังนิยมนำมาต้มดื่มเป็นชา ซึ่งมีวางขายกันทั่วไป เป็นคู่แข่งกับชาเขียวของจีนและญี่ปุ่น จากการวิเคราะห์ค่าดัชนีแอนติออกซิเดนท์ของหม่อนพบว่ามีค่าสูงถึง 14.06 และเมื่อพิจารณาองค์ประกอบในหม่อนแล้วพบว่า มีสารประกอบฟีนอลิคค่อนข้างสูงคือ 88.53 มิลลิกรัม ทำให้หม่อนเป็นที่น่าสนที่จะนำมาบริโภค สามารถต้มดื่มแทนชาเขียวได้ดีไม่แพ้กัน แต่ยังมีราคาถูกกว่า เมื่อทราบดังนี้แล้วคนไทยเราจึงควรหันมาบริโภคของพื้นบ้านไทยๆเราเองดีกว่า

- ชาใบหม่อนกำลังเป็นที่นิยมของคนไทย เพราะนอกจากจะเป็นการช่วยอุดหนุนสินค้าของไทยเราเองแล้ว ยังมีสรรพคุณทางยาไม่ด้อยไปกว่าชาจากต่างประเทศราคาแพงเลย การดื่มชาใบหม่อนเป็นประจำ จะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ลดความดันโลหิต ขับปัสสาวะ และยังมีสรรพคุณแก้ไข แก้ไอ และบรรเทาอาการปวดศีรษะ ส่วนผลหม่อนใช้รับประทานแก้ลมวิงเวียน หน้ามืด มีสรรพคุณเป็นยาระบาย บำรุงไต และทำให้นอนหลับดี

- นอกจากใบหม่อนอบแห้งจะนำมาใช้ชงเป็นเครื่องดื่มชาใบหม่อนแล้ว ใบอ่อนและผลอ่อนของหม่อนยังสามารถนำมารับประทานเป็นผักแกล้มกับน้ำพริกได้


3. ไพล

  ชื่อพื้นเมือง ปูเลย (เหนือ) มิ้นสะล่าง (แม่ฮ่องสอน)
ไพลเป็นสมุนไพรที่เราได้ยินชื่อกันบ่อยๆพอๆกับขมิ้น ขิง หรือข่า เพราะพืชในตระกูลนี้มีสรรพคุณทางยาแทบทั้งนี้ ซึ่งจากผลการวิจัยของเราก็พบว่าไพลมีค่าดัชนีแอนติออกซิเดนท์สูง คือ 12.12 แต่ เมื่อพิจารณาองค์ประกอบในไพลแล้วไม่มีสารใดที่โดดเด่นเป็นพิเศษจนสามารชี้ขาดได้ว่าเป็นองค์ประกอบสำคัญที่สุดที่ทำหน้าที่เป็นสารแอนติออกซิเดนท์ในไพล แต่อาจเป็นสารทั้งหมดที่ช่วยๆกันทำหน้าที่นี้จึงทำให้ไพลมีแอนติออกซิเดนท์สูงได้ สิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือ ชาวต่างชาติมักจะสนใจพืชในตระกูลนี้เพราะมีสรรพคุณโดดเด่นและเป็นพืชเมืองร้อนซึ่งบ้านเมืองของเขาไม่มี เราจึงต้องร่วมมือกันอนุรักษ์ และคอยระมัดระวังทรัพยากรของไทยเราเอง

- ในตำรายาแผนโบราณมีการใช้เหง้าที่แก่จัดของไพลเป็นส่วนประกอบในตำรับยารักษาโรคหืด นอกจากนี้ไพลยังมีสรรพคุณอื่นๆตามมาอีกมาก ตั้งแต่แก้อาการฟกช้ำ เคล็ดขัดยอก ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ แก้เหน็บชา ขับลม รักษาอาการท้องเดิน และขับประจำเดือน


4. ฟ้าทะลายโจร

   ชื้อพื้นเมือง หญ้ากันงู (สงขลา) สามสิบดี (ร้อยเอ็ด) ฟ้าสะท้าน (พัทลุง)

จากผลการวิจัยฟ้าทะลายโจรมีค่าดัชนีแอนติออกซิเดนท์ปานกลาง คือ 8.64 สารที่โดดเด่นในฟ้าทะลายโจรน่าจะเป็นสารประกอบฟีนอลิค ที่ทำหน้าที่เป็นสารแอนติออกซิเดนท์

- ทั้งต้นสดและแห้งของฟ้าทะลายโจรนำมาต้มน้ำดื่ม มีสรรพคุณรักษาโรคบิดชนิดติดเชื้อ บรรเทาอาการหวัด ท้องเดิน ทางเดินอาหารอักเสบ และปอดอักเสบ ส่วนใบมีสรรพคุณสมานแผล โดยนำใบมาบดผสมกับน้ำมันพืช แล้วใช้ทาตรงบริเวณที่เป็นแผล แผลไฟไหม้ แผลน้ำร้อนลวก จะช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น


5. กวาวเครือขาว

  ชื่อพื้นเมือง ทองเครือ จานเครือ ตานจอมทอง

สรรพคุณของกวาวเครือขาวที่สาวๆให้ความสนใจกัน ขณะนี้ก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้แน่นอนว่าเป็นไปตามที่กล่าวอ้างหรือไม่ แต่ว่าสรรพคุณในการเป็นแอนติออกซิเดนท์นี้เชื่อถือได้แน่นอน กวาวเครือขาวมีค่าดัชนีแอนติออกซิเดนท์ 7.52 มิลลิกรัม หน้า 3 จาก 10สารชมรมศาสนาและการกุศล เรื่องที่ 27 สมุนไพรที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง

- ปัจจุบันสรรพคุณของกวาวเครือขาวในเรื่องการขยายทรวงอกทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งเต่งตึงขึ้นนั้น ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด ซึ่งในเรื่องนี้ทางคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. ได้ประกาศเตือนไว้ว่าทาง อย. ยังไม่เคยอนุมัติผลิตภัณฑ์ที่มีกวาวเครือขาวเป็นตัวยาเดี่ยว ซึ่งแสดงสรรพคุณขยายทรวงอกดังกล่าว เพราะยังไม่มีข้อมูลการศึกษาทางคลีนิคที่ชัดเจนที่ยืนยันถึงสรรพคุณดังที่ว่า อย่างไรก็ตามกวาวเครือขาวยังมีสรรพคุณในด้านอื่นๆที่เชื่อถือได้ คือ ช่วยบำรุงร่างกาย โดยใช้เป็นส่วนประกอบร่วมกับสมุนไพรอื่นๆในตำรับยาบำรุงร่างกาย หรือใช้เป็นยาสำหรับสตรีที่ประจำเดือนมาไม่ปกติ



6. ชุมเห็ดเทศ

   ชื่อพื้นเมือง หมากกะลิงเทศ ลับมืนหลาว ขี้คาก (เหนือ) ส้มเห็ด (เชียงราย) จุมเห็ด (มหาสารคาม)
ชุมเห็นเทศเป็นสมุนไพรไทยที่มีสรรพคุณมากมาย และยังมีค่าดัชนีแอนติออกซิเดนท์ไม่น้อยหน้าสมุนไพรชนิดอื่นๆเลย คือมีค่า 7.12 มิลลิกรัม

- ชุมเห็ดเทศมีสรรพคุณเป็นยาระบายเช่นเดียวกับมะขามแขกโดยใช้ใบหรือดอกมาต้มน้ำดื่มเป็นยาระบาย ป้องกันอาการท้องผูก ขับปัสสาวะ นอกจากนี้ทั้งต้นยังมีสรรพคุณขับเสมหะ ขับพยาธิ รักษาโรคผิวหนัง กลากเกลื้อน และอาการฟกช้ำดำเขียวตามร่างกายได้


7. พญาปล้องทอง

   ชื้อพื้นเมือง พญาปล้องคำ (ลำปาง) ลิ้นมังกร ผักมันไก่ พญายอ
ผักลิ้นเขียด (เชียงใหม่) เสลดพังพอน (กลาง)

พญาปล้องทอง หรือที่ชาวบ้านภาคเหนือเรียกกันว่าพญายอเป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งที่เราอาจไม่ค่อยคุ้นชื่อนัก แต่ก็เป็นสมุนไพรไทยที่ใช้กันมานานแล้ว พญาปล้องทองมีดัชนีแอนติออกซิเดนท์ 6.28 มิลลิกรัม

- พญาปล้องทองมีสรรพคุณโดดเด่นในการรักษาโรคผิวหนัง โดยใช้ใบของพญาปล้องทองมาขยี้หรือตำให้ละเอียดใช้พอกทาผิวหนังรักษาโรคงูสวัดและไฟลามทุ่ง รักษาพิษแมลงสัตว์กัดต่อย เช่น แมลงป่องหรือตะขาบ

8. มะระขี้นก

   ชื่อพื้นเมือง มะห่อย มะไห่ (เหนือ) ผักไซ (อีสาน)
ในต่างประเทศมีการใช้มะระเพื่อเป็นยารักษาโรคเบาหวานแต่ต้องระวังเพราะมีผลข้างเคียงทำให้เกิดการแท้งลูกได้ ผลมะระขี้นกมีค่าดัชนีแอนติออกซิเดนท์ 1.72 ส่วนยอดมะระมีค่าดัชนีสูงกว่าคือ 6.28 เมื่อพิจารณาองค์ประกอบทางเคมีแล้วพบว่ายอดมะระมีปริมาณเบต้า-แคโรทีน 3.83 มิลลิกรัม แซนโทฟิลล์ 18.01 มิลลิกรัม วิตามินซี 16.23 มิลลิกรัม และสารประกอบฟีนอลิค 93.15 มิลลิกรัม จึงทำให้มีค่าดัชนีแอนติออกซิเดนท์สูงกว่า

- แม้ว่ามะระมีรสขมแต่ก็ให้คิดว่าขมนั้นคือยา รับประทานแล้วช่วยเจริญอาหาร ลดระดับน้ำตาลในเลือด รักษาโรคเบาหวาน โรคม้าม โรคตับ เป็นยาระบาย และขับพยาธิ หรือนำผลสุกมาคั้นน้ำแล้วใช้ทาหน้าเพื่อรักษาสิวได้

- คงไม่มีใครคิดที่จะนำมะระมารับประทานสด เพราะมะระมีรสขมมากโดยเฉพาะผล หากนำมารับประทานแกล้มกับน้ำพริกจะต้องนำมาลวกหรือต้มให้สุกเสียก่อนเพื่อลดความขมลง หรือนำมาคลุกเคล้ากับน้ำเกลือก็จะช่วยลดความขมได้เช่นกัน ทั้งยอดอ่อนและผลอ่อนนอกจากจะนำมารับประทานกับน้ำพริกได้แล้ว ยังนำมาผัดหรือปรุงเป็นแกงร่วมกับผักชนิดอื่นๆได้


9. รางจืด

  ชื่อพื้นเมือง กำลังช้างเผือก ยาเขียว เครือเถาเขียว ขอบชะนาง (ไทย) คาย (ยะลา) ย้ำแย้ (อุตรดิตถ์
)รางจืดเป็นสมุนไพรชนิดหนึ่ง แม้จะชื่อรางจืดแต่คุณค่าไม่ได้จืดเหมือนกับชื่อเลย เพราะมีแอนติออกซิเดนท์จัดอยู่ในกลุ่มปานกลาง คือ 6.25
- สมุนไพรรางจืดใช้เป็นส่วนประกอบของยาเขียวซึ่งเป็นยาไทยแผนโบราณขนานหนึ่ง มีสรรพคุณใช้ถอนพิษเบื่อเมา และถอนพิษไข้ได้ทุกชนิด ส่วนรากและเถาของต้นรางจืดก็นำมาต้มน้ำดื่ม มีสรรพคุณแก้ร้อนในและกระหายน้ำ


10. เถาวัลย์เปรียง

   ชื่อพื้นเมือง เครือตาปา (โคราช
)ผู้ที่ไม่ใช่นักสมุนไพรจริงๆอาจไม่รู้จักเถาวัลย์เปรียง เถาวัลย์เปรียงมีสรรพคุณทางยามากมาย สมุนไพรชนิดนี้มีสารฟลาโวนอยด์สูง มีค่าดัชนีแอนติออกซิเดนท์ 5.81

- ในตำรับยาแผนโบราณ เถาวัลย์เปรียงใช้เป็นยารักษาเส้นเอ็นขอด บรรเทาอาการเมื่อยขบ รักษาโรคบิด โรคหวัด ขับเสมหะ และขับปัสสาวะ ส่วนรากมีสรรพคุณเป็นยาอายุวัฒนะ บำรุงร่างกาย รักษาอาการไข้ และขับปัสสาวะ


11. ทองพันชั่ง

  ชื่อพื้นเมือง ทองคันชั่ง หญ้ามันไก่ ทองพัน ดุล (กลาง)
ทองพันชั่งเป็นสมุนไพรที่เราได้ยินชื่อบ่อยๆตั้งแต่เด็ก อาจเป็นเพราะชื่อสะดุดหูที่ความหมายดี ทองพันชั่งมีค่าดัชนีแอนติออกซิเดนท์ 5.04ดูจากชื่อคงเดาได้ว่าทองพันชั่งเป็นสมุนไพรที่มีคุณค่าดั่งทอง ใบสดหรือแห้งนำมาชงน้ำดื่ม มีสรรพคุณเป็นยาระบาย รักษาอาการท้องผูกได้ดี และยังช่วยขับปัสสาวะด้วย สำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคผิวหนังก็ให้นำใบและรากมาตำให้ละเอียดแล้วคั้นเอาน้ำออก จากนั้นนำมาแช่ในเหล้าหรือแอลกอฮอล์ ใช้เป็นยารักษาแผล กลากเกลื้อน หรือผดผื่นคันตามผิวหนังได้


12. คำฝอย

  ชื่อพื้นเมือง คำยุ่ง คำยอง คำฝอย ดอกคำ (เหนือ)
ปัจจุบันคำฝอยเป็นที่รู้จักและนิยมกันมากขึ้น ในลักษณะของเครื่องดื่มสมุนไพร เพราะคำฝอยมีสรรพคุณทางยามากมาย คำฝอยมีค่าดัชนีแอนติออกซิเดนท์ 4.88

- ผู้ที่มีโคเลสเตอรอลในเลือดสูง ขอแนะนำให้รับประทานดอกคำฝอย โดยนำมาชงกับน้ำ ใช้ดื่มเป็นประจำแทนการดื่มน้ำตามปกติ นอกจากจะช่วยลดโคเลสเตอรอลในเลือดแล้ว ยังมีสรรพคุณเป็นยาระบาย ขับเหงื่อ บำรุงเลือด บำรุงหัวใจ ระงับประสาท และระงับอาการปวดในสตรีที่ประจำเดือนมาไม่ปกติ ถ้าในบ้านมีเด็กที่กำลังออกหัดให้นำน้ำต้มดอกคำฝอยมาใช้อาบ จะช่วยลดอาการคันตามผิวหนังได้ดี ส่วนเมล็ดคำฝอยมีสรรพคุณเป็นยาระบาย ขับเสมหะ ขับปัสสาวะ น้ำมันจากเมล็ดคำฝอยนอกจากจะมีคุณค่าทางอาหารแล้ว ยังมีสรรพคุณทางยา คือ ใช้ทาแก้โรคผิวหนัง รักษาแผล บรรเทาอาการบวม และอาการปวดเมื่อยเนื่องจากโรคไขข้ออักเสบ


13. ตะไคร้

  ชื่อพื้นเมือง จะไคร (เหนือ) หัวสิงไค (อีสาน) 
ตะไคร้เป็นพืชเก่าแก่ที่ร่วมสำรับอาหารไทยมานาน โดยเฉพาะต้มยำที่พวกฝรั่งติดอกติดใจก็เพราะตะไคร้นี่แหละที่มีส่วนช่วยให้ต้มยำเชิดหน้าชูตาขึ้นมาได้ ตะไคร้มีน้ำมันหอมระเหยซึ่งกลิ่นของมันช่วยไล่แมลงได้ดี โลชั่นทากันยุงจากตะไคร้จึงมีวางขายกันให้เห็นทั่วไป ตะไคร้มีค่าดัชนีแอนติออกซิเดนท์ 4.73

- แม้ว่าเราจะไม่ค่อยได้รับประทานตะไคร้โดยตรง เพราะส่วนใหญ่จะใช้ใส่อาหารเพื่อดับกลิ่นคาวเท่านั้น แต่ตะไคร้มีสรรพคุณทางยามากมาย เช่น ช่วยขับลม แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่นจุกเสียด ขับเหงื่อ ขับปัสสาวะ ช่วยเจริญอาหาร บำรุงร่างกาย รักษาโรคผิวหนัง กลาก เกลื้อน ลดความดันโลหิต รักษาโรคหืด และใช้เป็นยาทำให้อาเจียน

- อาหารประเภทต้มยำต้องมีตะไคร้เป็นส่วนประกอบ โดยตะไคร้จะช่วยดับกลิ่นคาวให้กับอาหาร นอกจากนี้ก็นำมาซอยละเอียดปรุงเป็นยำตะไคร้ ซึ่งเป็นอาหารจานสมุนไพรที่รับประทานแล้วรับรองว่าดีต่อสุขภาพแน่นอนด้วยสรรพคุณอันมากมายที่มีอยู่ในตะไคร้


14. มะขามแขก
มะขามแขกในปัจจุบันมีการผลิตขึ้นเป็นลักษณะยาชงสมุนไพรเพื่อสะดวกในการรับประทาน และหาซื้อได้ง่ายขึ้นกว่าเมื่อก่อน มีค่าดัชนีแอนติออกซิเดนท์ 4.68

- ใบและฝักของมะขามแขกนำมาต้มกับน้ำดื่มหรือบดให้ละเอียดนำมาชง น้ำดื่ม มีสรรพคุณเป็นยาระบาย ช่วยรักษาอาการท้องผูก ซึ่งปัจจุบันเราสามารถรับประทานได้สะดวกขึ้น เพราะ
มีการทำเป็นยาชงสมุนไพรสำเร็จรูปขายกันให้เลือกหลายยี่ห้อ และยังมีการปรุงแต่งกลิ่นและรสชาติให้รับประทานอร่อยด้วย


15. หูเสือ

  ชื่อพื้นเมือง เนียมหูเสือ (กลาง) หอมด่วนหลวง (เหนือ)

หูเสือเป็นผักที่ให้กลิ่นหอมจึงช่วยดับกลิ่นคาวของอาหารได้ดี นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณเป็นสมุนไพรด้วย หูเสือมีค่าดัชนีแอนติออกซิเดนท์ 4.74
- เบต้า-แคโรทีน 2.55 มก. แซนโทฟิลล์ 4.24 มก. วิตามินซี 10.15 มก.
- ผู้ที่เป็นโรคหูน้ำหนวก ปวดหูบ่อยๆ หรือเป็นฝีในหู ให้ใช้น้ำคั้นจากใบหูเสือมาหยอดหูจะช่วยรักษาโรคดังกล่าวได้ ส่วนเด็กๆที่มีอาการท้องอืดก็ให้นำใบหูเสือมาขยี้แล้วทาท้องเด็กแก้ท้องอืดได้
- หูเสือมีกลิ่นหอมชวนให้รับประทาน นิยมนำมารับประทาน เป็นผักสดแกล้มกับอาหารเภทลาบ ยำ ก้อย และน้ำพริก เพื่อดับกลิ่นคาวและทำให้อาหารมีกลิ่นหอม


16. สะแล

  ชื่อพื้นเมือง ชะแล (กะเหรี่ยง-กาญจนบุรี) ข่อยย่าน (สงขลา)
สะแลเป็นผักพื้นเมืองของทางภาคเหนือที่พบในป่า ปัจจุบันเมื่อถึงฤดูของสะแลยังพบมีวางขายอยู่มากมาย สะแลมีค่าดัชนีแอนติออกซิเดนท์ 4.75

- สะแลนำมารับประทานมีสรรพคุณช่วยเจริญอาหาร

- ดอกและผลอ่อนของสะแลนิยมนำมาปรุงเป็นแกงส้ม หรือแกงกับปลาย่าง ผู้ที่ชอบรับประทานน้ำพริกก็นำสะแลมาลวกรับประทานแกล้มกับน้ำพริกรสจัดตามใจชอบ


17. หญ้าแห้วหมู

  ชื่อพื้นเมือง หญ้าขนหนู (แม่ฮ่องสอน)
หญ้าแห้วหมูเป็นสมุนไพรอีกชนิดหนึ่งที่มีสรรพคุณเกินตัว บางคนก็เรียกว่าหัวแห้วหมู เพราะส่วนที่เราเอามาใช้เป็นสมุนไพรก็คือ ส่วนหัวซึ่งอยู่ใต้ดิน หญ้าแห้วหมูมีค่าดัชนีแอนติออกซิ
เดนท์ 4.51

- หัวแห้วหมูสดใช้เป็นยาภายนอกรักษาโรคผิวหนังได้ดี โดยนำหัวสดมาตำให้ละเอียดแล้วใช้พอกผิวหนังบริเวณที่มีอาการคันจะช่วยแก้คันได้ หรือนำหัวสดมาทุบให้พอแตกแล้วต้มน้ำดื่มเป็นยาแก้ปวดท้อง ปวดประจำเดือน ขับเหงื่อ ขับปัสสาวะ ขับลมในลำไส้ และเหมาะอย่างยิ่งกับสตรีที่กำลังตั้งครรภ์เพราะมีสรรพคุณบำรุงร่างกาย และบำรุงทารกในครรภ์ด้วย


18. ดีปลี

  ชื่อพื้นเมือง ประดงข้อ ปานนุ พิษพญาไฟ ดีปลีเป็นพืชสมุนไพรที่นำมารับประทานเป็นผักก็ได้ แต่คนส่วนใหญ่รู้จักดีปลีในด้านของสมุนไพรมากกว่าการนำมาเป็นอาหาร ดีปลีมีค่าดัชนีแอนติออกซิเดนท์ 4.00

- เถาดีปลีมีสรรพคุณช่วยเจริญอาหาร บำรุงร่างกาย ขับลม รักษาอาการปวดท้อง จุกเสียด ท้องอืด ท้องเฟ้อ และรักษาโรคริดสีดวงทวาร ดอกดีปลีนำมาใช้ปรุงเป็นยาธาตุรักษาโรคท้องร่วง ขับลมในลำไส้ และรักษาตับพิการ ส่วนรากนำมาใช้เป็นส่วนประกอบของยาแผนโบราณแก้อัมพฤกษ์และอัมพาต

ขอบคุณที่มาข้อมูล

                                                                                     ห่วงใย

                                                                          

โพสต์โดยสมาชิกหมายเลข 1712 วันที่ 25 พ.ค. 2552


สมุนไพรที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง...

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

ภาพลวงตา...???

ภาพลวงตา...???


เปิดอ่าน 7,144 ครั้ง
ปากเป็นเอกเลขเป็นโท

ปากเป็นเอกเลขเป็นโท


เปิดอ่าน 7,145 ครั้ง
จับตา Top 5 โรคร้ายที่มาแรง

จับตา Top 5 โรคร้ายที่มาแรง


เปิดอ่าน 7,138 ครั้ง
เด็กดี

เด็กดี


เปิดอ่าน 7,412 ครั้ง
ที่ใดมีใบหนาด ที่นั้น...

ที่ใดมีใบหนาด ที่นั้น...


เปิดอ่าน 7,137 ครั้ง
บัวสี่เหล่า..

บัวสี่เหล่า..


เปิดอ่าน 7,149 ครั้ง
4 ข้อ... ก็ทายนิสัยคุณได้

4 ข้อ... ก็ทายนิสัยคุณได้


เปิดอ่าน 7,140 ครั้ง
ฉลาดคิด....ฉลาดทุกข์.....สาธุ...

ฉลาดคิด....ฉลาดทุกข์.....สาธุ...


เปิดอ่าน 7,139 ครั้ง
บทคัดย่ิอ

บทคัดย่ิอ


เปิดอ่าน 7,149 ครั้ง

:: เรื่องปักหมุด ::

ความริษยาเป็นเหตุให้โลกฉิบหาย?

ความริษยาเป็นเหตุให้โลกฉิบหาย?

เปิดอ่าน 7,143 ☕ คลิกอ่านเลย

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
กฏแห่งกรรม ......ชาตินี้เป็นอย่างนี้....เพราะ...
กฏแห่งกรรม ......ชาตินี้เป็นอย่างนี้....เพราะ...
เปิดอ่าน 7,134 ☕ คลิกอ่านเลย

Intel® Core™2 Duo
Intel® Core™2 Duo
เปิดอ่าน 7,137 ☕ คลิกอ่านเลย

วันอาสาหบูชา...มีทื่มาอย่างไร
วันอาสาหบูชา...มีทื่มาอย่างไร
เปิดอ่าน 7,146 ☕ คลิกอ่านเลย

"SMILE"<ยิ้ม>
"SMILE"<ยิ้ม>
เปิดอ่าน 7,141 ☕ คลิกอ่านเลย

สำหรับผ้ชายที่เบื่อแบบเก่าๆ
สำหรับผ้ชายที่เบื่อแบบเก่าๆ
เปิดอ่าน 7,143 ☕ คลิกอ่านเลย

มหัศจรรย์แห่งวิตามินและเกลือแร่
มหัศจรรย์แห่งวิตามินและเกลือแร่
เปิดอ่าน 7,139 ☕ คลิกอ่านเลย

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เหตุใดคนญี่ปุ่นจึงมีความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการสูง นี่อาจจะเป็นส่วนหนึ่งของคำตอบนี้..
เหตุใดคนญี่ปุ่นจึงมีความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการสูง นี่อาจจะเป็นส่วนหนึ่งของคำตอบนี้..
เปิดอ่าน 15,574 ครั้ง

ร่างกฎ ก.ค.ศ.ว่าด้วยการร้องทุกข์และการพิจารณาร้องทุกข์
ร่างกฎ ก.ค.ศ.ว่าด้วยการร้องทุกข์และการพิจารณาร้องทุกข์
เปิดอ่าน 15,282 ครั้ง

3 ข้อควรรู้ ก่อนพาลูก ไปหาหมอ
3 ข้อควรรู้ ก่อนพาลูก ไปหาหมอ
เปิดอ่าน 9,012 ครั้ง

เปิดใจ "ครูตั้ง" ครูผู้ทำหน้าที่อย่างดีเยี่ยม ตรวจการบ้านนักเรียนอย่างละเอียด
เปิดใจ "ครูตั้ง" ครูผู้ทำหน้าที่อย่างดีเยี่ยม ตรวจการบ้านนักเรียนอย่างละเอียด
เปิดอ่าน 28,089 ครั้ง

นโยบายสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 - 2565
นโยบายสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 - 2565
เปิดอ่าน 20,743 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ